บท
ตั้งค่า

ตอนที่3 อย่าเก็บมันเอาไว้

“เล่าต่อสิ อะไรที่ไม่สบายใจ อย่าเก็บมันไว้เลย” น้ำเสียงที่ฟังแล้วอบอุ่นใจราวกับได้คุยกับคนคุ้นเคยพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะชักมือกลับ กลัวจะทำให้หญิงสาวไม่สบายใจ...ชายหญิงแปลกหน้าแตะเนื้อต้องตัวกันมากไปมันไม่เหมาะสม

ศศิรินทร์มองท่าทีเป็นสุภาพบุรุษของชายหนุ่มก่อนจะเลื่อนแก้วไปให้บาร์เทนเดอร์ชงให้อีกแก้วพลางบอกเล่าต่อ “วันนี้ควรเป็นวันแต่งงานของเรา แต่ฉันไม่แต่ง ฉันให้เขาไปหาเจ้าสาวใหม่เอาซะถ้ากลัวขายขี้หน้า”

“แล้วไง เขาก็คว้าผู้หญิงคนนั้นมาเป็นเจ้าสาวเหรอ?”

คำถามนั้นไมได้รับคำตอบ หญิงสาวส่ายหน้าไปมาก่อนจะหวนคิดไม่ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้

เช้าวันนี้...

‘พะ พี่โซ่’ เสียงอุทานทักราวกับตกใจที่ได้เห็นทำให้ศศิรินทร์ที่กำลังยืนมองภาพคู่บ่าวสาวที่ถูกวาดด้วยสีน้ำมันแสนสวยต้องละสายตาไปมอง ความจริงแล้วแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ส่งเสียงทักเธอก็จะเลิกมองรูปนี้อยู่พอดี

สาเหตุที่ไม่มองต่อก็เพราะมันเจ็บอยู่ลึก ๆ และมองไปก็ไร้ความหมายเพราะในภาพเห็นเพียงด้านหลังของคู่บ่าวสาวที่จูงมือกัน

อย่างกับไม่อยากให้ใครเห็นเจ้าสาวก่อนถึงเวลาอย่างไรอย่างนั้น

จะทำแบบนั้นทำไมในเมื่อคนคนนั้นแทบจะโพนะนาไปทั่วแล้วว่าตัวเองกำลังจะเป็นเจ้าสาวหมื่นล้าน

หญิงสาวเลิกคิดเรื่องไร้สาระพร้อม ๆ กับก้าวเข้าไปหาคนที่ส่งเสียงเรียกขานชื่อกันอย่างคาดไม่ถึง เธอส่งยิ้มให้คนตกใจก่อนจะทักทายราวกับไม่มีเรื่องผิดใจใด ๆ กัน

‘วันนี้สวยเป็นพิเศษเลยนะ สวยขนาดนี้ระวังจะมีคนหวงจนอาละวาดล่ะเกรซ’

‘เกรซไม่คิดว่าพี่โซ่ก็มาด้วย’ สาวผู้ถูกทักไม่ได้ตอบรับคำทักทายหรือโต้แย้งใด ๆ สิ่งที่แพทย์หญิงภานิกา พงศ์พิริยากรหรือหมอเกรซ น้องสาวของเจ้าบ่าวในวันนี้เอ่ยเป็นคำแรกหลังจากหายตกใจคือคำถามที่เป็นใครที่รู้ความสัมพันธ์ของคนตรงหน้ากับเจ้าบ่าวก็ต้องถามเพราะความสงสัยเช่นกัน

เธอไม่คิดเลยสักนิดว่าศศิรินทร์จะมาร่วมงานในวันนี้

‘ก็เขาอุตส่าห์ส่งการ์ดไป พี่จะไม่มาได้ยังไงล่ะ’ มันเป็นคำตอบที่หากคนอื่นพูดก็ให้ความรู้สึกธรรมดา แต่เมื่อคนพูดคือแฟนเก่าของเจ้าบ่าวมันย่อมไม่ใช่คำพูดธรรมดา

ศศิรินทร์กำลังบอกว่าอดีตคนรักอุตส่าห์ส่งการ์ดไปเหยียบย่ำหัวใจกัน มีหรือที่เธอจะฉีกมันทิ้งและร้องไห้ฟูมฟาย ไม่กล้ามาเผชิญหน้า...ในเมื่อเขาอยากเห็นเธอเสียใจและไม่อาจมาเห็นภาพบาดตาได้เธอก็จะทำตรงกันข้าม

เธอจะเชิดหน้ามาที่นี่ ในวันนี้เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับเขา ให้เขาเองนั่นแหละที่รู้สึกหงุดหงิดใจที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่หวัง

‘ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ไม่เป็นอะไรแล้วก็จะไม่พังงานวันนี้ด้วย’ พอเห็นน้องสาวของอดีตคนรักเม้นปากราวกับราวกับกำลังกลุ้มใจไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีหญิงสาวจึงรีบบอกก่อนจะยื่นมือไปตบไหล่อีกฝ่าย

ความจริงเธอและครอบครัวของภานุกานต์เรียกได้ว่าจบกันด้วยดีกว่าที่คาดไว้เลยล่ะ ทุกคนนอกจากภานุกานต์เข้าใจและเคารพการตัดสินใจของเธอแม้ว่าจะรู้สึกผิดและอยากให้เธอกับภานุกานต์กลับมาคืนดีกันแค่ไหนก็ตาม

ทุกคนไม่รั้งเพราะรู้ดีว่าต่อให้มีใครคุกเข่าวิงวอนเธอก็ไม่เปลี่ยนใจ แต่ทุกคนก็รู้สึกผิดกับเธอจนไม่รู้จะปฏิบัติอย่างไรเมื่อเห็นเธอมาร่วมงานเช่นกัน

ถ้าเธอไม่มาพวกเขาก็คงไม่ต้องลำบากใจ แต่ถ้าเธอไม่มาภานุกานต์ก็ได้ใจน่ะสิ

‘เกรซไม่ต้องเครียดหรอก พี่แค่ไม่อยากให้กันต์เขาได้ใจคิดว่าพี่เสียดายเขา พี่ก็เลยมาให้เขาเห็นเท่านั้นว่าพี่ไม่ได้เสียดายคนนอกใจอย่างเขา พี่ไม่ได้มาเพื่อให้เกรซและทุกคนรู้สึกผิดหรอกนะ ถึงจะเจ็บใจอยู่บ้างที่เจ้าสาวเป็นคณิตา แต่มันก็ช่วยไม่ได้ พี่ไม่อยากแต่งกันเขาเองนี่นา’ เธอพูดแล้วก็ยักไหล่ก่อนจะจ้องมองบรรยากาศรอบ ๆ เพื่อเก็บซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ให้น้องสาวของอดีตคนรักได้เห็น

เธอแค่เจ็บใจเท่านั้น แค่นั้นจริง ๆ

ต่างฝ่ายก็ต่างเงียบ ศศิรินทร์ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อในขณะที่ภานิกากำลังขบคิดบางสิ่งบางอย่าง และแล้วหญิงสาวก็ตัดสินใจได้ มือของคนเป็นหมอรีบยื่นไปกุมมืออดีตคนรักของพี่ชายในทันที

‘มันอาจไม่ได้ทำให้พี่โซ่หายเจ็บปวด แต่มากับเกรซหน่อยนะคะ’

ไม่เพียงแค่พูดแต่หญิงสาวยังออกแรงกระตุกแขนให้ศศิรินทร์เดินตามไปในทิศทางที่เธอตั้งใจจะไปตั้งแต่แรกอีกด้วย คนถูกกึ่งลากกึ่งจูงได้แต่มึนงงและร้องถามด้วยความสงสัย

‘เดี๋ยวก่อนเกรซ เราจะพาพี่ไปไหนเนี่ย’

‘ตามมาเถอะค่ะแล้ว เดี๋ยวพี่โซ่จะเข้าใจเอง’ หญิงสาวอายุน้อยกว่าบอกเพียงแค่นั้นก็ออกแรงดึงให้อีกฝ่ายเดินตามให้เร็วขึ้น ‘เร็ว ๆ ค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทัน’

ศศิรินทร์ได้แต่เดินตามแรงดึงของหญิงสาวไปด้วยความงุนงง สาวรุ่นน้องไม่ยอมบอกเล่าอะไรทำเพียงจูงมือเธอให้เดินตามไปจนกระทั่งถึงหน้าห้องพักห้องหนึ่งมีคนวิ่งเข้าวิ่งออกเป็นว่าเล่น สาวรุ่นน้องไม่ได้เดินเข้าไปภายในห้องแต่พาเธอมาแอบมองอยู่ข้าง ๆ ประตู

ด้านในห้องนั้นมีเสียงที่คุ้นหูกำลังสั่งการและด่าทอผู้คนอยู่อย่างไม่ไว้หน้า พอลอบมองก็ได้เห็นว่าไม่ใช่ใครที่ไหน...คือคนคุ้นเคยของเธอเอง

คุกกี้ คณิตา ดาราสาวสวยที่กำลังเฉิดฉายในวงการบันเทิง กับบทบาทนางร้ายที่ได้รับความนิยม หรือก็คือเพื่อนทรยศของเธอที่คงไม่พ้นเป็นเจ้าสาวในวันนี้ยังไงล่ะ

เพราะไม่มีคนในครอบครัวพงศ์พิริยากร รวมถึงนักข่าวคณิตาจึงแสดงธาตุแท้ออกมาเต็มที่ ทั้งจิกหัวใช้ช่างทำผม ผู้จัดการส่วนตัว และด่าทอช่างแต่งหน้าแต่งตัวที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ

ศศิรินทร์ส่ายหน้าอ่อนใจ นี่คือนิสัยแท้จริงที่ไม่เหมือนกับนิสัยที่แสดงออกหน้าจอ รวมถึงเป็นนิสัยที่แท้จริงที่เธอไม่ค่อยจะได้รับรู้สินะ

ก่อนนี้ก็มีบ้างที่ทีมงานของบริษัทมาบอกเล่าให้ฟังว่าโดนคณิตาเหวี่ยงและวีนใส่แต่สาวเจ้าบอกเธอว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดและถูกคนใส่ร้าย เธอก็ดันหลงเชื่อซะเรื่อย เพิ่งมาเห็นวันนี้เองว่าที่หลายคนพูดกันรวมถึงข่าวลือในวงการเกี่ยวกับคณิตานั้นเป็นความจริงที่เธอถูกปิดหูปิดตา

นี่สินะเขาถึงบอกว่าใจคนยากแท้หยั่งถึง ภายนอกกับภายในไหนเลยจะรู้ได้ว่าเหมือนกัน

‘ชุดฉันมาหรือยัง ฉันรอนานแล้วนะ ทำอะไรชักช้ากันแบบนี้ เดี๋ยวก็ไล่ออกซะหรอก’ คนในห้องถามขึ้นด้วยอารมณ์ขัดใจ ช่างหน้าช่างผมพวกนี้ช่างไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย นี่มันวันงานสำคัญของเธอเชียวนะ ทำไมถึงได้ทำอะไรวุ่นวายซะจริง

‘ชุดมาแล้วค่ะ ชุดมาแล้ว’ เสียงกระหืดกระหอบตอบจากด้านนอกก่อนที่ใครคนนึงที่เพิ่งมาถึงหน้าประตูจะเข้าไปภายใน พอได้เห็นชุดเจ้าสาวแสนสวยที่หรูหราสมกับการเป็นเจ้าสาวหมื่นล้านดาราสาวก็ยิ้มออก รอยยิ้มนั้นไม่มีความรู้สึกผิดอยู่เลยสักนิด บ่งบอกว่าการได้เป็นเจ้าสาวในวันนี้เธอไม่ได้รู้สึกผิดต่อคนที่ควรเป็นเจ้าสาวจริง ๆ เลยแม้แต่น้อย

ศศิรินทร์มองรอยยิ้มนั้นด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ไม่หรอก เธอไม่ได้เสียดายที่ไม่ได้ใส่ชุดนั้นเพราะเธอไม่เคยคิดจะใส่ชุดที่มันหรูหราขนาดนั้นอยู่แล้ว แต่ที่เจ็บใจก็เพราะรอยยิ้มของคนกำลังจะใส่ชุดเจ้าสาวต่างหากล่ะ

ไม่คิดละอายใจต่อเธอเลยหรือ ไม่สนใจเลยหรือว่าเธอต้องเสียใจกับการกระทำของตัวเอง

ไม่มีเลยสินะ...

‘อะ คุณแม่มาแล้ว’ เสียงของภานิกาฉุดให้ศศิรินทร์หลุดจากภวังค์ความคิด หญิงสาวมองตามสายตาของอีกฝ่ายจนกระทั่งปะทะเข้ากับร่างของคุณหญิงศิกานต์ แม่ของเจ้าบ่าวในงานวันนี้ที่เดินมาพร้อมกับทิพวรรณคนรับใช้คนสนิทที่ควบตำแหน่งพี่เลี้ยงสมัยเด็กของภานุกานต์

นิ้วเรียวสวยพนมมือไหว้คนทั้งคู่อย่างอ่อนน้อมและเต็มไปด้วยความเคารพ เธอยังคงรักและเคารพคุณหญิงศิกานต์รวมถึงคุณภานุพลพ่อบังเกิดเกล้าของภานุกานต์ด้วย ตอนที่เธอบอกพวกท่านว่าไม่สามารถแต่งงานกับลูกชายของพวกท่านได้ ทั้งคุณหญิงศิกานต์และคุณภานุพลต่างก็เข้าใจและต่อว่าลูกชายอยู่หลายคำ

อาจจะมีบ้างที่โน้มนาวเธอในช่วงแรกแต่พอเธอแสดงออกชัดเจนว่าไม่อาจฝืนใจได้พวกท่านก็เข้าใจและยังคงให้ความรักความเอ็นดูกับเธอเหมือนเดิม...แม้ว่าจะยินยอมให้ลูกชายคว้าเอาชู้ที่ซุกไว้มาเป็นภรรยาก็ตาม

มันก็ช่วยไม่ได้ คณิตาวางแผนเอาไว้ดีซะขนาดนั้น จะไม่ยอมก็คงไม่ได้ ยังไงชื่อเสียงครอบครัวก็ต้องมาก่อน...มันก็เพื่อภาพลักษณ์ของช่อง และเพื่อไม่ให้พนักงานของช่องต้องเดือดร้อนนั่นล่ะ

‘ทำไมพาหนูโซ่มาที่นี่ล่ะเกรซ’ คุณหญิงศิกานต์ถามลูกสาวเสียงเข้มบ่งบอกว่าตกใจที่อดีตคนรักของลูกชายมาปรากฎตัวที่นี่ ถ้าให้พูดกันตามตรงเธอไม่กล้าจะสู้หน้าศศิรินทร์เลยตั้งแต่เกิดเรื่อง และก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาที่นี่ด้วยซ้ำ...นี่ลูกชายตัวดีของเธอก่อเรื่องอีกแล้วสินะ

ภานิกาที่ถูกถามมองคนที่เธอพามาครู่หนึ่งก่อนจะหันไปตอบผู้เป็นแม่ตามความคิดของเธอ ‘เกรซคิดว่าพี่โซ่ควรได้เห็นค่ะคุณแม่ อย่างน้อยมันก็อาจจะทำให้พี่โซ่เจ็บปวดน้อยลง’

‘ถ้าเกรซว่าดีแม่ก็คงขัดไม่ได้...จัดการได้แล้วทิพย์ เดี๋ยวเลยฤกษ์’

สองแม่ลูกเหมือนจะพูดในสิ่งที่ศศิรินทร์ไม่เข้าใจก่อนที่คุณหญิงศิกานต์จะหันไปบอกกับคนสนิท

ทิพวรรณ์ไม่รอช้าก้าวเข้าไปภายในห้องที่กำลังวุ่นวายในทันทีโดยมีสายตาของศศิรินทร์มองตามไปด้วยความงุนงง

กำลังจะเกิดอะไรขึ้น?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel