ตอนที่ 12
คิมหันต์ตรงกลับบ้านด้วยความโกรธ เขาโกรธตัวเองที่ทำให้ออยเฟ่ย์ต้องเสียใจซ้ำอีกครั้ง แต่คนเขาที่โกรธมากที่สุดก็คือ เหมันต์ พี่ชายแท้ๆ ของเขานั่นเอง
โชคดีที่วันนี้พ่อกับแม่ของเขาไม่อยู่ เพราะได้รับบัตรเชิญให้ไปร่วมงานการสังสรรค์คัดเลือกองุ่นพันธุ์ใหม่เพื่อมาทำไวน์ชนิดใหม่
คิมหันต์เดินตรงไปยังห้องของเหมันต์ อารมณ์คุกรุ่นไปด้วยความโกรธ
ผัวะ!!!!!!!
คิมหันต์เปิดประตูเข้าไปอย่างไม่สนใจที่จะเคาะประตูห้อง และไม่สนใจสีหน้าของเจ้าของห้องที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะหนังสือหันมามองเขาด้วยอาการแปลกใจ
“นายน่าจะหัดเคาะประตูห้องเสียบ้างนะ คิม” เหมันต์หันมามองคิมหันต์พร้อมกับพูดเตือนด้วยสีหน้าเรียบเฉย หากสายตาส่อแววไม่พอใจ
“ฉันคิดว่าคงไม่จำเป็นตอนนี้หรอก”
“นายมีธุระอะไรกับฉันรึ?”
เหมันต์ขยับกรอบแว่นเบาๆ ก่อนจะเอามือกอดอกและมองคิมหันต์ด้วยสายตาขบขัน
“ฉันจะมาพูดกับนายเรื่องของออยเฟ่ย์!!”
คิมหันต์เน้นเสียงบอกเหมันต์ให้รับรู้ถึงจุดประสงค์ที่เขามาหาเหมันต์ที่ห้อง
“หือ?? ร้อยวันพันปี นายไม่เคยคิดจะมาที่ห้องของฉัน? ที่นายมาได้วันนี้ ก็เพราะเรื่องของออยเฟ่ย์แค่นี้เนี่ยนะ?”
“ใช่! ฉันอยากรู้ว่านายพูดจาแบบนั้นกับออยเฟ่ย์ได้ยังไง?? หล่อนเป็นห่วงนายนะ ถึงได้เตือนนายเรื่องเรียนต่อ แต่นายกลับ...” คิมหันต์พูดด้วยความโกรธจ้องมองเหมันต์เขม็ง
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย เป็นเรื่องของฉันกับหล่อนเท่านั้น”
เหมันต์สีหน้าขุ่นมัวแววตาไม่พอใจที่คิมหันต์เข้ามายุ่งเรื่องของเขากับออยเฟ่ย์
“เกี่ยวสิ! ทำไมจะไม่เกี่ยว! ถ้าเป็นเรื่องของออยเฟ่ย์ ฉันต้องเกี่ยวด้วยอยู่แล้ว”
“ฉันไม่เห็นว่านายจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ตรงไหนซักนิด” เหมันต์ย้อนคิมหันต์เสียงเรียบ
“ถ้าเป็นเรื่องอื่น ฉันอาจจะยอมให้นาย แต่สำหรับเรื่องนี้ฉันไม่ยอมเด็ดขาด เพราะฉันชอบออยเฟ่ย์!!!”
คิมหันต์ประกาศก้อง ดวงตาแข็งกร้าว จ้องมองเหมันต์อย่างโมโห ทำให้เหมันต์ตกตะลึง เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยซักนิดว่าคิมหันต์คิดยังไงกับออยเฟ่ย์
“ถ้านายทำให้ออยเฟ่ย์เสียใจ ฉันจะไม่ยอมยกโทษให้นายเด็ดขาด”
คิมหันต์ชี้หน้าและพูดกับเหมันต์เสียงกร้าว ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับออกจากห้องของเหมันต์และตรงกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไป ทิ้งให้เหมันต์มองตามอย่างครุ่นคิด
พักกลางวันของวันรุ่งขึ้น เซร่า ฮิเดกิ และเอริโกะ กำลังนั่งทานข้าวกลางวันและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน โดยส่วนมากมักจะเป็นเรื่องที่หญิงสาวไม่เคยรู้มาก่อน
ฮิเดกิกับเอริโกะจึงคอยบอกเล่าเรื่องต่างๆ ภายในโรงเรียนให้ฟัง และเธอก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี ทั้งสามคนพูดคุยกันโดยที่ไม่ได้ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาที่โต๊ะของพวกเขา
“มิยาเกะ เซร่า”
เสียงเรียกของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังของเซร่าที่นั่งหันหน้าประจันกับฮิเดกิ ส่งผลให้ฮิเดกิเงยหน้าขึ้นไปมอง และเอริโกะกับเซร่าก็หันหลังกลับมาดูว่าใครเรียกชื่อของเซร่า
“ประธานฯ?”
“สวัสดีค่ะ คุณเหมันต์”
เอริโกะยิ้มแย้มทักทายเหมันต์ เหมันต์ยิ้มรับพร้อมกับก้มหัวให้นิดนึงเป็นการทักทาย
“ต้องขอโทษที่มาขัดจังหวะนะ แต่ฉันขอยืมตัวมิยาเกะ เซร่าสักครู่จะได้ไหม?” เหมันต์พูดจาอย่างสุภาพ
“พอดีฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอหน่อยน่ะ มิยาเกะซัง”
“ได้ค่ะ”
เซร่ายิ้มให้เหมันต์อย่างสดใส ก่อนจะขอตัวและลุกขึ้นเดินไปพร้อมกับเหมันต์ โดยมีสายตาของฮิเดกิมองตามอย่างไม่พอใจ
เอริโกะรู้สึกงงๆ ปนสงสัยว่าเซร่ารู้จักกับเหมันต์ ประธานนักเรียนของโรงเรียนนี้ได้อย่างไรกัน
เหมันต์พาเซร่าเดินตามไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงสวนดอกไม้ที่อยู่ภายในโรงเรียน ซึ่งเป็นที่ที่นักเรียนของโรงเรียน Saint Helena ใช้เป็นที่เพาะปลูกต้นไม้ในวิชาพฤกษศาสตร์
สวนดอกไม้แห่งนี้ดูร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาตา แถมยังเป็นที่ที่นักเรียนส่วนใหญ่มักใช้เวลามานั่งพักผ่อน หรือหนุ่มสาวที่เป็นแฟนกันมักจะมานั่งคุยกันในสวนแห่งนี้
“ฮื้อ.....อากาศตรงนี้สดชื่นดีจังเลยนะคะ แถมยังมีดอกไม้ให้ชมเยอะแยะไปหมด”
เซร่าสูดอากาศเข้าปอด ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างร่าเริง เมื่อเห็นดอกไม้ที่บานสะพรั่งเต็มสวน ดวงตาเป็นประกายตื่นเต้น
“ฮึฮึ เธอนี่เป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ เลยนะ” เหมันต์หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นเซร่าท่าทางตื่นเต้นกับสวนดอกไม้ ซึ่งมีอยู่ตามปกติอยู่แล้ว
“แหม...ก็ฉันไม่เคยเห็นดอกไม้ที่บานเต็มสวนแบบนี้มาก่อนเลยนี่นา” เซร่าเอ่ยท้วงเบาๆ กับเหมันต์ ก่อนจะหันออกไปมองดูดอกไม้ที่บานรับแสงอาทิตย์อย่างชื่นชม
“เอ่อ..ที่จริงฉันอยากจะขอโทษเรื่องเมื่อวานน่ะ ที่ทำให้เธอต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนั้น” เหมันต์เอ่ยขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน ทำให้หญิงสาวหันมามองด้วยความแปลกใจ
“ไม่ต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ ความจริงฉันเสียอีกที่ต้องขอโทษคุณ เพราะดูเหมือนว่าฉันจะเสียมารยาทที่แอบฟังพวกคุณคุยกัน”
“แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณเธอมากเลยนะ ที่พูดเตือนฉันเมื่อวานนี้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนต่อน่ะ”
“โอ๊ย...ขอบคุณอะไรกันคะ ฉันพูดมากเกินไปต่างหาก ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่หรอก เธอพูดถูกแล้ว ฉันจึงตัดสินใจแล้วว่า ฉันจะเรียนต่อด้าน Interior ดังนั้นฉันเลยอยากได้คำแนะนำจากลุงของเธอว่าต้องทำอย่างไรบ้าง”
“จริงหรือคะ? แล้ว...คุณบอกครอบครัวของคุณรึยังล่ะคะ?”
เซร่าตาโตมองเหมันต์อย่างแปลกใจ เพราะเมื่อวานชายหนุ่มคนนี้ยังมีท่าทางลังเลอยู่เลย แต่วันนี้กลับตัดสินใจได้อย่างทันที
“ยังหรอก เรื่องนี้ฉันคิดว่าอาจจะรอซักพักก่อน แล้วค่อยบอกพวกเขาน่ะ”
เหมันต์บอกเซร่าเสียงเรียบๆ เพราะสิ่งที่หนักใจสำหรับเขาก็คือ การพูดคุยกับพ่อของเขานั่นเอง
“อืม..งั้นฉันจะช่วยคุณเท่าที่จะช่วยได้ก็แล้วกัน”
เซร่ากรอกตาไปมาอย่างครุ่นคิด ก่อนจะตกลงรับปากเหมันต์ว่าจะช่วยเขา
“ขอบคุณนะ ฉันน่ะไม่ค่อยได้คุยเรื่องนี้กับใครหรอก เพราะไม่ว่าใครๆ ก็ไม่เห็นด้วยกับฉัน ก็มีเธอคนแรกนี่ล่ะ ที่เห็นด้วยกับสิ่งที่ฉันอยากจะทำน่ะ”
เหมันต์ขอบคุณเซร่า พร้อมกับระบายความในใจออกมาเล็กน้อย
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ เพราะฉันก็พูดไปตามที่ฉันคิดเท่านั้นเอง การที่จะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง มันเป็นสิ่งที่ดีและเราควรจะกระทำไม่ใช่หรือคะ?”
เซร่าเอียงคอถามเหมันต์ในประโยคสุดท้าย และยิ้มกว้างให้เขาอย่างสดใส
เหมันต์นิ่งอึ้งไป ก่อนจะพยักหน้าและส่งยิ้มให้กับเซร่าอย่างเข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา นานแล้วที่ชายหนุ่มไม่เคยหัวเราะได้เต็มเสียงแบบนี้ นานเสียจนเหมันต์เองก็ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตอยู่ในกรอบที่พ่อของเขาตีกรอบเอาไว้ได้อย่างไร
