12 หมากเกมนี้
เสียงเครื่องยนต์คำรามก้องของรถสปอร์ตสุดหรูพุ่งทะยานฉวัดเฉวียนไปตามท้องถนนยามสาย โลหะสีแดงที่กำลังเร่งรีบ มุ่งหน้าสู่ใจกลางมหานครที่เต็มไปด้วยตึกสูงเสียดฟ้า โดยมีจุดหมายปลายทางคือโรงแรมขนาดใหญ่สูงตระหง่าน ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของผู้เป็นบิดาเขา
ประตูรถเปิดผางออกพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่ก้าวลงมาอย่างเร่งรีบ ดวงตาคมกริบกวาดมองไปรอบตัวอย่างไม่รอช้า ก่อนจะตรงดิ่งไปยังลิฟต์โดยสารราวกับมีนัดสำคัญที่ไม่อาจพลาดได้ เมื่อบานประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นสำนักงานอันเงียบสงบ เลขาฯ ส่วนตัวของบิดา ซึ่งเป็นหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา กำลังนั่งทำงานอย่างขะมักเขมัก เธอเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า และเมื่อสบตาเข้ากับเขา สีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดพลางรีบลุกขึ้นยืนพร้อมเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
”คุณแทน! ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรด่วนหรือคะ” เลขาฯ ถามด้วยรอยยิ้ม
“พ่อชั้นอยู่ไหน?” แทนไทถามเสียงห้วน โดยไม่แม้แต่จะทักทายกลับ
“ท่านประธานกำลังประชุมอยู่ค่ะ คงอีกสักพักใหญ่กว่าจะเสร็จ” เลขาฯ ตอบอย่างสุภาพ
“ผมจะเข้าไปคุยกับพ่อเดี๋ยวนี้!” แทนไทพูดเสียงดัง สีหน้าบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“แต่...ท่านประธานกำชับไว้ว่าห้ามใครรบกวนระหว่างประชุมนะคะ” เลขาฯ พยายามอธิบาย แต่แทนไทไม่สนใจ เขาเดินตรงไปยังประตูห้องประชุมทันที
“พ่อ!!!...ผมมีเรื่องจะคุยด้วย!” แทนไทตะโกนเสียงดัง ก่อนจะพยายามจะเปิดประตูเข้าไปในห้องประชุม แต่เลขาฯ รีบเข้ามาขวางไว้
”คุณแทนคะ! อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ!” เสียงกรีดร้องของเลขาฯ สาว ดังระงมขึ้น ราวกับสัญญาณเตือนภัยที่ฉีกกระชากความเงียบสงบของชั้นสำนักงาน การโต้เถียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เริ่มดึงดูดสายตาของพนักงานคนอื่นๆ ที่กำลังง่วนอยู่กับงานของตัวเอง พวกเขาพากันหันมามองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและความตกใจ เหตุการณ์เริ่มวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเสียงตะโกนของแทนไททะลุทะลวงเข้าไปในห้องประชุมใหญ่
ภายในห้องประชุม คุณเสกสรรค์ ผู้เป็นบิดากำลังเจรจาธุรกิจสำคัญกับบรรดาผู้บริหารโรงแรมในเครือ เขาสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงโวยวายของลูกชาย พลางชะงักการสนทนาลงทันที แม้จะไม่ได้ยินถ้อยคำชัดเจน แต่เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายผ่านประตูกระจกใส เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นแล้ว
“ผมขอพักการประชุมช่วงเช้าเอาไว้แค่นี้ก่อน” คุณเสกสรรค์กล่าวเสียงเรียบ พยายามคุมสีหน้าให้ดูเป็นปกติที่สุด แม้ในใจจะร้อนรุ่มราวกับถูกไฟสุม ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกมาหาลูกชายที่ยืนตัวสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือดราวกับคนไม่มีเลือด
“แทน! เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมาโวยวายที่นี่!” คุณเสกสรรค์ถามเสียงเข้ม แต่แววตาที่มองลูกชายกลับฉายชัดถึงความกังวลอย่างปิดไม่มิด ไม่รอให้แทนไทได้ตอบ เขาก็รีบคว้าแขนลูกชายแล้วลากตรงไปยังห้องทำงานส่วนตัวทันที เพื่อสงบสติอารมณ์ของอีกฝ่ายที่กำลังคุคุกรุ่นราวกับภูเขาไฟพร้อมจะปะทุ
“แกรู้ไหมว่าพ่อดีใจแค่ไหนที่เห็นแกกลับบ้าน”
น้ำเสียงของคุณเสกสรรค์อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเอ่ยประโยคนั้นออกมา เขานึกถึงรายงานจากหัวหน้าแม่บ้านเมื่อเช้าที่โทรมาแจ้งเรื่องการกลับมาของแทนไท แต่ก็ไม่คาดคิดว่าลูกชายจะบุกมาถึงที่ทำงานอย่างไม่ทันตั้งตัว ทว่า...คำพูดที่เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนของพ่อ ไม่ได้ทำให้กำแพงน้ำแข็งในใจของแทนไทสั่นคลอนลงเลยแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าพ่อรักเขามาก และไม่ว่าพ่อจะมีผู้หญิงอีกกี่คน เขาก็ไม่เคยเข้าไปก้าวก่าย เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา แต่เรื่องนี้...เรื่องนี้เขาไม่มีทางยอม!
แทนไทไม่รอช้าที่จะพูดพร่ำทำเพลง เขายื่นนามบัตรสีขาวสะอาดตาในมือให้กับผู้เป็นบิดา ตัวอักษรคมชัดปรากฏชื่อ “ชมพูนุช เนตรเงิน” คุณเสกสรรค์มองชื่อบนนามบัตร ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าซีดเผือดลงทันทีราวกับถูกกระชากวิญญาณ เขาจำชื่อนี้ได้ดี...จำได้แม่นยำ...
“พ่อรู้จักเธอใช่ไหม! พ่อรู้จักผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม!” แทนไทถามเสียงดังขึ้นอีก ดวงตาแดงก่ำจับจ้องใบหน้าพ่ออย่างไม่ลดละ ราวกับจะค้นหาความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ ทุกท่าทีของพ่อบ่งบอกว่านี่คือความจริง...ความจริงที่เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้น!
คุณเสกสรรค์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิง ก่อนจะตอบด้วยเสียงที่สั่นเครือ “รู้จักสิ...มีอะไรเหรอ...แทน”
“แล้วพ่อเคยมีอะไรกับเธอใช่ไหม!” แทนไทไม่รอช้าที่จะถามคำถามที่กระชากหัวใจออกมาอย่างไม่รีรอ
คุณเสกสรรค์หลับตาลงช้าๆ ภาพในอดีตฉายชัดขึ้นมาในห้วงความคิด ชมพูนุช...หญิงสาวที่เคยเข้ามาในชีวิตของเขาในช่วงเวลาที่อ่อนแอ เป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยความลับ เขาจำได้ว่าเคยมีความสัมพันธ์กับเธอในช่วงหนึ่ง แต่เมื่อภรรยาของเขาทราบเรื่อง ความสัมพันธ์นั้นก็จบลงอย่างรวดเร็ว และหลังจากวันนั้นเขาก็ไม่เคยติดต่อกับชมพูนุชอีกเลย
“พ่อเคยมีลูกกับเธอหรือเปล่า!” แทนไทถามย้ำด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังอันริบหรี่และภาวนาขอให้มันไม่ใช่เรื่องจริง
“หลังจากที่เลิกกันไป พ่อก็ไม่เห็นว่าเธอจะท้องนะ แล้วเธอก็ไม่เคยบอกกับพ่อเลยสักครั้งว่าตัวเองท้อง” คุณเสกสรรค์รีบยืนยันด้วยน้ำเสียงจริงจังกับบุตรชาย ดวงตาของเขามองลูกชายอย่างห่วงใย
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับแก ไหนเล่าให้พ่อฟังสิ” แทนไทตัดสินใจเล่าความจริงทุกอย่างให้ผู้เป็นบิดาฟังทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่เขามีอะไรกับมะลิ เมื่อเล่าจบ น้ำเสียงของเขาแผ่วลงคล้ายคนจะหมดแรง
“มะลิ...มะลิเป็นน้องสาวผมใช่ไหมครับพ่อ!” สายตาที่เต็มไปด้วยความปวดร้าวฉายชัดอยู่ในดวงตาของแทนไท
“พ่อขอโทษ...พ่อไม่รู้ว่าเธอตั้งท้องหรือเปล่า แต่ตอนเลิกรากัน พ่อยืนยันว่าเธอไม่ได้ท้องแน่นอน” คุณเสกสรรค์รีบยืนยันอีกครั้ง น้ำเสียงหนักแน่น
“พ่อถามหน่อยสิ...แล้วแกไปรู้จักเค้าได้ยังไง”
“เรื่องมันยาวครับพ่อ เอาไว้เดี๋ยวตอนเย็นผมจะกลับไปเล่าให้ฟังที่บ้าน งั้นผมขอตัวก่อนนะ” แทนไทไม่ได้รอฟังคำตอบ เขาหันหลังกลับทันที ในหัวของเขาตอนนี้มีเพียงชื่อเพื่อนคนหนึ่งที่เขาต้องการพบที่สุด...ข้าวโอ๊ต!
รถสปอร์ตของแทนไทจอดเทียบฟุตปาธหน้าคาเฟ่ที่เขาและเพื่อนๆ ชอบมานั่งรวมตัวกันอย่างกะทันหัน แทนไทก้าวลงจากรถด้วยท่าทางรีบร้อน ใบหน้ายังคงซีดเผือดและแววตาเต็มไปด้วยความสับสน เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ราวกับกำลังค้นหาเบาะแส ก่อนจะเห็นข้าวโอ๊ตนั่งอยู่ที่มุมประจำ ใบหน้าคมคายกำลังก้มมองโทรศัพท์อย่างใจเย็น
“ไอ้โอ๊ต!!!” แทนไทเดินตรงเข้าไปหาเพื่อนอย่างรวดเร็ว เสียงของเขาแหบพร่าและเต็มไปด้วยความเร่งรีบจนข้าวโอ๊ตถึงกับเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ
“เฮ้ย ไอ้แทน! นี่มึงเอารถสปอร์ตมาใช้แล้วเหรอวะ...” ข้าวโอ๊ตถามด้วยความแปลกใจ ที่เห็นเพื่อนเป็นคนปกติอย่างที่เคยเป็น
แทนไทไม่ตอบคำถาม เขาทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับข้าวโอ๊ต ท่าทางร้อนรนจนผิดสังเกต
“มึงบอกความจริงกูเดี๋ยวนี้ไอ้โอ๊ต...มึงรู้อะไรเกี่ยวกับคุณชมพู่บ้าง” น้ำเสียงของแทนไทจริงจังจนเพื่อนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
“เรื่องอะไรวะ” ข้าวโอ๊ตขมวดคิ้ว
“ก็เรื่องคุณชมพู่ไง มึงรู้อะไรบ้าง” แทนไทเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ราวกับต้องการตอกย้ำให้เพื่อนรู้ว่าเขาหมายถึงใคร
ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น สีหน้าของข้าวโอ๊ตก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย แววตาฉายแววไม่สบายใจ
“เฮ้ย! กูเลิกกับเค้าแล้ว อย่าบอกนะว่ามึงจะคบกับเค้าต่ออะ” น้ำเสียงของข้าวโอ๊ตบ่งบอกว่ามีบางอย่างที่เขาปิดบังอยู่
“วันนั้นที่บาร์ มึงตั้งใจพาคุณชมพู่ไปหากูใช่มั้ย” แทนไทจับแขนเพื่อนแน่น เค้นถามอย่างไม่ออมแรง ความอดทนของเขาใกล้จะหมดลงเต็มที เขาเดาได้ทันทีว่านี่คือแผนการที่คุณชมพู่จะเข้าหาเขา โดยอาศัยข้าวโอ๊ตเป็นเครื่องมือ
ข้าวโอ๊ตถอนหายใจเฮือกใหญ่ สายตาของเขามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา
“เอาล่ะ...กูจะบอก แต่มึงต้องใจเย็นๆ นะเว้ย” แทนไทพยักหน้า สีหน้าบ่งบอกว่าพร้อมจะรับฟังทุกสิ่ง ไม่ว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม
จากนั้นข้าวโอ๊ตก็เริ่มเล่า
“ก็วันนั้นเค้าบอกว่าเค้าชอบมึง” ข้าวโอ๊ตเว้นวรรคเล็กน้อย
“อันที่จริงที่เค้ายอมไปเดทกับกู ก็เพื่อจะไปหามึงนั่นแหละ แล้วคืนนั้นหลังกลับจากบาร์เค้าก็จอดรถคอยมึงเลย” คำชี้แจงของข้าวโอ๊ต แทนไทก็รู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่ากลางใจ เขานิ่งงันไปชั่วขณะ สมองพลันย้อนกลับไปถึงคืนนั้น...
‘สวยดีว่ะ’
‘มึงชอบละสิ!’
‘เฮ้ย!..ก็แฟนมึงไม่ใช่เหรอ’
‘กูถามว่าชอบมั้ย ไม่ได้ถามว่าให้เป็นแฟนสักหน่อย’
‘เอ่อ...ก็สวยดี!’
‘ถ้าให้เอา...มึงเอาป่ะ?’
สัด!!!..ถามอะไรแบบนั้นวะ’
‘ก็ถามตรงๆ นี่แหละ’
‘ผู้หญิงสวย เซ็กซี่ ขนาดนี้?’
ประโยคที่เคยฟังดูเหมือนคำถามห่ามๆ ของเพื่อนสนิท บัดนี้กลับก้องกังวานในโสตประสาทราวกับเสียงประจานที่น่ารังเกียจ
ภาพเหตุการณ์ผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน หญิงสาวพาเขาขึ้นรถหลังเลิกงานคืนนั้น ดวงตาที่มองมาอย่างเว้าวอน ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าใส่จนหน้ามืด นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นแผนการที่ถูกวางไว้
“แล้วมึงรู้อะไรเกี่ยวกับเค้าอีก” แทนไทถามขึ้นอย่างเลื่อนลอย
“รู้แค่นี้ กูก็เพิ่งรู้จักเค้าก่อนมึงแค่ไม่กี่วันเอง”
“เอ่อ งั้นแล้วไป” แทนไทพยักหน้าเล็กน้อย ท่าทางครุ่นคิดหนัก
“เกิดอะไรขึ้นวะ คุณชมพู่หักอกมึงรึไง” ข้าวโอ๊ตถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นท่าทีแปลกไปของเพื่อน
“กูไม่ได้ชอบเค้า” แทนไทตอบสั้นๆ
“อ่าว!!..แล้วงั้นมึงเดือดร้อนอะไร อย่าบอกนะว่าคืนนั้นมึงไม่ได้ไปต่อกับเค้าน่ะ” ข้าวโอ๊ตถามต่อด้วยน้ำเสียงล้อเลียนปนสงสัย
“เรื่องมันยาว เอาไว้เดี๋ยวกูเล่าให้มึงฟังทีหลัง” แทนไทตอบปัด เขาไม่พร้อมที่จะเล่าทุกอย่างให้ข้าวโอ๊ตฟังในตอนนี้ ความจริงมันซับซ้อนและโหดร้ายเกินกว่าที่ใครจะรับไหว เขาแค่ต้องการข้อมูลจากข้าวโอ๊ตเพื่อยืนยันสิ่งที่เขาคาดเดาเท่านั้น
