บทที่ 17 สืบ
“ตอนนี้ฉันก็แทบไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วรู้รึเปล่าเป็นเพราะนังวิภาคนเดียว มันขายบ้านพร้อมที่ดินทั้งหมดให้พ่อเลี้ยงวนราช นังวิภามันไล่ฉันออกจากบ้านโชคดีที่แม่เลี้ยงลัลนาเมตตาฉันให้อยู่บ้านนั้นต่อแต่มันให้ฉันเป็นคนรับใช้ในบ้าน”
หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงเคืองแค้น มยองเหลียวมองแล้วยิ้มบาง ชีวิตของบุลลายังไม่ถึงจุดต่ำสุด เขาจะเกาะหล่อนไปก่อนถึงเวลาที่หล่อนหมดเงินเมื่อไหร่เขาจะไม่ช่วยหล่อนไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็ตาม
“เอ็งได้อยู่ต่อก็ดีแล้วจะได้หาเพชรที่เอ็งว่ามันสวยราคาหลายสิบล้านต่อไงล่ะ”
“เพราะอย่างนี้ฉันถึงขออยู่ในบ้านนั้นต่อ ฉันได้เพชรเมื่อไหร่ฉันไม่ง้อพวกมันหรอก”
“ข้าช่วยอะไรไม่ได้ ข้าไม่รู้ว่ามันซุกอยู่ส่วนไหนของบ้านพอดูในขันน้ำมนตร์มันขาวทั้งขันมองไม่เห็นอะไรเลย มันมีของคุ้มครองอยู่”
“หมอทำลายมันไม่ได้รึไง”
“มันแข็งกว่าที่ข้าจะทำอะไรมันได้ เอ็งต้องช่วยตัวเองแล้วละนังบุลลา ข้าจะช่วยหาไอ้รม”
“ถ้าหามันไม่เจอก็ทำให้มันตายไปเลยถึงหามันเจอฉันก็ไม่เอามันแล้วมันหมดประโยชน์แล้ว”
“เอ็งแน่ใจว่าจะให้ข้าทำอย่างนั้น”
“แน่ใจสิหมอ”
น้ำเสียงและดวงตาแข็งกระด้างของหล่อนทำให้หมอผีเหยียดยิ้ม บุลลาเป็นอย่างนี้ หล่อนไม่เคยคิดถึงใคร คนที่หล่อนคิดถึงต้องเป็นคนที่ทำประโยชน์ให้หล่อนได้เท่านั้น
ลือสายนั่งอยู่บนระเบียงด้านตะวันออกของบ้าน อากาศยามเย็นสดชื่นเช่นเดียวกับบ้านพ่อแม่ เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ทอดสายตาไปข้างหน้า คิดถึงใบหน้าของผู้ช่วยสาว ดวงตาของหล่อนรอยยิ้มของหล่อนสดใส
“เธอเป็นหลานสาวแม่บ้านเก่าของแม่ฉันจริงเหรอ”
เสียงพึมพำดังออกมา สายตามองตรงไปข้างหน้า เงาวูบวับผ่านทางหางตา เขาเหลียวไปมองไม่เห็นสิ่งที่จะเป็นที่มาของเงาได้สักอย่าง รอบๆ ตัวว่างเปล่า เขาลุกขึ้นสาวเท้าเข้าไปในตัวบ้าน กวาดสายตาไปรอบบริเวณ ไม่มีใครเดินผ่านมาทางนี้
“มีอะไรเหรอลูก”
ลัลนาเดินออกมาจากห้องโถงรับแขก หล่อนตั้งใจจะเดินมานั่งเล่นที่ระเบียง วนราชเดินตามออกมา
“มีอะไรกันเหรอ”
“ตาลือ ยืนมองอะไรก็ไม่รู้” ลัลนาหันมาบอกสามี
“มีอะไรเหรอลูก มองหาใครเดี๋ยวพ่อเรียกให้มั้ย”
“คุณพ่อเห็นใครเดินผ่านไปทางโน้นมั้ยครับ”
เขาไม่ตอบคำถามของพ่อแต่เป็นฝ่ายตั้งคำถามเสียเอง
“อ๋อ.ยัยมุก ทำไมเหรอลูกจะใช้อะไรยัยมุกรึเปล่า”
วนราชตอบพร้อมกับจ้องหน้าลูกชาย สีหน้าของลูกสงสัยอะไรบางอย่าง ลัลนามองหน้าลูกเช่นกัน
“เปล่าครับ”
เขายิ้มเมื่อรู้ต้นตอของเงาแต่อดแปลกใจไม่ได้ หล่อนเดินเร็วเกินไปหรือไม่ได้เดินแต่เป็นวิ่งหนีเขา หล่อนมาแอบดูเขาทำไม
“คุณแม่ให้ยัยนั่นมาดูผมเหรอครับ”
“จ้ะ ให้ไปดูที่ห้องทำงานไม่เจอก็เลยให้มาดูที่ระเบียง”
ลัลนาตอบยิ้มๆ ลือสายถอนใจโล่ง มุกตาภาไม่ได้มาแอบดูแต่มาดูเขา ความสงสัยหายไปแต่ยังคงไม่ไว้ใจหล่อน
“คุณแม่ให้ตามผมทำไมเหรอครับ”
“ไม่ทำไมแค่อยากจะมานั่งคุยด้วย ลูกพอจะดูแลบ้านหลังนี้กับสวนได้มั้ยลูก”
“ได้ครับ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมทำได้”
“ยังไงอย่ามองข้ามยัยมุกนะลูก แม่จ้างผู้ช่วยให้แล้วก็ใช้งานให้เต็มที่”
“รับรองครับคุณแม่ ผมใช้แน่ครับ วันนี้จะให้จัดห้องให้ผมใหม่ทั้งหมด ห้ามมีผู้ช่วยดูซิว่าผู้ช่วยของคุณแม่จะทำได้มั้ย”
“อะไรนะ ให้ยัยมุกจัดห้องคนเดียว คิดอะไรขึ้นมาล่ะลูก”
“ผมไม่ชอบสีผ้าปูเตียง ผมจะเปลี่ยนทั้งชุด ผู้ช่วยคุณแม่คงทำได้มังครับ”
เขายิ้มบาง มุกตาภาต้องทำได้ท่าทางอวดดีของหล่อนไม่ยอมอะไรง่ายๆ เขาจะถือโอกาสใกล้ชิดหล่อนเพื่อสืบหาความจริงว่าหล่อนเป็นใคร สายตาของพ่อกับแม่ที่มองหล่อนนั้นเอ็นดูรักใคร่มากเกินกว่าเจ้านายจะเอ็นดูคนรับใช้ในบ้าน
วนราชสบตาภรรยา ลูกชายของเขาฉลาด พวกเขาจะปกปิดฐานะอันแท้จริงของมุกตาภาได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้แต่ระหว่างนี้ให้มุกตาภาระวังตัวให้มากที่สุด
“ให้เปลี่ยนเดี๋ยวนี้มั้ยลูกแม่จะบอกยัยมุก”
“ผมบอกเองดีกว่าครับ ยัยนั่นอยู่ไหนครับ”
“อยู่ในห้องหนังสือจ้ะ”
เขายิ้มแล้วเดินไปทางห้องหนังสือ ลัลนามองหน้าสามีอย่างจะขอความเห็นจากเขาแต่เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าแล้วถอนใจเฮือกใหญ่
“ลูกชายเราไม่ใช่คนโง่นะคุณ เริ่มสงสัยแล้วละนี่แค่ไม่กี่วันเองนะถ้าอยู่ไปเรื่อยๆ รู้แน่ๆ ว่ายัยมุกดาเป็นใคร”
“ยังไงก็ให้ยัยมุกสืบเรื่องบุลลาสำเร็จก่อนเถอะ”
“ถ้ายังไม่สำเร็จล่ะจะเกิดอะไรขึ้น”
วนราชมองตามร่างสูงของลูกชายแล้วหันมามองภรรยา หล่อนถอนใจยาวไม่มีใครตอบได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากลือสายจับได้ว่ามุกดาผู้ช่วยของแม่คือมุกตาภาหลานสาวคนเดียวของเจ้าของคุ้มเคียงดาว
หญิงสาวดึงหนังสือออกจากตู้มากองบนโต๊ะปัดฝุ่นตู้และเช็ดถูจนสะอาดจึงเรียงหนังสือเข้าไปใหม่ ตู้แรกเสร็จเรียบร้อยดี ตู้ที่สองเช็ดถูเสร็จกำลังจะหยิบหนังสือเข้าตู้ ลือสายก็เปิดประตูก้าวมายืนด้านหลังหล่อน
“ทำอะไร”
“ซักผ้า เนี่ยกำลังจะตากพอดีเลยคุณ ช่วยตากหน่อยสิ”
หล่อนหันมามองแล้วตอบด้วยน้ำเสียงยั่วโทสะ เขาก้าวเข้าใกล้อย่างลืมตัวเพราะความโกรธ
“อย่ามายวนฉันนะ”
“ยวนอะไร คุณก็เห็นอยู่ว่าฉันกำลังทำอะไรยังจะถามอีก ไม่เห็นรึไงว่าฉันจะเอาหนังสือเก็บในตู้”
“นี่เธอ...”
เขาคว้าข้อมือหล่อนที่กำลังวางหนังสือแล้วบีบตามอารมณ์ฉุนเฉียวในขณะนี้ หล่อนอ้าปากร้อง
“โอ้ย..”
“ทีหลังอย่ากวนโมโหฉัน ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นเธอ”
เขาสะบัดมือหล่อนไปชนกับกองหนังสือบนโต๊ะหล่นลงพื้น หล่อนร้องอีกครั้งพร้อมกับยกมือขึ้นมากุมตรงจุดที่เจ็บ เขามองมือเรียวอย่างรู้สึกผิดแต่เก็บความห่วงใยไว้อย่างมิดชิด หล่อนเงยหน้าจ้องใบหน้าคมเข้มอย่างโกรธๆ
“โหด ใจร้าย เป็นลูกคุณปะ..แม่เลี้ยงได้ยังไง”
“อย่ามาก้าวร้าว”
เขาชี้หน้าหล่อนและขยับเท้าจะก้าวไปหาหล่อน เท้าเหยียบอะไรบางอย่าง เขาก้มลงมองที่พื้น รูปภาพปรากฏแก่สายตา แสงวาววับพุ่งใส่ลูกตา เขาหลับตาหันหน้าหนียกมือป้องที่ใบหน้า มุกตาภาผงะถอยหลังไปชนตู้ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
