บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

ซวยแล้ว! จะอุปโลกน์ใครขึ้นมาดีล่ะทีนี้

แต่แล้วชื่อของใครบางคนก็แวบเข้ามาในหัว

“เขาชื่อติณณภพรู้จักไหมฤทัย”

หนึ่งฤทัยทวนชื่อเขาอีกครั้งก่อนจะตาเบิกโพลง ด้วยความที่เป็นคนสนใจเรื่องราวของพวกไฮโซที่มีชื่อเสียงในสังคม ทำให้เธอคุ้นกับชื่อที่มัฑณาวีเอ่ยมา

“อย่าบอกนะว่าเธอหมายถึงติณณภพ เตชะกษิดิศ ทายาทของมหาเศรษฐีชื่อดังเจ้าของดิเอ็มไพร์กรุ๊ป”

มัฑณาวีใช้รอยยิ้มแทนคำตอบ รอยยิ้มนั้นเหมือนรอยยิ้มของคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

“เป็นความจริงเหรอ”

“ฉันจะโกหกเธอทำไม”

“เธอไปรู้จักเขาตอนไหน แล้วเป็นแฟนกับเขาได้ยังไง เท่าที่ฉันรู้มาเขาเพิ่งจะกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นานนี้เองนะ”

“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างฉันกับเขาซึ่งเธอไม่จำเป็นต้องรู้”

“ฉันจะเชื่อคำพูดของเธอก็ต่อเมื่อเธอพาเขามาแนะนำให้พวกเรารู้จัก อีกไม่นานก็จะถึงวันงานเลี้ยงรุ่นของเรา เธอต้องพาเขามานะมัท ถ้าเธอไม่พาเขามาแนะนำให้พวกเรารู้จักล่ะก็ ฉันจะถือว่าเรื่องที่เธอพูดมาทั้งหมดนั้นเธอมโนไปเอง เหมือนที่เธอเคยมโนว่าพี่วุฒิมีใจให้เธอจนมาขอร้องให้ฉันช่วยเป็นแม่สื่อให้”

มัฑณาวีชักสีหน้าบึ้งตึง เมื่อโจทย์เก่าอย่างหนึ่งฤทัยจงใจเปิดแผลเก่าของเธอ ด้วยการพูดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา

“เธอต่างหากที่เป็นคนเสนอตัวว่าจะเป็นแม่สื่อให้ฉันกับพี่วุฒิ ทั้งที่ฉันไม่เคยขอร้องเธอด้วยซ้ำ”

“แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธ”

“เพราะตอนนั้นฉันมันใสซื่อเกินไป ไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของเธอไงล่ะฤทัย อันที่จริงถ้าเธอพูดกับฉันตรง ๆ ว่าเธอเองก็สนใจพี่วุฒิฉันก็อาจจะหลีกทางให้ เธอจะได้ไม่ต้องเหนื่อยหว่านเสน่ห์อ่อยพี่วุฒิให้เปลืองเวลา”

“มัฑณาวี” หนึ่งฤทัยลืมตัวกระชากเสียงเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างดัง

“พูดค่อย ๆ ก็ได้นั่งกันอยู่ใกล้แค่นี้จะเสียงดังทำไม”

“หวังว่าเราจะได้เจอเธอควงคุณติณณภพมางานเลี้ยงรุ่น ที่จะจัดขึ้นในต้นเดือนหน้านี้นะ และอย่าคิดที่จะเบี้ยวล่ะ เพราะถ้าเธอเบี้ยวเราก็จะรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดมาไม่ใช่เรื่องจริง เธอไม่ได้เป็นแฟนกับทายาทเจ้าของห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของเมืองไทยจริงอย่างที่ปากพูด”

เพราะโดนคู่ปรับเก่าพูดสบประมาททำให้มัฑณาวีฟิวส์ขาด

“เราไม่ใช่แค่เป็นแฟนกันเท่านั้น แต่ฉันกำลังจะแต่งงานกับเขาในเร็ว ๆ นี้”

“แต่งงาน!” คำอุทานของหนึ่งฤทัยทำให้มัฑณาวีรู้ตัวว่าตนเองพลาด ที่ดันเผลอพลั้งปากสร้างเรื่องมโนครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต

นี่ฉันพูดอะไรออกไป ปากพาซวยแท้ ๆ แล้วทีนี้จะทำยังไง

แต่ในเมื่อพูดไปแล้วก็จำเป็นต้องรักษาฟอร์ม เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหัวเราะเยาะได้ ทั้งที่ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร

“ใช่ เธอได้ยินไม่ผิดหรอกฤทัย”

“แล้วเธอจะแต่งงานกันเมื่อไร”

“เรากำลังคุยเรื่องนี้กันอยู่”

“ยินดีด้วยนะที่เธอจะได้ลงจากคานเสียที” ปากบอกว่ายินดีแต่สายตากลับเป็นตรงกันข้าม มันฉายแววอิจฉาริษยาออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด แม้จะเป็นเพียงชั่วแวบเดียว แต่มัฑณาวีก็ยังสังเกตเห็นอยู่ดี

ไม่รู้ชาติก่อนมัฑณาวีทำบุญด้วยอะไร ชาตินี้ถึงจะได้ทายาทมหาเศรษฐีมาเป็นคู่ชีวิต หนึ่งฤทัยได้แต่คิดในใจไม่ได้พูดมันออกมา

ลึก ๆ แล้วเธอรู้สึกริษยาที่เพื่อนจะได้คู่ชีวิตที่ดีกว่าสามีของตนเอง เพราะที่ผ่านมามีเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่เธอสามารถนำมาเยาะเย้ยอีกฝ่ายได้ แต่เวลาแห่งความสนุกเหล่านั้นกำลังจะหมดไป เมื่อมัฑณาวีประกาศว่ากำลังจะแต่งงานกับชายหนุ่ม ซึ่งเป็นทายาทมหาเศรษฐีหมื่นล้านอย่างติณณภพ เตชะกษิดิศ

ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริงล่ะก็ คงจะหมดโอกาสได้พูดจาเยาะเย้ยถากถางมัฑณาวีอีกเป็นแน่ ต้องมาลุ้นกันล่ะว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงเรื่องที่เจ้าตัวมโนขึ้นมาเพื่อรักษาหน้าของตัวเอง งานเลี้ยงรุ่นนี้ได้รู้คำตอบแน่

ทันใดนั้นเองหนึ่งฤทัยก็ต้องหลุดจากวังวนความคิดของตนเอง เมื่อได้ยินเสียงที่ติดจะหาเรื่องของภาคินดังแทรกขึ้น

“มาหาเรื่องอะไรมัทอีกล่ะฤทัย”

“อย่ามากล่าวหากันแบบนี้สิพิซซี่ ฉันแค่บังเอิญเจอมัทนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่นี่ ก็เลยเดินเข้ามาทักทายตามประสาเพื่อน”

“เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอย่างเธอมีเหรอที่จะมาทักทายกันดี ๆ มีแต่มาพูดจาแขวะหาเรื่องปวดหัวมาให้มัทน่ะสิไม่ว่า”

“เธอก็มองฉันในแง่ร้ายเกินไปนะพิซซี่”

“ยังน้อยไปด้วยซ้ำ ว่าแต่หล่อนมาทำอะไรที่นี่ยะ หรือว่ามาผลาญเงินผัวเล่น น่าสงสารพี่วุฒิจริง ๆ ทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินมาเลี้ยงเมีย ที่วัน ๆ ไม่รู้จักทำอะไรให้เป็นประโยชน์”

“พิซซี่”

“เรียกทำไม”

“ฉันจะทำงานหรือไม่ทำงานมันก็เรื่องของฉัน ไปหนักส่วนไหนของแกไม่ทราบ หรือว่าอิจฉา”

“ฉันก็แค่สงสารพี่วุฒิที่ต้องทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ เพียงเพื่อหาเงินมาให้เมียอย่างเธอผลาญเล่นไปวัน ๆ ก็เท่านั้น”

“มัทว่าเราควรสงสารฤทัยมากกว่านะพิซซี่”

“เลิกสร้างเรื่องมาเลื่อยขาเตียงของฉันกับพี่วุฒิได้แล้วมัท นี่ถ้าเธอยังไม่มีแฟนล่ะก็ฉันต้องเข้าใจผิดคิดว่าเธอยังมีใจให้พี่วุฒิของฉันแน่”

“แฟน! พูดแบบนี้หมายความว่าไง”

“เป็นเพื่อนรักกันยังไงถึงไม่รู้ว่ามัทเขามีแฟนแล้ว แถมยังมีโครงการจะแต่งงานกันในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย”

“ฤทัยเขาหมายถึงคุณติณณภพน่ะพิซซี่”

ภาคินหันไปสบตาเพื่อนรักด้วยความงุนงง ก่อนจะรับมุกของเพื่อนและหันมาพูดกับหนึ่งฤทัย ราวกับว่ารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ทั้งที่ไม่เคยได้ยินเรื่องในทำนองนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ เห็นทีว่าจะต้องมีการซักฟอกครั้งใหญ่เกิดขึ้นหลังจากนี้แน่นอน

“นึกว่าเรื่องอะไรที่แท้ก็เรื่องนี้เอง แล้วเธอรู้ได้ยังไงฤทัย ในเมื่อยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากฉัน”

“ก็รู้จากปากของมัทน่ะสิ ยินดีด้วยนะมัทที่จะได้ลงจากคานตอนอายุสามสิบ” ปากบอกว่ายินดีแต่น้ำเสียงติดจะเยาะเย้ยอยู่ในที

“กินหมาเน่าเข้าไปหรือไงถึงได้พูดจาไม่เข้าหูคนแบบนี้”

หนึ่งฤทัยชักสีหน้าทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น

ทั้งสามคนรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ภาคินมักจะคอยเป็นโล่กำบังภัย และคอยปกป้องมัฑณาวีอยู่เสมอ เพื่อน ๆ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าถ้าจะมีเรื่องกับมัฑณาวีจะต้องผ่านด่านภาคินให้ได้ก่อน ซึ่งแค่ด่านนี้ก็ผ่านไปได้ยากเต็มที ไม่มีใครเถียงชนะผู้ชายที่มีใจเป็นหญิงอย่างพิซซี่ได้เลยสักคน ถึงจะเถียงไม่เคยชนะ แต่ถ้าจะให้ยอมแพ้ง่าย ๆ ก็คงจะไม่ใช่หนึ่งฤทัย

“ยังออกโรงปกป้องกันเหมือนเดิมเลยนะพิซซี่ แล้วฉันพูดผิดตรงไหน”

“ก็ไม่ผิดหรอกแต่จะดีกว่านี้ถ้าเธอไม่พูด”

“ไปดีกว่า คุยด้วยแล้วอารมณ์เสีย”

“ก็รีบไปสิไม่มีใครดึงตัวเธอไว้นี่”

“ไม่ต้องมาไล่ฉันหรอกพิซซี่ฉันไปแน่” หนึ่งฤทัยสะพายกระเป๋าแบรนด์เนมหรูพร้อมกับลุกจากโต๊ะ แต่ก่อนที่จะเดินจากไปก็ยังไม่วายหันมาย้ำกับมัฑณาวี

“เธออย่าลืมพาว่าที่สามี ทายาทมหาเศรษฐีไปเปิดตัวในงานเลี้ยงรุ่นที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้านี้ด้วยล่ะมัท เพื่อน ๆ คงจะดีใจกันยกใหญ่ที่เธอสลัดคานได้สักที แถมยังส้มหล่นสบายไปทั้งชาติ เพราะว่าที่สามีเป็นทายาทของมหาเศรษฐีหมื่นล้าน ดีใจด้วยนะที่สุดท้ายก็อ่อยสำเร็จ” พูดจบก็เดินจากไปทันทีโดยไม่รอฟังคำโต้แย้ง

“ทิ้งบอมบ์แล้วก็รีบไปเลยนะ”

“ยังไม่ชินอีกเหรอพิซซี่ ฤทัยก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว นึกจะมาก็มานึกจะไปเมื่อไรก็ไป”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel