บท
ตั้งค่า

ตอนที่2 คนแปลกหน้า

การที่ต้องมาปรากฎตัวในงานแต่งงานของอดีตแฟนเก่าเพราะเจ้าบ่าวอุตส่าห์ส่งการ์ดเชิญมาเย้ยจบลงด้วยการปั้นหน้าไม่รู้สึกอะไรและปลีกตัวออกมาในช่วงท้าย ๆ ของงานด้วยความคิดที่สับสน กว่าจะรู้ตัวอีกทีหญิงสาวก็มาหยุดบนดาดฟ้าของโรงแรมที่ทางโรงแรมจัดเป็นบาร์ลอยฟ้าเสียแล้ว

มันเจ็บจี๊ดขึ้นมาเมื่อคิดขึ้นมาว่าที่นี่คือสถานที่ที่เขาคนนั้นขอเธอแต่งงานแต่หญิงสาวก็ไม่ได้คิดจะกลับลงไป ไหน ๆ ก็มาแล้ว ดื่มให้ลืม ๆ ไปสักหน่อยจะเป็นไรไป

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของบาร์เรียบหรูบนชั้นดาดฟ้าที่ลูกค้าส่วนใหญ่ต่างจับจองที่นั่งสั่งเครื่องดื่มมาดื่มกันเงียบ ๆ รับลมและชมบรรยากาศท้องฟ้ายามค่ำคืน โดยไม่ให้ความสนใจโต๊ะอื่น ๆ มากนัก ศศรินทร์ก้าวเข้าไปนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ด้วยโดยไม่สนสายตาที่บาร์เทนเดอร์มองมาด้วยความสงสัยรวมถึงสายตาของใครหลายคนที่มองจ้องมา

“ออน เดอะ ร็อค”

“อะ ออน เดอะ ร็อค เหรอครับ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มทวนคำสั่ง ใบหน้าของเขาบ่งบอกว่าไม่มั่นใจนักว่าเขาเข้าใจสิ่งใดผิดไปหรือไม่ หญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างนี้จะดื่มเพียว ๆ เลยหรือ เธอเหมาะกับค็อกเทลสีสันหวาน ๆ ซะมากกว่า...จะดื่มแบบออน เดอะ ร็อค จริง ๆ น่ะหรือ

“ผมว่าเป็นค็อกเทลน่าจะเหมาะกว่านะครับ อย่างเช่น บลู กามิกาเซ่ หวานชื่นใจกว่าแบบออน เดอะ ร็อคเยอะเลย”

“เอาสิ อะไรก็ได้” หญิงสาวตอบกลับก่อนจะนั่งนิ่งโดยไม่ปริปากพูดอะไรอีก ชายหนุ่มที่เป็นบาร์เทนเดอร์ลอบสังเกตอีกครู่ก่อนจะเริ่มชงเครื่องดื่มให้กับหญิงสาว

เธอคนนี้จะบอกว่าคุ้นหน้า ก็ค่อนข้างจะคุ้น แต่จะบอกว่าเป็นลูกค้าประจำของบาร์ลอยฟ้าแห่งนี้ก็พูดไม่ได้ ถ้าความจำของเขาไม่ผิดพลาดไป เธอคือคนที่ถูกแฟนหนุ่มซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้าของโรงแรมนี้ขอแต่งงานบนนี้เมื่อปีก่อนไม่ใช่หรือ

ข่าวว่าวันนี้เป็นวันที่ลูกพี่ลูกน้องของบอสคนนั้นเข้าพิธีแต่งงานไม่ใช่หรือ ทำไมคนที่ควรจะเป็นเจ้าสาวจึงได้ขึ้นมานั่งอยู่บนบาร์ลอยฟ้าแทนที่จะอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยงด้านล่างซึ่งเป็นสถานที่จัดงานล่ะ?

หรือว่าเขาจำผิดไป

“บลู กามิกาเซ่ ได้แล้วครับ” แม้จะเกิดความรู้สึกสงสัยแต่ทักษะและความเคยชินก็ทำให้ชายหนุ่มทำหน้าที่บาร์เทนเดอร์ออกมาได้ดีดั่งเช่นเวลาปกติ เครื่องดื่มสีฟ้าดูน่าลิ้มลองถูกเสิร์ฟตรงหน้าหญิงสาวก่อนที่เขาจะละความสนใจไปเก็บของที่ลูกค้าอีกคนที่มานั่งที่หน้าเคาน์เตอร์แทนที่จะไปนั่งรับลมตามที่นั่งที่ยังว่างทิ้งไว้ก่อนจะลุกจากไป

บาร์บนดาดฟ้าแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความเงียบสงบ และให้บรรยากาศผ่อนคลายอารมณ์ ศศิรินทร์มองเครื่องดื่มที่ค่อนข้างจะเข้ากันได้กับชุดที่เธอใส่ด้วยนัยน์ตาแฝงความรู้สึกเจ็บปวดก่อนจะคว้าแก้วขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ววาดหวังว่าความเย็นจากเครื่องดื่มจะดับความร้อนภายในใจลงได้บ้าง

ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น...

“ออน เดอะ ร็อค”

น้ำเสียงหนักแน่นแฝงเสน่ห์ที่ผสมผสานความอ่อนโยนและดุดันเข้าด้วยกันดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลดึงความสนใจของศศิรินทร์ที่จมอยู่กับความคิดสับสนให้กลับมายังสถานการณ์ปัจจุบัน  หญิงสาวเหลือบสายตาไปมองคนมาใหม่ที่กำลังนั่งลงในที่นั่งข้าง ๆ ซึ่งคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ลุกไปไม่นานก่อนจะถอนสายตากลับมาจ้องที่แก้วของตนอีกครั้ง ลูกค้าจะมาใหม่จะมานั่งแทนที่คนเดิมไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่แปลก...

ทั้งที่ไม่รู้จัก เธอกลับรู้สึกว่าได้ถึงแสงแดดอบอุ่นที่พัดพาเอาความเศร้าหมองมืดมนรอบ ๆ ตัวเธอให้เบาบางลงอย่างประหลาด

ราวกับใครคนนึงในความทรงจำอันเลือนลางที่เพียงแค่นั่งเฉย ๆ ก็ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นได้ น่าแปลก ความรู้สึกแบบนี้เธอแทบจะจดจำไม่ได้แล้ว ทำไมถึงมีคนทำให้รู้สึกขึ้นมาได้นะ

 “พี่ที่นัดกับพี่ต่อไว้ใช่มั้ยครับ” บาร์เทนเดอร์​หนุ่มสอบถามคนมาใหม่แต่ก็ยังเลื่อนเครื่องดื่มที่เพิ่งชงเสร็จให้กับศศิรินทร์ที่เลื่อนแก้วส่งมาบ่งบอกว่าต้องการเพิ่มอีกแก้ว

ร้อยตำรวจเอกรังสิมันตุ์  กัญจนานนท์หรือผู้กองซัน​ อดีตนายตำรวจสายบู๊ที่ถูกย้ายมาฝ่ายสืบสวนสอบสวนหนุ่มมาดนิ่งเหลือบมองแก้วน้ำสีหวานที่ถูกเลื่อนไปให้หญิงสาวพลันมองตามจนแก้วถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากแต่ก็ต้องสะบัดหน้าเบา ๆ  เขาดันเผลอจ้องมองริมฝีปากอวบอิ่มของคนแปลกหน้าไม่สมกับเป็นสุภาพบุรุษไปซะได้

เป็นอะไรไปนะ...

ชายหนุ่มคิดกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจก่อนจะหันกลับไปตอบกลับคำถามของบาร์เทนเดอร์หนุ่ม​ เพราะไม่อยากจะหันไปสนใจคนแปลกหน้ามากเกินไป...เดี๋ยว​จะโดนเข้าใจว่าเป็นโรคจิตเอาได้

“ใช่แล้วน้อง  พอดียุ่ง ๆ เลยมาช้าไปหน่อย ต่อมันกลับแล้วเหรอ”

“กลับแล้วครับ​ แต่สั่งไว้นะว่าให้เก็บค่าเหล้ากับพี่” บาร์เทนเดอร์ หนุ่มที่ดูจะเป็นกันเองกับลูกค้าทุกคนตอบพร้อมกับเลื่อนเครื่องดื่มที่เพิ่งชงหมาด​ ๆ​ ให้ชายหนุ่ม

“ออน เดอะ ร็อคที่สั่งครับพี่”

“ขอบใจมาก”

ชายหนุ่มพึมพำขอบคุณพร้อมกับลอบมองบางสิ่งบางอย่างที่วางอยู่ข้างแก้วพลางกระตุกยิ้ม การที่บาร์เทนเดอร์พูดคุยกับลูกค้าไม่ใช่เรื่องแปลก แต่วันนี้มันไม่ปกติ​ ระหว่างเขากับบาร์เทนเดอร์คนนี้มันคือการฝากข่าวสารจากคนที่นั่งก่อนหน้ามาถึงเขา

คนที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้คือสายข่าวที่หาโอกาสเจอได้ยากยิ่ง แต่วันนี้ที่เป็นวันแต่งงานของลูกน้องในทีม โอกาสที่ว่ายากก็ลอยมาอยู่ตรงหน้า ทุกอย่างมันควรจะราบรื่นแต่ดูจะไม่ง่ายอย่างที่คิด นั่นก็เพราะ...ข้าง ๆ กันมีหญิงสาวแปลกหน้านั่งอยู่โดยไม่มีทีท่าจะหันไปทางอื่นน่ะสิ

แก้วที่เพิ่งเลื่อนไปให้สาวแปลกหน้าถูกเลื่อนกลับมาให้บาร์เทนเดอร์หนุ่มอีกครั้งโดยไม่มีการพูดจา รังสิมันตุ์เผลอมองอีกครั้งทั้งเพราะต้องการหาจังหวะของสำคัญทั้งเพราะคนข้าง​ ๆ​ เหมือนมีอะไรดึงดูดให้เขาต้องสนใจ

ทักสักหน่อยดีมั้ยนะ

“ดูเข้ากับสีชุดคุณดีนะครับ...รสชาติมันดีหรือเปล่า” ไวเท่าความคิดเขาก็เปิดฉากทักถามไปแล้วอย่างชวนคุยทั้งที่ไม่ใช่คนชอบพบปะพูดคุยกับใครทันทีที่เห็นสีของเครื่องดื่มที่ติดก้นแก้วของหญิงสาวอยู่

ศศิรินทร์เหลือบมองดวงตาคมกริบที่มองมาพร้อมกับคำถามก่อนจะเมินหน้าหนี​ ไม่สนใจทั้งคนถามและคำถาม

ผู้ชายแปลกหน้าชวนคุยทั้งที่ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันไม่พ้นอยากสานสัมพันธ์​ แต่เธอไม่ใช่ผู้หญิงรักสนุก​ และไม่คิดจะสานต่อกับใครเพียงเพราะความเจ็บปวดและเสียใจ​ มันเหมือนเธอกำลังประชดคนที่เธอเคยลั่นวาจาว่าไม่เสียดาย...เธอจะไม่ทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นแน่

ไม่มีวัน....

“ได้แล้วครับพี่” บาร์เทนเดอร์หนุ่มเอ่ยแทรกขึ้นพร้อมกับเลื่อนแก้วให้หญิงสาวก่อนจะหันมายักไหล่ให้ลูกค้าคนพิเศษ ผู้หญิงเขาไม่เล่นด้วย ไอ้เขาก็ช่วยไม่ได้นะ

เจอผู้หญิงปฏิเสธอย่างไม่รักษาไมตรีทำเอารังสิมันตุ์หน้าชาไม่น้อยแต่ก็ได้โอกาสของที่ต้องหยิบที่ถูกฝากไว้​มาเก็บใส่กระเป๋าเช่นกัน​ เมื่อสิ่งที่ต้องทำเสร็จสิ้นชายหนุ่มก็ยกเครื่องดื่มขึ้นมาดื่มเงียบ​ ๆ​ พร้อมกับเบือนหน้าไปอีกทางราวกับเชิดกลับคนที่กล้าเมินเขาเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต

ไม่ตอบก็ไม่ช่างสิ คิดว่าจะง้อหรือไงกัน...

หลายนาทีต่อมา

ทั้งที่คิดและตั้งใจจะไม่สนใจแต่สายตาเจ้ากรรมก็ไม่วายเผลอไปมองแม่สาวบรรยากาศรอบตัวดูหมอง ๆ อยู่หลายครั้งราวกับมีแรงดึงดูดที่ไม่สามารถอธิบายได้ ทั้งที่ตรงนี้มืดพอสมควรแต่เขาก็ยังเหลือบไปมองอยู่หลายครั้ง...เป็นโรคจิตไปแล้วหรือไงกันนะ

ใช่เพียงชายหนุ่มที่เหลือบมองอยู่หลายครั้ง ศศิรินทร์เองก็รู้สึกราวกับมีอะไรดึงดูดให้ต้องเผลอเหลือบไปมองคนที่เข้ามาทักแต่โดนปฏิเสธไปอย่างไร้เยื่อใยอยู่เหมือนกัน

อาจจะเพราะดื่มไปหลายแก้วเธอถึงได้ทำอะไรแปลก ๆ แบบนี้ทั้งที่ไม่คิดที่จะทำตัวรักสนุกหรือสานต่อความสัมพันธ์กับใครในสถานที่แบบนี้

หรืออาจจะเพราะเขาคนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับใครบางคนที่เคยรู้จักเมื่อนานมาแล้วเธอถึงได้รู้สึกราวกับถูกดึงดูดแบบนี้

ทั้งคู่ต่างก็เป็นคนแปลกหน้าที่ไม่มีความจำเป็นต้องสนทนาปราศรัยกันแต่ก็ราวกับมีอะไรดึงดูดให้เผลอมองกันอยู่หลายครั้งยิ่งดึก ฤทธิ์น้ำเมาก็ยิ่งลดทอนสติสัมปชัญญะ คนที่นั่งต่างคนต่างดื่มลอบมองกันอยู่บ่อย ๆ ก็เปลี่ยนเป็นหันหน้าเข้าหากันระบายเรื่องอัดอั้นอยู่ในใจราวกับพบเจอคนช่วยปรับทุกข์...แต่ความจริงแล้วคล้ายจะเป็นฝ่ายหญิงเท่านั้นที่ระบายความเจ็บช้ำโดยมีฝ่ายชายรับฟังโดยไม่ห้ามปราม

“ฉันกับเขาคบกันเพราะผู้ใหญ่เชียร์ แรก ๆ ฉันคิดว่าเขาก็ดูดี คุยกันดูสักหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร แต่นานวันหัวใจฉันมันก็เริ่มมีเขาเข้ามาเรื่อย ๆ ในวันที่ถูกขอแต่งงานฉันรู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่บนอากาศ...ตรงนั้น เขาขอฉันแต่งงานตรงนั้น” มือสวยชี้ไปยังจุดที่สวยที่สุดของบาร์ลอยฟ้าซึ่งเป็นสถานที่ที่ภานุกานต์ชวนเธอมาดื่มและคุกเข่าขอแต่งงาน

ภาพในวันนั้นยังคงฉายชัดอยู่ในหัว คำขอที่ไม่ได้เลิศหรูอะไรแต่ก็ซึ้งและตราตรึงในใจ มันยังคงให้ความรู้สึกราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ทั้งที่ผ่านมาเป็นปี

“ตอนนั้นฉันไม่ลังเลเลย ตอบรับทันทีเพราะมั่นใจว่าเขาคงไม่ทำให้ฉันเสียใจ...แต่สุดท้ายฉันก็ต้องเสียใจเพราะเขากับคนที่ฉันคิดว่าเป็นเพื่อนรัก”

“คุณรู้มั้ย เขาบอกว่าไง” คนเริ่มเมาและอารมณ์กำลังขึ้นถามอย่างไม่ต้องการคำตอบก่อนจะเล่าต่อด้วยหน้าตาที่คล้ายกับคนจะร้องไห้เต็มที “เขาบอกว่าคืนนั้นเขาเมา ไม่รู้นังนั่นมาอยู่บนเตียงได้ยังไง แต่หลังจากนั้นก็ปล่อยเลยตามเลย...เขากล้าพูดว่าปล่อยเลยตามเลยต่อหน้าฉัน เหมือนฉันไม่มีหัวใจได้ยินไปแล้วจะไม่รู้สึกอะไรเลย”

หญิงสาวยังคงระบายออกมาโดยมีชายหนุ่มนั่งฟังโดยไม่ขัด รังสิมันตุ์ไม่ถนัดปลอบใจ แต่เรื่องที่ได้ยินก็ทำเอาเขาอยากจะลูบไหล่ปลอบคนเมากว่าสักครั้ง เธอบอบช้ำมากจริง ๆ เขาควรจะปลอบใจยังไงเธอถึงจะหายเศร้ากันนะ

ไม่อยากเห็นหน้าเศร้า ๆ นี่เอาซะเลย

มือหนาเลื่อนไปวางบนไหล่พร้อมกับตบเบา ๆ  มันอาจจะดูไม่สมควรนักแต่มันก็ดีกว่าเขานั่งฟังเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรเลย

ไม่เป็นไรนะ คุณไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้...

การปลอบใจโดยไม่มีคำพูดแต่เข้าใจอย่างประหลาดจากคนแปลกหน้าทำเอาศศิรินทร์ยิ่งอ่อนแอลง ยิ่งเขาตบไหล่ให้กำลังใจก็ยิ่งรู้สึกเป็นตัวเองที่อ่อนแอได้ไม่ต่างจากใคร

หลายปีมานี้อะไรหลาย ๆ อย่างหล่อหลอมให้เธอกลายเป็นคนเข้มแข็งไม่สามารถแสดงออกถึงความอ่อนแอที่ซ่อนลึกอยู่ภายในได้ แต่ตอนนี้เธอกลับควบคุมมันไม่ได้ เธอกำลังอ่อนแอต่อหน้าคนแปลกหน้าที่มองหน้ากันยังไม่ชัดเลยด้วยซ้ำ

คนเราต่อให้เข้มแข็งแค่ไหนก็อยากจะอ่อนแอกับใครสักคน คนที่รับฟังได้ทุกเรื่อง และดึงรั้นเราขึ้นมาเข้มแข็งอีกครั้ง...คนคนนั้นของเธอเป็นคนแปลกหน้าเนี่ยนะ

ตลกร้ายชะมัดเลย...

 
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel