ตอนที่ 11
ออยเฟ่ย์ที่วิ่งหนีไปตามทางเดินด้านหลังของโรงเรียนอย่างเสียใจ น้ำตาของเธอไหลเป็นทาง
หญิงสาวรู้สึกปวดร้าวใจอย่างมาก เธอวิ่งไปหยุดอยู่ด้านหลังของโรงยิม พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจ
ทำไมนะ....ทำไมเขาถึงพูดจาโหดร้ายกับเราแบบนี้............
ออยเฟ่ย์ร่ำร้องอยู่ภายในใจพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจและปวดร้าว
“ออยเฟ่ย์!!!!”
คิมหันต์ซึ่งวิ่งตามหาออยเฟ่ย์ จนกระทั่งมาพบเธอกำลังแอบยืนร้องไห้อยู่ด้านหลังของโรงยิม
“คิม!!”
ออยเฟ่ย์สะดุ้งและหันมามองคิมหันต์ทั้งน้ำตา ก่อนจะโผเข้ากอดเขาเอาไว้อย่างต้องการที่พึ่งพิง
คิมหันต์กอดร่างอันบอบบางของออยเฟ่ย์เอาไว้ในอ้อมแขนที่แข็งแกร่งของเขา
ชายหนุ่มรู้สึกโกรธเหมันต์อย่างมากที่ทำให้หญิงสาวที่เขาหลงรักต้องเสียใจ
ร่างบางของออยเฟ่ย์ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของคิมหันต์ ซึ่งเขากำลังต่อสู้กับความรู้สึกของเขาที่พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างเต็มที่
“ทำไมกันคิม? ทำไมเหมถึงได้พูดจากับเราแบบนั้น? โฮ โฮ”
ออยเฟ่ย์เงยหน้าขึ้นถามคิมหันต์ทั้งน้ำตา ชายหนุ่มมองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยน้ำตาของออยเฟ่ย์แล้วก็ยิ่งรู้สึกอยากปกป้องเธอ และไม่อยากให้เธอต้องร้องไห้หรือเสียใจ
“พอทีเถอะ ออยเฟ่ย์!! เธอเลิกสนใจแต่เหมันต์ซักทีได้มั้ย!!!”
คิมหันต์ไม่สามารถสะกดอารมณ์ของเขาได้อยู่อีกต่อไป เขาคิดแต่เพียงว่า คนที่สามารถดูแลและปกป้องออยเฟ่ย์ได้ น่าจะเป็นเขาไม่ใช่เหมันต์!!!
"สนใจฉันบ้างสิ!!! เห็นฉันอยู่ในสายตาของเธอบ้างจะได้มั้ย” “!!!!!!!!!”
คิมหันต์ตะโกนใส่หน้าออยเฟ่ย์ และบีบแขนของออยเฟ่ย์พร้อมกับเขย่าอย่างแรง ทำให้หญิงสาวมองชายหนุ่มอย่างตกใจ เพราะเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
“ฉันน่ะ.......ฉันน่ะ…..ชอบเธอนะ รู้มั้ย!!!!!!!!!!!!!”
“อื๊อ!!”
คิมหันต์ที่ไม่สามารถสะกดกลั้นความรู้สึกของเขาที่มีต่อออยเฟ่ย์ได้อีกแล้ว ชายหนุ่มจึงใช้กำลังบังคับจูบหญิงสาวทันทีอย่างรุนแรงและดุเดือด โดยเธอไม่ทันได้ตั้งตัว ได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของคิมหันต์
พลั่ก!!!!!!!!
เพียะ!!!!!!!!!!!!!!
ออยเฟ่ย์ผลักคิมหันต์ออกจากตัวเองพร้อมกับฟาดฝ่ามือไปที่แก้มของเขาอย่างแรง จนเขาหน้าหันไปตามแรงของฝ่ามือเธอ และทำให้เขารู้สึกตัวว่าได้กระทำสิ่งที่ไม่สมควรลงไปเสียแล้ว
“ฉันไม่คิดเลยนะว่า เธอจะทำแบบนี้!!!!!!!!!”
ออยเฟ่ย์ตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มด้วยน้ำตาที่เริ่มจะรินไหลออกมาอีกครั้ง เธอรู้สึกช็อคกับสิ่งที่เขาทำเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะหันหลังกลับและวิ่งหนีไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
คิมหันต์พิงกำแพงอย่างอ่อนแรงและเสียใจที่เขาได้ทำในสิ่งที่ไม่สมควรกับออยเฟ่ย์เสียแล้ว
เราจะทำยังไงดี………….ออยเฟ่ย์จะเกลียดเรามั้ยนะ
ทำไมเราถึงได้ไม่ควบคุมอารมณ์ให้ดีกว่านี้นะ !!!!!!!!!!!!!!!
คิมหันต์กำหมัดชกกำแพง เพราะรู้สึกโมโหตัวเองอย่างมากที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ได้
เมื่อเห็นออยเฟ่ย์เสียใจจากเหมันต์ แม้เขาอยากจะเป็นคนดูแลและปกป้องออยเฟ่ย์แทนเหมันต์ แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะทำให้ออยเฟ่ย์ต้องเสียใจ แต่ทว่าคนที่ทำให้ออยเฟ่ย์เสียใจซ้ำอีกครั้ง กลับเป็นตัวเขาเอง
ฮิเดกิกับเซร่าพากันเดินกลับบ้าน เนื่องจากเธอบอกกับคนขับรถว่าตอนเย็นไม่ต้องมารับเพราะเธออยากให้ฮิเดกิพาเธอเดินเที่ยวไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงสถานทูต
ทั้งคู่ต่างเดินทอดน่องเอื่อยๆ โดยที่สีหน้าของทั้งคู่ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หญิงสาวนั้นมีสีหน้าเบิกบานใจ เพราะกำลังเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ข้างทาง แต่ทางด้านชายหนุ่มนั้นมีสีหน้าบูดบึ้งไม่ค่อยพอใจที่เห็นเซร่าอยู่กับเหมันต์สองต่อสอง
“นี่ๆ ฮิเดกิ!! นั่นอะไรน่ะ!!”
เซร่าชี้มือไปที่ผู้คนซึ่งกำลังจัดเตรียมงานประจำแคว้นแห่งนี้อยู่ โดยมีการประดับประดาธงหลากสีเอาไว้ตามบ้านต่างๆ และมีผู้คนที่อยู่ตามท้องถนนกำลังเตรียมชุดแต่งกายที่จะใส่ในงานนี้ด้วย
“หืม?”
ฮิเดกิหน้าตาบึ้งตึงเหมือนไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไม่มีอารมณ์อยากตอบคำถามของเธอตอนนี้
“เป็นอะไรไปน่ะ ฮิเดกิ?”
เซร่าจับหางเสียงของความไม่พอใจได้ จึงหันมามองหน้าฮิเดกิด้วยความสงสัย ก็พบว่าหน้าตาของเขาตอนนี้ช่างบูดบึ้งเสียเหลือเกิน
“เปล่านี่”
“โกรธอะไรเรารึเปล่าน่ะ?”
เซร่าหยุดเดินกะทันหัน ฉุดแขนเสื้อของฮิเดกิเอาไว้ เอียงคอถามฮิเดกิอย่างไร้เดียงสา
ฮิเดกิมองหน้าเซร่า ก็เห็นเธอกำลังจ้องมองเขาอย่างแปลกใจ และท่าทางเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลยซักนิดว่า เขากำลังโกรธเรื่องอะไรอยู่
เซร่าส่งยิ้มให้กับฮิเดกิอย่างออดอ้อน นั่นทำให้เขารู้สึกใจอ่อนทันที เพราะรอยยิ้มของเธอแบบนี้ทำให้เขาโกรธเธอไม่สำเร็จสักครั้ง
“เฮ้อ....เอาเถอะๆ ไม่มีอะไรหรอก เราคง....บ้าไปเองน่ะ”
“หืม?”
“เธอถามว่าอะไรนะ
“อ้อ... จริงสิ!! นั่นไงๆ เขากำลังทำอะไรกันเหรอ?”
“ไหน? อ๋อ! นึกว่าอะไร ฮึฮึ”
“อะไรรึ?” เซร่าหน้ามุ่ยไม่ค่อยพอใจที่เห็นฮิเดกิหัวเราะ
“เขากำลังเตรียมงานพิธี Pardon อยู่น่ะ เป็นพิธีมิสซาที่ยิ่งใหญ่และทุกคนน่ะ จะต้องแต่งกายด้วยชุดประจำแคว้น แล้วก็เดินแห่ไปตามท้องถนนน่ะ” ฮิเดกิอธิบายยืดยาวให้เซร่าฟัง เพื่อให้เธอเข้าใจ
“อ้อๆ งั้นรึ” เซร่าพยักหน้ารับคำตอบของฮิเดกิ ดวงตาเป็นประกายแวววาวตื่นเต้น
“ถามทำไมรึ? อ๊ะ อ๊ะ อย่าบอกนะว่า.....”
ฮิเดกิถามเซร่าอย่างแปลกใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่เซร่าถามนั้นมีจุดประสงค์คือ..
“ถูกต้องแล้วล่ะ!! ฉันอยากมาร่วมงานด้วยน่ะ!!”
เซร่ายิ้มออกมาอย่างร่าเริง เมื่อเห็นว่าฮิเดกิทายถูกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“เฮ้ย! เธอจะบ้ารึ ท่านทูตคงยอมให้เธอมาหรอกนะ!!”
ฮิเดกิร้องอุทานอย่างตกใจ เมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขาคิดเป็นจริง
“แหม....เอาน่า ถ้ามีเธอคอยช่วยอยู่น่ะ ฉันว่าคุณพ่อกับคุณแม่ต้องไม่ว่าฉันอย่างแน่นอนนะ นะ นะ”
เซร่าทำเสียงอ้อนฮิเดกิ เพราะเธอก็อยากมาร่วมงานมิสซานี้ ฮิเดกิมองสีหน้าขี้อ้อนของเธอก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างยอมแพ้
“เอาเถอะ...ฉันจะลองช่วยดูละกันนะ”
ฮิเดกิใจอ่อนยอมตกลงที่จะช่วยเซร่าให้สมปรารถนา เพราะหากสิ่งใดที่ทำให้หญิงสาวตรงหน้าเขามีความสุขได้ เขาก็ยินดีจะทำ
“จริงนะ!!! ขอบคุณมากเลยนะ ฮิเดกิ!!”
เซร่าร้องออกมาอย่างดีใจมาก ก่อนจะฮัมเพลงออกมาเบาๆ อย่างอารมณ์ดี แล้วก็ออกเดินต่อไป โดยมีสายตาของชายหนุ่มมองตามอย่างเอ็นดู จึงค่อยเดินตามเซร่าไป
