ตอนที่ 10
“ก็ฉันบอกเหตุผลไปแล้วยังไงเล่า!!!!!!!!!”
เสียงของผู้ชายคนหนึ่งแผดดังขึ้นด้านนอกของห้องวิทยาศาสตร์ พร้อมกับฝีเท้าของคนจำนวนหนึ่ง กำลังเดินตรงเข้ามาที่ห้องนี้ ทำให้ชายหนุ่มและหญิงสาวหันไปมองดูอย่างแปลกใจ
คิมหันต์คุ้นเคยกับเสียงผู้ชายเป็นอย่างดี เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาตัดสินใจดึงตัวเซร่าเข้ามาใกล้ และพาหลบเข้าไปอยู่ภายในตู้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด โดยมีเพียงช่องเล็กๆ ที่สามารถมองลอดผ่านออกมาเห็นเหตุการณ์ด้านนอกได้
“นี่! นายจะ.......อุ๊บ!”
เซร่าร้องออกมาอย่างตกใจที่เขาดึงตัวเธอเข้าไปกอดเอาไว้ เพราะตู้เก็บอุปกรณ์ค่อนข้างแคบ ก่อนจะถูกปิดปากด้วยฝ่ามือหนาใหญ่
“ทำไมเธอถึงพูดไม่รู้เรื่องนะ!!!”
เสียงของผู้ชายดังเข้ามาในห้องวิทยาศาสตร์ ทำให้ดึงความสนใจของเซร่าไปจากคิมหันต์ และอดไม่ได้ที่จะแอบมองผ่านช่องเล็กๆ ของบานประตูตู้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง เปิดประตูห้องวิทยาศาสตร์เข้ามาค่อนข้างแรง ตามด้วยร่างของหญิงสาวที่ดูบอบบางที่เดินตามเข้ามาด้วยอาการฉุนเฉียว
เซร่าไม่สามารถเห็นหน้าทั้งสองคนชัดได้ เนื่องจากแสงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องกระทบกับกระจกด้านหน้า สะท้อนทำให้เห็นหน้าของชายหนุ่มและหญิงสาวไม่ชัดเจนมากนัก
“เหตุผล? เหตุผลอะไร แค่คุณอยากจะเรียนอีกด้านหนึ่งแค่นี้เนี่ยนะ!!!!”
“ออยเฟ่ย์!! ต้องให้บอกกี่ครั้งว่า ผมไม่ชอบเรียนด้านบริหาร ผมอยากเรียนด้านออกแบบภายในน่ะ มันเป็นความใฝ่ฝันของผมมาตั้งนานแล้ว” ชายหนุ่มบอกหญิงสาวอย่างหงุดหงิดใจ
ออยเฟ่ย์ ???เอ..เหมือนเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนนะ.........
เซร่าครุ่นคิดอยู่ในใจ เมื่อรู้ว่าหญิงสาวที่กำลังเถียงอยู่กับชายหนุ่มนั้น ชื่อว่าอะไร
“แต่คุณสัญญาว่าจะเรียนต่อด้านบริหารกับฉันนี่คะ เหม คุณลืมไปแล้วหรือ?” ออยเฟ่ย์บอกชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงน้อยใจที่เห็นเขาล้มเลิกความคิดที่จะเรียนต่อด้วยกัน
“ไม่ใช่ว่าผมลืมนะ เพียงแต่ว่า....บางครั้งผมก็อยากทำตามความต้องการของผมบ้าง ไม่ใช่ทำตามความต้องการของคนอื่น”
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายที่ต้องมาอธิบายให้กับออยเฟ่ย์ฟัง
“ฉันไม่เข้าใจ!!! ทำไมคุณถึงต้องไปเรียนด้านออกแบบภายในด้วย ในเมื่อพ่อของคุณก็ต้องการให้คุณสืบทอดกิจการส่งออกไวน์”
“แล้ว...แล้วทำไมคุณถึงต้องดิ้นรนไปเรียนทางอื่น!!!!!”
ออยเฟ่ย์หมดความอดทน ตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
คำพูดของออยเฟ่ย์ทำให้สีหน้าของเหมันต์เปลี่ยนไป แววตาของชายหนุ่มที่อยู่ภายใต้แว่นกรอบสีเงินดูเต็มไปด้วยความโกรธ เหมันต์ไม่ชอบให้ใครมาพูดกับเขาแบบนี้
เพราะชายหนุ่มไม่อยากสืบทอดกิจการของพ่อ เขาอยากเป็นสถาปนิกมากกว่าที่จะต้องทำธุรกิจส่งออกไวน์ไปยังประเทศต่างๆ
“ฉันจะเรียนต่อด้านไหนมันก็เรื่องของฉัน อย่ายุ่ง!”
เหมันต์ตะคอกใส่ออยเฟ่ย์อย่างไม่เกรงใจ ทำให้หญิงสาวตกตะลึงนิ่งอึ้งไป เพราะตลอดเวลาที่เธอรู้จักกับเหมันต์ เขาไม่เคยมีทีท่าแบบนี้มาก่อน น้ำตาพาลจะไหลรินออกมาจากตา
คิมหันต์และเซร่าที่แอบมองอยู่นั้น ได้ยินทุกคำพูดของเหมันต์และออยเฟ่ย์
ชายหนุ่มกำหมัดแน่นอยู่ภายในตู้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด เขารู้สึกโกรธที่เหมันต์พูดจาแบบนั้นกับออยเฟ่ย์ เพราะเขารู้ดีว่า คำพูดของเหมันต์มักมีอิทธิพลต่อออยเฟ่ย์เสมอ
ความโกรธที่พุ่งพรวดขึ้นมาของคิมหันต์ทำให้เขาเพิ่มแรงบีบไหล่ของเซร่าที่เขาจับเอาไว้อยู่แน่น
“โอ๊ย!! นายจะบีบไหล่ฉันทำไมห๊า!!!!!!!”
โครม!!! ปึง!!!!!!!!!!! พลั่ก!!!!!!!!!!
เซร่าซึ่งทนไม่ไหว ร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บ ก่อนจะสลัดตัวให้หลุดออกจากการจับกุมของคิมหันต์ ทำให้ทั้งคู่เสียหลักพุ่งออกมาจากตู้เก็บอุปกรณ์ และล้มลง
เหมันต์และออยเฟ่ย์ตกใจและยืนมองอย่างตะลึง เพราะไม่คิดว่าในห้องวิทยาศาสตร์จะมีคนอยู่
“อูย.. อ๊ะ...แหะๆ”
เซร่าคลำไหล่ด้านที่คิมหันต์บีบป้อยๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าแอบฟังพวกเหมันต์อยู่ และเมื่อมองเห็นสายตาของทั้งคู่ที่มองมายังเธอและคิมหันต์ เซร่าก็ได้แต่หัวเราะเฝื่อนๆ
ออยเฟ่ย์นั้นน้อยใจเหมันต์เป็นที่สุด เธอก็หันไปมองเหมันต์ และพบว่าสายตาที่จ้องมองเธอนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ตกลงคุณจะเรียนต่อด้านออกแบบภายในจริงๆ รึ?”
ออยเฟ่ย์สะกดกลั้นความเสียใจและน้อยใจที่กำลังพุ่งขึ้นมาในความรู้สึกของเธอ สายตาที่จ้องมองเหมันต์เต็มไปด้วยความน้อยใจ
“ไม่เกี่ยวกับเธอ!!”
เหมันต์ตอบออยเฟ่ย์ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ออยเฟ่ย์เม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาคู่งามของเธอ ก่อนจะหันหลังกลับและวิ่งหนีออกจากห้องวิทยาศาสตร์ไปอย่างรวดเร็ว
“ออยเฟ่ย์!!!!!!!!!!!!!”
คิมหันต์ตะโกนเรียกออยเฟ่ย์ที่วิ่งหนีออกไป ก่อนจะรีบลุกขึ้นวิ่งตามออกไปอย่างทันที โดยทิ้งเซร่าที่นั่งมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าที่มึนงง รวมทั้งเหมันต์ที่ยังคงยืนนิ่งด้วยทิฐิสีหน้าเรียบเฉย
“…………………”
เซร่ายืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยอาการงงๆ ปนไม่เข้าใจ เซร่ารู้สึกแปลกใจที่เห็นเหมันต์ยังคงยืนนิ่งเฉย ไม่ได้ตามออยเฟ่ย์ออกไป
เอ…ดูจากรูปการณ์แล้วสองคนนี้น่าจะเป็นแฟนกันนี่นา….
แล้วไหงคนที่ตามผู้หญิงออกไปถึงเป็นนายบ้องตื้นนั่นล่ะ
เซร่าขมวดคิ้วและค่อยๆ ประมวลความคิดอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มซึ่งยังคงยืนอยู่เงียบๆ ด้านหน้าของเธอ
“เธอ? เป็นนักเรียนใหม่รึ??”
“คะ?” เซร่าถามเหมันต์ด้วยอาการงงๆ
“เธอเป็นนักเรียนใหม่หรือ? ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อนเลย”
เหมันต์ถามเซร่าเสียงเรียบๆ แววตาที่อยู่ภายในแว่นกรอบสีเงินเพ่งพินิจดูเธออย่างสงสัย
“อ๋อ! เปล่าค่ะ เพียงแต่..ฉันไม่ได้มาโรงเรียนนานพอสมควร”
เหมันต์มองดูเซร่าพร้อมกับใช้ความคิด เนื่องจากตั้งแต่เขาได้เป็นประธานนักเรียนมา เขาแทบจะรู้จักนักเรียนที่อยู่ภายในโรงเรียนได้เกือบทั้งโรงเรียน
แต่กับหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขาคนนี้ เหมันต์ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย
“เอ่อ…ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกันน่ะค่ะ”
“ช่างเถอะ”
เหมันต์ตัดบท เพราะถ้าหากเขาอยากจะรู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเขานี้เป็นใคร เขาก็สามารถที่จะสืบหาได้อย่างแน่นอน
แต่เมื่อหญิงสาวดูเหมือนไม่เต็มใจจะบอก เขาจึงรักษามารยาทไม่ถามต่อ
“เอ่อ….ตะกี้ ฉันได้ยินแว่วๆ ว่าคุณอยากเรียนต่อด้าน Interior หรือคะ?”
เซร่าคิดว่าเขาคงไม่อยากให้พูดเกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ดังนั้นเธอเบี่ยงประเด็นด้วยการสอบถามเรื่องที่เขาสนใจจะเรียนต่อ
“ใช่! ทำไมรึ??”
เหมันต์ขมวดคิ้ว และนึกอยู่ภายในใจว่าหญิงสาวคนนี้ก็คงไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ เป็นแน่
“คือ..พอดีฉันมีญาติที่ทำงานอยู่ด้าน Interior…ดังนั้นฉันเลยคิดว่า หากคุณสนใจเรียนต่อด้านนี้ ฉันอาจจะแนะนำให้คุณลองสอบถามญาติของฉันเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาต่อก็ได้นะคะ”
ลุงแองเจลโล่ของซร่ามีฝีมือด้านออกแบบภายในและเปิดบริษัทอยู่ หากชายหนุ่มคนนี้คิดสนใจจะเรียนต่อจริงๆ เธอก็อยากให้ความฝันของเขาเป็นจริง
“เธอคิดว่าฉันน่าจะเรียนด้านออกแบบภายในได้รึ??”
เหมันต์ขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ เพราะแทบทุกคนที่เขาได้บอกถึงด้านที่เขาอยากเรียนต่อ ทุกคนต่างคัดค้านเป็นเสียงเดียวกัน แต่หญิงสาวคนนี้กลับไม่เหมือนคนอื่น
“อ้าว ก็ตะกี้เห็นคุณบอกว่า สนใจอยากเรียนต่อด้านนี้ไม่ใช่หรือคะ?” เซร่าถามเหมันต์อย่างแปลกใจ
“มันก็ใช่……เพียงแต่ดูเหมือนไม่มีใครสนับสนุนให้ฉันเรียนด้านนี้น่ะสิ” เหมันต์สีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงท้ายประโยคปนเยาะเย้ยในชะตากรรมของตัวเอง
“เอ….แต่ถ้ามันเป็นความฝันของคุณ คุณก็น่าจะทำให้มันเป็นจริงได้สิคะ?” เซร่ากลอกดวงตากลมโตของเธอมองเหมันต์อย่างสงสัย
“เธอไม่รู้หรอกว่า ฉันน่ะต้องเจอกับอะไรบ้าง หากคิดจะเรียนต่อด้านนี้ ไม่ว่าจะครอบครัวหรือคนรอบข้าง ก็ไม่มีใครเข้าใจฉันสักคน” เหมันต์พูดออกมาน้ำเสียงขมขื่น
“แต่ทุกอย่างมันก็มีทางออก และมีทางแก้ไขได้ไม่ใช่หรือคะ?”
เหมันต์นิ่งอึ้งกับคำพูดของเซร่า เพราะเขายังไม่เคยคิดถึงการหาทางออกสำหรับการแก้ปัญหาที่เขาเผชิญอยู่เลย
เหมันต์เคยชินกับการทำตามคำสั่งของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นพ่อที่คาดหวังให้เขามาสืบทอดกิจการต่อ หรืออาจารย์ที่คาดหวังให้เขาเป็นนักเรียนตัวอย่างของโรงเรียน
ภาระที่เขาแบกเอาไว้มันช่างหนักหนาเหลือเกิน ชายหนุ่มอยากมีใครซักคนมาช่วยรับรู้ถึงภาระของเขา แต่เขาก็ยังมองไม่เห็นใครเลย
แม้กระทั่งออยเฟ่ย์ หญิงสาวที่เขาเคยคิดว่า คงเป็นคนที่แตกต่างจากคนอื่น แต่เธอก็ยังไม่เห็นด้วยกับเขา
“เอ่อ…ฉันก็ไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณมีปัญหาอะไรกับใครบ้าง แต่ฉันคิดว่าหากคุณได้บอกถึงสิ่งที่คุณตั้งใจและต้องการจะทำจริงๆ ฉันว่าคงไม่มีใครที่จะตำหนิหรือต่อว่าคุณหรอกนะคะ เพียงแต่คุณได้พูดมันออกไปบ้างหรือยังเท่านั้นเองล่ะค่ะ”
จริงสิ !ที่ผ่านมาเรายังไม่เคยพูดกับใครจริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
ชายหนุ่มคิดอยู่ภายในใจ เพราะทุกครั้งที่คิดจะพูดเรื่องนี้กับพ่อของเขา เขาก็ไม่สามารถพูดได้ทุกที เพราะดูเหมือนพ่อของเขาจะคาดหวังในตัวของเขามาก
ชายหนุ่มไม่อยากทำให้พ่อต้องผิดหวัง ทำให้เขาต้องฝืนใจทำตามสิ่งที่พ่อสั่งมาโดยตลอด และเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเหมือนไม่เป็นตัวของเขาเอง
“เธอชื่ออะไรนะ?”
“เอ่อ..... มิยาเกะ เซร่าค่ะ
“อืม..งั้นรึ”
ชายหนุ่มพึมพำออกมาเบาๆ และพิจารณาเซร่าอย่างสนใจ เพราะเขาไม่เคยคิดจะพูดเรื่องนี้กับใคร แม้กระทั่งออยเฟ่ย์ แต่กับหญิงสาวตรงหน้า ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ แต่เหมันต์ก็รู้สึกเหมือนกับว่า เขาสามารถที่จะคุยกับผู้หญิงคนนี้ได้อย่างเปิดเผยและเป็นตัวของตัวเอง
“เซร่า!!!”
“ฮิเดกิ!!”
เซร่าร้องเรียกฮิเดกิอย่างดีใจ เมื่อเห็นเขามาหาที่ห้องวิทยาศาสตร์ เธอจึงเดินแทรกผ่านเหมันต์ตรงเข้าไปหาฮิเดกิทันที
“อ้าว ประธานฯ มาทำอะไรที่นี่ล่ะครับ?”
ฮิเดกิรู้สึกแปลกใจที่เห็นชายหนุ่มอยู่ที่นี่ด้วย เหมันต์มองสายตาของชายหนุ่มออกว่า ดูท่าทางหวงเซร่า ทำให้เขาพอจะคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างเซร่ากับฮิเดกิได้
“พวกนายรู้จักกันรึ?”
“ใช่ครับ”
“อืม” เหมันต์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“เซร่ากลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวคุณแม่เธอจะเป็นห่วง นี่ก็เย็นมากแล้วนะ”
ฮิเดกิเตือนเซร่าเพราะขณะนี้เลยเวลาที่เธอต้องกลับบ้านแล้ว
“อุ๊ย! จริงสิ ลืมซะสนิทเลย ขอตัวไปเอาของก่อนนะ”
“ไม่ต้อง! ยัยบ๊อง ฉันเอามาให้เธอแล้ว”
ฮิเดกิฉุดแขนเซร่าเอาไว้ พร้อมกับชูกระเป๋าของเซร่าที่อยู่ในมือของเขาให้เซร่าดู
“โห!! รู้ใจฉันจริงๆ เลยเธอนี่”
เซร่าตาโตมองกระเป๋าของตัวเองก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมา และคว้ากระเป๋าของเธอไปถือเอง
“ขอตัวก่อนนะครับ ประธานฯ”
ฮิเดกิหันมาบอกเหมันต์อย่างสุภาพ ก่อนจะฉุดมือเซร่าให้เดินตามไป โดยหญิงสาวยังไม่ทันได้เอ่ยลากับเหมันต์ เธอจึงได้แต่ส่งยิ้มและพยักหน้าให้เป็นเชิงขอตัว
เหมันต์มองตามชายหนุ่มและหญิงสาวไปอย่างครุ่นคิด เขาเห็นสายตาของฮิเดกิที่แสดงออกถึงความหึงหวง เขาก็พอจะเข้าใจดีว่าชายหนุ่มรู้สึกเช่นไร
มิยาเกะ เซร่า เธอเป็นใครกันนะ
ทำไมเราถึงไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อนเลย
