คิวปิดสะกิดรัก

143.0K · จบแล้ว
ศรีปุรัม/มณีปุรัม
55
บท
6.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

มัฑณาวีมีท่าทางลังเล “เราไม่ควรทำแบบนี้นะคะ มันไม่ถูกต้อง...”“อย่าห้ามผมเลย” เขาเอ่ยพร้อมกับจ้องมองเธอนิ่งนานอะไรบางอย่างจากแววตาของเขาที่จ้องมองมาที่เธอนั้น ทำให้มัฑณาวียกมือโอบรอบคอเขาพร้อมกับโน้มคอเขาลงมา ริมฝีปากเยี่ยงอิสตรีตะปบจูบเรียวปากสีกุหลาบนั้นทันที เขาจูบเธอราวกับโหยหามาช้านานมือเรียวของเขาล้วงเข้าไปใต้เสื้อที่เธอสวมใส่ พร้อมกับปลดตะขอบราที่อยู่ด้านหน้าด้วยความชำนาญ และไม่รอช้าที่จะคลึงเคล้าทรวงอกคู่งาม ทันทีที่มันเป็นอิสระจากพันธนาการจากอาภรณ์ชิ้นจ้อย อกอวบของมัฑณาวีซึ่งไม่เคยต้องมือชายมาก่อน ลุกสู้ชูชันท้าทายสัมผัสรักจากเขาติณณภพถอดเสื้อผ้าของหญิงสาวออกด้วยความว่องไว เจ้าของร่างบางก็ให้ความร่วมมือกับเขาเป็นอย่างดี“คุณสวยเหลือเกิน”เขากอบกุมทรวงอกงามไว้ในฝ่ามือทั้งสองข้าง และปัดหัวแม่มือลงบนยอดอกชูชันเพื่อส่งความสุขสมให้แล่นปราดไปทั่วร่างเธอ ติณณภพเริ่มจูบเธออีกครั้งขณะที่มือก็หยอกเย้ายอดอกเธอ ส่งผลให้มัฑณาวีสะท้านเยือกไปกับการเล้าโลมของเขามีบ้างที่เคยจินตนาการอะไรบางอย่างที่เหมือนอย่างนี้ แต่ความฝันไม่ได้เตรียมตัวให้เธอพร้อมเผชิญความจริง และเมื่อต้องเผชิญกับมันก็ทำให้เธอรู้ว่า อานุภาพของมันร้อนแรงกว่าที่เคยฝันไว้มากนัก

นิยายรักโรแมนติก

บทที่ 1

ว่ากันว่า...ชีวิตคนเรามันมักจะมีช่วงดวงตก ช่วงที่ความซวยทุกอย่างต่างก็พุ่งเข้ามาในชีวิตพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

ทั้งที่ก็ไม่ใช่ปีชง!!

แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ซวยตกงานโดยไม่ทันตั้งตัว ใครเลยจะคาดคิดว่าผู้หญิงที่เคยได้รับรางวัลพนักงานดีเด่นสามปีซ้อนอย่างมัฑณาวี จะต้องมาตกงานเพียงชั่วข้ามคืน นี่หรือคือสิ่งตอบแทนที่เธอได้รับ หลังจากที่ทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อบริษัท จนไม่มีเวลาไปสุงสิงหรือสรวลเสเฮฮากับใคร แค่เวลาจะนอนให้พอยังไม่ค่อยจะมี เพราะหนีบงานกลับมาทำต่อที่บ้านจนดึกจนดื่นอยู่บ่อยครั้ง

“มันช่างเป็นผลตอบแทนที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตเธอเลยมัฑณาวี”

แล้วทีนี้จะทำยังไง!!

“บ้านก็ยังต้องผ่อน รถก็ดันมาพังในช่วงที่ตกงานอีก จะมีอะไรซวยมากไปกว่านี้อีกไหม” หญิงสาวบ่นพึมพำกับตัวเองพร้อมกับก้าวเท้าลงจากฟุตบาทโดยไม่ดูให้ดี รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นรถคันหนึ่งวิ่งตรงมาที่เธอด้วยความเร็ว

ฉิบหายแล้ว! เมื่อถามหาความซวย...มันก็มาทันทีไม่รีรอ

ความตกใจทำให้มัฑณาวีก้าวขาไม่ออก ได้แต่ยืนอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกได้ว่าต้องหลบให้พ้นทาง

แต่เท้าเจ้ากรรมดันมาพลิกตอนที่กำลังจะก้าวถอยหลังกลับขึ้นไปบนฟุตบาท ทำให้ล้มไม่เป็นท่าลงไปนอนอยู่ที่พื้น พร้อมกับได้ยินเสียงเบรกของรถคันดังกล่าว

เอี๊ยด!!!

เสียงห้ามล้อรถยนต์ดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจของใครบางคน ไม่มีใครคาดคิดว่าหญิงสาวจะก้าวพรวดพราดลงมาจากฟุตบาทอย่างกะทันหัน คนขับต้องรีบเหยียบเบรกในระยะกระชั้นชิดจนตัวโก่ง ทำให้เกิดเสียงห้ามล้อดังอย่างที่ได้ยิน

“ชนหรือเปล่าลุงทิม รีบลงไปดูซิ”

“ครับคุณติณณ์”

ชายสูงวัยซึ่งทำหน้าที่คนขับรถรีบลงไปดูหญิงสาวที่เขาเกือบขับรถชน เมื่อเห็นว่าเธอนั่งหน้าซีดเผือดอยู่ที่พื้นถนน เขาจึงตรงเข้าไปประคองพร้อมกับเอ่ยถาม

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับคุณ”

มัฑณาวีส่ายหน้า เธอยังตกอยู่ในอาการของความตกใจ ที่จู่ ๆ ก็เกือบต้องมาตายอยู่กลางถนน เพราะมัวแต่เหม่อลอยตัดพ้อในโชคชะตาชีวิตของตัวเอง จนเผลอก้าวลงจากฟุตบาทโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ดีนะที่เขาเบรกทัน ไม่อย่างนั้นเธอคงเป็นผีเฝ้าถนนแน่

“แน่ใจนะครับว่าไม่เป็นอะไร” คู่กรณีย้ำถามด้วยความสุภาพ ขณะที่เข้าไปช่วยพยุงหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย

“แน่ใจค่ะ ลุงเบรกทันมัทเลยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก แค่ตกใจเท่านั้น” เธอตอบกลับไปเช่นนั้น แม้ว่าจะรู้สึกแสบแผลที่ถลอกตรงบริเวณแขนและขา ซึ่งเกิดจากการล้มครูดลงไปกับพื้นถนนเพราะความตกใจที่ตนเองเกือบจะถูกรถชน

“เกือบไปเหมือนกันครับ มันกระชั้นชิดแต่ยังดีที่เบรกทัน ไม่อย่างนั้นคุณคงเจ็บมากกว่านี้ แผลนั่น...”

“มัทตกใจก็เลยพลาดล้มลงไปไม่ใช่ความผิดของลุงหรอกค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ แผลแค่นี้มัทจัดการเองได้”

“ให้ผมพาคุณไปทำแผลที่โรงพยาบาลดีกว่าไหมครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวมัทจัดการเอง”

ทันใดนั้นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในรถได้กดกระจกลงมาเพียงเล็กน้อย เพื่อเรียกคนขับรถของตนเอง ทิมวิ่งเข้าไปหาเจ้านายและรับของบางอย่างจากเขาก่อนจะกลับมายื่นของสิ่งนั้นให้หญิงสาว

“นี่นามบัตรของเจ้านายผมครับ ถ้าเกิดคุณต้องไปโรงพยาบาลเพราะอาการบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ ก็ให้โทรไปตามเบอร์โทรศัพท์ที่ระบุอยู่ในนามบัตรนี้นะครับ เจ้านายผมยินดีรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น”

หญิงสาวรับนามบัตรนั้นมาถือไว้ในมือ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ค่ะ”

ทิมประคองหญิงสาวเดินกลับขึ้นไปบนฟุตบาทก่อนจะเดินกลับไปที่รถของเจ้านายตนเองและขับออกไปทันที รถเคลื่อนตัวผ่านหน้ามัฑณาวีไปอย่างช้า ๆ เธอมองเข้าไปในรถเห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างของบุรุษผู้หนึ่งที่สวมแว่นสีชา และพอเดาได้ว่าเขาคงเป็นเจ้านายของคนที่เกือบจะขับรถชนเธอ

“วันนี้มันวันซวยอะไรของฉันนะ ทำไมถึงได้เจอแต่เรื่องแย่ ๆ” หญิงสาวบ่นพึมพำก่อนจะก้มลงดูนามบัตรที่ตนเองถืออยู่ในมือ

“ติณณภพ เตชะกษิดิศ ประธานกรรมการบริหารบริษัทดิเอ็มไพร์กรุ๊ป” มัฑณาวีเอ่ยก่อนจะตารุกวาวเมื่อเห็นตำแหน่งที่ระบุอยู่ในนามบัตรใบนั้น

‘โอมายก๊อด! เขาเป็นผู้บริหารระดับสูงของห้างสรรพสินค้าดิเอ็มไพร์ ห้างยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าฉัน’

“เฮ้อ! แข่งเรือแข่งพายก็ยังพอจะแข่งกันได้ แต่บุญวาสนานี่มันแข่งกันไม่ได้จริง ๆ คนหนึ่งรวยล้นฟ้าทรัพย์สมบัติที่มีให้ใช้ทั้งชาติก็ยังไม่หมด ส่วนเราต้องหาเช้ากินค่ำแถมยังมาตกงานอีก”

ไหน ๆ ก็ตกงานโดยไม่รู้ตัวทำให้มีเวลาว่างเยอะ ฆ่าเวลาด้วยการเดินเที่ยวบ้างคงไม่เป็นไร

มัฑณาวีตัดสินใจเดินข้ามถนนไปยังห้างสรรพสินค้าซึ่งตั้งอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม และเลือกที่จะเดินเข้าไปนั่งดื่มกาแฟในร้านดัง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งไลน์เข้ากลุ่มสามแซ่บ ซึ่งมีสมาชิกอยู่เพียงสามคนคือตนเอง เพื่อนรักที่ตัวเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงอย่างภาคิน หรือที่เพื่อน ๆ เรียกกันว่าพิซซี่ และฬียากรเพื่อนรุ่นน้องที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกัน

ฉันอยากตาย!

ข้อความสั้น ๆ ที่หญิงสาวส่งไปสะเทือนถึงหัวใจของพิซซี่และลียา ทำเอาทั้งสองนั่งไม่ติด ต้องรีบติดต่อกลับไปหามัฑณาวีอย่างเร่งด่วน แต่ก็ติดต่อไม่ได้เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมรับสาย

“บ้าเอ๊ย! โทรศัพท์ไปก็ไม่ยอมรับสาย แล้วจะมีโทรศัพท์ไว้เพื่อ”