บทที่ 5
ภาคินทิ้งตัวลงนั่งข้างตัวมัฑณาวีก่อนจะเอ่ยปากถามรัว ๆ
“เล่ามาเดี๋ยวนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงบอกว่าอยากตาย ไหนจะเรื่องของฤทัย ฉันล่ะไม่เข้าใจว่าทำไมแกจะต้องไปสงสารคนที่เคยแย่งผู้ชายไปจากแกด้วย แล้วยังเรื่องแต่งงานนี่อีก อะไร ยังไงเล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้”
“ใจเย็น ๆ อยากฟังเรื่องไหนก่อนล่ะ”
ภาคินยังไม่ทันได้ตอบเพราะฬียากรมาถึงที่นัดหมายในจังหวะนั้นพอดี
“พี่มัทไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” หญิงสาวรุ่นน้องเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
สีหน้าคลายความกังวลใจเมื่อเห็นมัฑณาวีปลอดภัย ไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่ตนเองคิดไปต่าง ๆ นานา
“พี่ไม่เป็นไร ตกใจล่ะสิ”
“ใช่ค่ะ แต่พอเห็นพี่มัทปลอดภัยดีก็เลยโล่งใจ ว่าแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ”
“พี่กำลังถามอยู่แต่ยังไม่ได้ทันได้รับคำตอบลียาก็มาพอดี นั่งก่อนสิ”
ฬียากรนั่งลงตรงข้ามเพื่อนรุ่นพี่ที่เธอนับถือเสมือนพี่สาว
“เล่ามาซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“จะเอาเรื่องไหนก่อนดีล่ะพิซซี่”
“เอาเรื่องที่ทำให้อยากตายก่อนละกัน กะอีแค่ตกงานถึงกับต้องอยากตายเลยเหรอ”
“รู้ได้ยังไงว่าจู่ ๆ มัทก็ตกงานโดนไม่ทันตั้งตัว” หญิงสาวย้อนถามด้วยความประหลาดใจ
“ฉันติดต่อมือถือแกไม่ได้ก็เลยโทรเข้าไปที่บริษัท เขาบอกว่าแกพ้นสภาพพนักงานของบริษัทไปแล้ว เรื่องมันเป็นมายังไงเล่ามาซิ”
“มัทเองก็ยังรู้สึกงงอยู่เหมือนกันว่าทำไมมัทถึงโดนเลิกจ้าง”
“เขาบอกเหตุผลหรือเปล่าคะพี่มัท”
“บอกสั้น ๆ แค่ว่าทางบริษัทจำเป็นต้องลดต้นทุนก็เลยต้องคัดพนักงานบางส่วนออก แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือมีพนักงานเพียงสองคนเท่านั้นที่ถูกคัดออก นอกจากพี่แล้วก็มีพนักงานชายอีกคนที่ขายความลับของบริษัทให้กับบริษัทคู่แข่ง ทำให้บริษัทต้องแพ้การประมูล”
“แกไปเหยียบแข้งเหยียบขาหรือขัดคอใครในบริษัทเข้าหรือเปล่า ถึงได้โดนกลั่นแกล้งแบบนี้ เล่นแรงไปนะ”
“มัทไม่เคยมีปัญหากับใครนะพิซซี่”
“หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องนั้นคะพี่มัท”
“พี่ก็คิดเหมือนลียา”
“เรื่องนั้นหมายถึงเรื่องอะไรเล่ามาให้ละเอียดกว่านี้หน่อยสิ”
“มัทตรวจพบการทุจริตภายในบริษัท มีคนยักยอกเงินของบริษัทออกไปหลายครั้ง ๆ ละหลายสิบล้าน แต่มีการตบแต่งบัญชีเพื่อตบตาคนอื่นได้อย่างแนบเนียน เมื่อวานมัทเลยนำเรื่องนี้ไปบอกผู้จัดการฝ่าย”
“แล้วเขาว่ายังไงบ้างคะพี่มัท”
“เขาบอกให้พี่นำหลักฐานทั้งหมดที่มีมาให้เขา เขาจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ต่อเอง พี่ก็ทำตามที่เขาสั่ง นำหลักฐานฉ้อโกงทั้งหมดที่มีไปวางไว้บนโต๊ะเขาโดยไม่ได้เอะใจอะไร แล้ววันนี้พี่ก็โดนฝ่ายบุคคลเรียกพบแต่เช้า เขาแจ้งเรื่องเลิกจ้างพร้อมกับจ่ายเงินค่าชดเชยหกเดือน”
“แล้วได้ถามรายละเอียดไหมว่าทำไมต้องเป็นแก”
“ถามอะไรไปก็ได้รับคำตอบแต่เพียงว่า เศรษฐกิจไม่ดีติดต่อกันมาหลายปี ทางบริษัทเลยต้องมีนโยบายลดต้นทุนทำให้ต้องคัดพนักงานบางส่วนออก”
“โดยคัดพนักงานดีเด่นที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับการทำงานเพื่อบริษัทอย่างพี่มัทออก ลียาว่ามันแปลกอยู่นะคะ”
“ไม่แปลกหรอกลียา เพราะมัทมันแกว่งเท้าหาเสี้ยน รู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้ รู้แล้วก็ยังปากโป้งคิดจะเปิดโปงความจริงก็เลยต้องโดนกลั่นแกล้งอย่างที่เห็น”
“พิซซี่จะให้มัททำเพื่อความอยู่รอดด้วยการปิดหูปิดตา แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ามีการยักยอกเงินบริษัท และมีการตกแต่งบัญชีเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ มัททำไม่ได้หรอก ถ้ามัททำแบบนั้นสุดท้ายแล้วมัทก็จะต้องติดร่างแหเป็นหนึ่งในขบวนการฉ้อฉลเหล่านั้นไปโดยปริยาย”
“มันก็จริง แต่คิดเหรอว่าออกมาแล้วจะรอด”
“ลียาว่าพวกเขาตั้งใจจะโยนบาปมาให้พี่มัทเป็นคนรับผิดชอบ” หญิงสาวพูดตามที่ใจคิด
“เข้าเค้าเหมือนกันนะลียา แล้วทีนี้จะทำยังไง ในเมื่อแกนำหลักฐานไปมอบให้เขาหมดแล้ว”
“ไม่ต้องห่วงหรอกพิซซี่ มัทเก็บหลักฐานทั้งหมดติดตัวมาด้วย” มัฑณาวีเปิดกระเป๋าหยิบแฟลชไดร์ฟขึ้นมาให้ทุกคนดู
“อย่าบอกนะว่าแกยังคิดที่จะแฉเรื่องนี้อยู่อีก”
“เปล่า มัทแค่ป้องกันตัวเองเผื่อไว้เท่านั้น และก็คิดไม่ผิดที่ทำเช่นนี้”
“ดีแล้วค่ะที่พี่มัทรอบคอบเก็บหลักฐานทั้งหมดออกมาด้วย ในอนาคตถ้าเกิดมีคดีความเราจะได้มีหลักฐานเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง”
”ในเมื่อเก็บหลักฐานติดตัวมาด้วยก็ไม่น่าจะเครียดจนถึงขั้นอยากตาย”
“ก็ตอนนั้นมัทเครียด จู่ ๆ ก็ตกงานโดยไม่รู้ตัวล่วงหน้ามาก่อน ก็เลยส่งข้อความไปแบบนั้น ไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายจริง ๆ”
ภาคินค้อนขวับเข้าให้ด้วยความหมั่นไส้หลังจากได้ยินคำตอบของเพื่อน
“รู้ตัวไหมว่าข้อความของแกเกือบทำให้ฉันกับลียาหัวใจวายตายเพราะความเป็นห่วง”
“ห่วงเรื่องอะไร!” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เรากลัวว่าพี่มัทจะคิดสั้นฆ่าตัวตายจริง ๆ น่ะสิคะ”
“พี่ไม่ทำร้ายตัวเองแบบนั้นหรอกลียา และขอโทษนะที่ข้อความของพี่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง แต่จะว่าไปก็เกือบถูกรถชนตายอยู่เหมือนกัน”
“อะไรนะ!” ภาคินและฬียากรพูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ไม่ต้องตกใจไปโชคยังดีที่เขาเบรกทัน”
“แล้วพี่มัทบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ”
“ก็แค่แผลถลอกตามร่างกายนิดหน่อยเท่านั้นล่ะลียา” มัฑณาวีตอบพร้อมกับโชว์แผลที่ได้รับจากอุบัติเหตุให้ทั้งคู่ดู
“แล้วใครทำแผลให้” ภาคินเอ่ยถาม
“มัททำเอง”
“เราไปให้โรงพยาบาลทำแผลให้พี่มัทก่อนดีกว่าไหมคะ” ฬียากรเสนอแนะ แต่อีกฝ่ายปฏิเสธเพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
“ไม่ต้องหรอกลียา พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ถลอกนิดหน่อยเท่านั้น”
“แกไม่เป็นไรมากก็ดีแล้ว ถือเสียว่าฟาดเคราะห์”
“เคราะห์หนักเลยล่ะพิซซี่ ไหนจะตกงานแถมยังเจ็บตัว และยังต้องมาเจอคู่ปรับเก่าอย่างฤทัยอีก ไม่รู้มันเป็นวันซวยอะไรของมัทถึงต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้”
“ว่าแต่เขาไม่รับผิดชอบอะไรเลยเหรอคะพี่มัท”
“ตอนแรกเขาก็จะพาพี่ไปโรงพยาบาลอยู่หรอกนะ แต่พี่เห็นว่าไม่ได้เป็นอะไรมากก็เลยตอบปฏิเสธไป อีกอย่างเขาก็ยังไม่ได้ขับรถชนพี่”
“แล้วได้แผลมาได้ยังไง” ภาคินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อารามตกใจมัทเลยรีบก้าวถอยหลังแล้วก็สะดุดล้มเอง”
คำตอบของหญิงสาวเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าของฬียากรและภาคินได้ในทันที
“ซุ่มซ่ามไม่เลิกเลยนะแก เมื่อไรจะหายเสียที”
“มันเป็นนิสัยนะไม่ใช่หวัด จะได้หายขาดกันได้ง่าย ๆ น่ะพิซซี่”
“ยังจะเถียงอีก เถียงคำไม่ตกฟาก”
“พี่พิซซี่อย่าไปดุพี่มัทนักเลยค่ะ แค่นี้พี่มัทก็เสียขวัญจะแย่อยู่แล้ว”
“นั่นสิ ไม่รู้จักเห็นใจเพื่อนบ้างเลย”
“ก็เพื่อนอย่างแกขยันหาแต่เรื่องใส่ตัวดี ๆ ทั้งนั้น”
