คืนคลั่งรัก

126.0K · จบแล้ว
ลายมะลิ
71
บท
28.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ก็แค่ผู้หญิงที่เรียกมาบริการแค่คืนเดียว แต่ทำไมถึงได้เป็นคนที่ต้องนอนอยู่ข้างกายไปจนตาย...

นิยายรักโรแมนติกผู้ชายอบอุ่นรักแรกพบพระเอกเก่งรักหวานๆโรแมนติก

บทที่ 1

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นรัวๆทำให้คนที่กำลังนอนหลับสนิทสะดุ้งตื่นขึ้นมาสุดตัว ใบหน้าสวยเฉี่ยวแสดงท่าทีหงุดหงิดที่ถูกรบกวนเวลานอนในเวลาเช้าตรู่อย่างนี้หญิงสาวชันตัวลุกขึ้นนั่ง ยกมือยีผมด้วยความไม่สบอารมณ์ก่อนจะเลิกผ้าห่มออกแล้วก้าวลงจากเตียงเดินกระแทกส้นเท้าตรงไปที่ประตูห้อง

“จะเคาะอะไรนักหนา…แม่ นี่มันเพิ่งหกโมงเช้าอยู่เลยนะ”

“นอนกินบ้านกินเมืองนะมึงอีลิน มึงไม่มีเรียนรึไงวันนี้”

ใบหน้าของมิลินดาโยกไปด้านหลังเมื่อถูกผู้เป็นแม่ใช้นิ้วจิ้มมาที่หน้าผากของเธออย่างแรงจนเซถอยหลัง

“โอ๊ยแม่!! ลินเจ็บนะ” มิลินดาลูบที่หน้าผากตัวเองพร้อมกับทำใบหน้ายู่ยี่ใส่แม่ของเธอ

“กูก็ตั้งใจทำให้มึงเจ็บนั่นแหละ ไปอาบน้ำแล้วไปเรียนได้แล้ว กูขอล่ะช่วยตั้งใจเรียนสมกับที่กูหามรุ่งหามค่ำขายของหาเงินส่งมึงเรียนหน่อย” เพื่ออนาคตของลูกสาว อำพรยอมทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจหาเงินมาเลี้ยงดูมิลินดา แม้ว่าจะหย่าร้างกับพ่อของลูก แต่เธอก็ดูแลมิลินดามาเป็นอย่างดี ถึงลูกสาวจะเกเรไปบ้างตามประสาเด็กวัยรุ่นทั่วไปแต่เธอก็มีผลการเรียนดีทุกเทอมพูดให้เข้าใจง่ายก็คือต่อให้ลูกสาวคนนี้จะดื้อด้านมากแค่ไหนแต่สิ่งเดียวที่มิลินดาไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังเลยก็คือเรื่องการเรียน

“คอยดูเถอะถ้าลินเรียนจบเมื่อไหร่ ลินจะหนีแม่ไปอยู่ที่อื่นให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ชิ!” มิลินดาเชิดหน้า มองค้อนผู้เป็นแม่ก่อนจะหมุนตัวเดินบิดตูดเดินไปที่ห้องน้ำ

“เออ…ถ้ามึงเรียนจบ มึงจะไสหัวไปไหนก็ไปเลย” อำพรตะโกนไล่หลังลูกสาว เป็นเรื่องปกติในทุกเช้าที่ต้องต่อล้อต่อเถียงกัน ถ้าจะพูดกันตามความรู้สึกจริงๆ เธอมีความสุขที่ได้ตื่นมาด่ากับลูกสาวตัวแสบคนนี้

ชุดนอนเนื้อบางถูกถอดออกแล้วทิ้งลงที่พื้นอย่างระเกะระกะ ร่างสาวขาวโพลนที่งดงามดุจงานปั้นที่ถูกสร้างสรรค์จากศิลปินที่มีฝีมือ ทรวงอกเต่งตึงที่ดูจะใหญ่เกินตัวพร้อมฐานยอดอกสีชมพูระเรื่อดังกลีบของดอกบัว รอบเอวคอดเล็กขนาดยี่สิบสี่นิ้วรับกับสะโพกนุ่มนิ่มไซซ์สามสิบหก เรียวขายาวไร้รอยแตกลาย ปลีน่องนวลเนียนไม่มีไรขนขึ้นแม้แต่เส้นเดียว

หญิงสาวหมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจก ฝ่ามือเล็กยกลูบที่ผิวหน้าเนียนนุ่มของตัวเองก่อนจะสอดมือเข้าไปในเส้นผม เกล้าขึ้นมัดเอาไว้หลวมๆ ร่างอรชรเดินทอดน่องเข้าไปยังใต้ฝักบัว เปิดก๊อกฝักบัวให้สายน้ำไหลชโลมร่างกาย ลูบไล้ฝ่ามือไปตามผิวเนื้อ ไล่ปลายนิ้วกับส่วนเว้าส่วนโค้งลามลงไปจนถึงหน้าท้องแบนราบ หมุนวนปลายนิ้วกับเนินเนื้ออ่อนไหว

มิลินดาจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวย ใบหน้าและรูปร่างที่เพอร์เฟกต์ของเธอมักจะสะดุดตากับคนที่ได้พบเห็นและเพราะความสวยของเธอที่ทำให้มิลินดาพ่วงตำแหน่งดาวคณะมาได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่เล็กจนแตกเนื้อสาวมีคนหลายคนที่มาทาบทามให้เข้าประกวดเวทีนางงาม แต่ทว่าอำพรก็ไม่เคยที่จะเห็นด้วยและไม่อนุญาตให้ลูกสาวตระเวนไปประกวดหรือโชว์เนื้อหนังมังสาล่อสายตาของเหล่าชายชาตรี แม้ว่ามิลินดาจะเคยเอ่ยปากร้องขอด้วยตัวเองแต่ก็ไม่มีสักครั้งที่จะสำเร็จ อำพรมักจะพูดแบบเดิมซ้ำๆคือมิลินดามีหน้าที่เรียนหนังสือให้จบให้เร็วที่สุดเท่านั้น ท้ายที่สุดมิลินดาก็เป็นฝ่ายยอมแพ้และเลิกล้มที่จะเซ้าซี้

เสื้อนักศึกษาที่รัดติ้วและกระโปรงสีดำที่มีความยาวเท่าฝ่ามือที่ดูยังไงก็แทบจะปิดแก้มก้นงอนงามเอาไว้ไม่มิด มิลินดาตรวจดูความเรียบร้อยบนร่างกายอีกครั้ง ก่อนจะแกะยางรัดผมออกแล้วใช้มือสางไปที่ผมอย่างลวกๆ เธอหยิบกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาพาดไหล่แล้วเดินออกไปจากห้องนอน

“อีลิน! นี่มึงแต่งตัวไปเรียนหรือไปล่อผู้ชายกันแน่ แล้วไอ้ชุดที่มึงใส่อยู่เนี่ยมันไม่มีที่ยาวกว่านี้หรือวะ อีห่า! มึงแหกตาดูมันโป๊จนจะเห็นก้นมึงอยู่แล้ว”

อำพรบ่นออกมาอย่างโมโห ชุดนักศึกษาสมัยนี้มันเป็นยังไงกัน ทำออกมาตัวนิดเดียวหรือว่าผ้ามันแพง ยิ่งเห็นยิ่งขัดหูขัดตา ยิ่งคิดแล้วยิ่งโมโห

“แม่จะบ่นอะไรนักหนา บ่นทุกวัน บ่นตั้งแต่ลินอยู่ปีหนึ่งจนตอนนี้ลินจะจบอยู่แล้วก็ยังจะบ่นไม่เลิก ไม่เบื่อบ้างหรือไง” มิลินดากลอกตาไปมา ถอนหายใจอย่างสุดเซ็ง แม่ก็รู้ถึงบ่นไปเธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนไปใส่ชุดนักศึกษาที่ทั้งใหญ่และโคร่งตามที่แม่ต้องการแน่

ใส่แบบนั้นก็เป็นยายเฉิ่มกันพอดี

“เบื่อกับผีมึงน่ะสิ แล้วเมื่อไหร่มึงจะทำตามที่กูบอก”

“ลินไม่คุยกับแม่แล้วไร้ประโยชน์เปล่าๆ ลินไปเรียนดีกว่า” มิลินดากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าสวยหวานลอบยิ้ม แม้จะต้องเสียเวลาเถียงกับแม่ทุกวันแต่เธอก็มีความสุขกับช่วงเวลานี้เสมอ

“เรียนเสร็จกลับบ้านเลยนะ อย่าไปเถลไถลที่ไหนไม่งั้นกูเอามึงตายแน่”

คำขู่ที่คุ้นเคยที่ไล่ตามหลังมายิ่งทำให้หญิงสาวสุขใจ แม่เป็นคนเดียวที่ด่าเธออย่างไม่ไว้หน้าแต่แม่ก็เป็นคนเดียวที่รักเธอที่สุด แม้ว่าแม่ไม่เคยบอกคำว่ารัก แต่มิลินดาก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณ

“ยายอำพรขี้บ่นเอ๊ย” หญิงสาวคลี่ยิ้มก่อนจะก้าวขึ้นบนรถแล้วขับออกไปจนพ้นรั้วบ้าน อำพรมองตามหลังรถของลูกสาว ใบหน้าหญิงกลางคนเปื้อนรอยยิ้ม มิลินดาเป็นคนเดียวที่ทำให้เธอสู้กับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเหนื่อย ความจนหรือแม้แต่โรคร้ายที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้

อำพรเพิ่งจะรู้ตัวว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่สองเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีช่วงหนึ่งที่เธอรู้เจ็บที่เต้านมพอคลำดูก็พบก้อนอะไรบางอย่าง อำพรเลยตัดสินใจแอบไปพบหมอโดยไม่ให้มิลินดารู้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเหมือนว่าแข็งแรงทั้งๆที่จิตใจของเธอแสนหวาดกลัว

เธอกลัวที่จะตายจากลูกสาว กลัวว่าถ้าตัวเองตายไปจริงๆมิลินดาจะใช้ชีวิตลำบาก

“ลินเอ๊ย! แม่ห่วงมึงมากเลยนะถ้าต้องมาตายตอนนี้แม่ก็ตายตาไม่หลับ” ดวงตาของอำพรรื้นไปด้วยหยาดน้ำตา ไม่มีวันไหนที่จะหลับได้อย่างเต็มตื่น ถ้าสวรรค์พอมีตาก็ได้โปรดให้โอกาสเธอได้มีชีวิตอยู่ต่อเพื่อส่งลูกสาวให้ถึงฝั่งฝันด้วยเถอะ