บทที่ 2 วิญญาณที่ไร้ที่พัก
บทที่ 2 วิญญาณที่ไร้ที่พัก
“ท่านเจ้าเมืองต้าหยางและบุตรี มาส่งวิญญาณคุณชาย”
เสียงประกาศจากคนสนิทของบิดาดังขึ้นหน้าจวนใหญ่ของตระกูลโจว ซูถานอิงยืนเคียงข้างบิดาอย่างเรียบร้อย ใจเต้นระรัวกับบรรยากาศเงียบงันและท้องฟ้าที่พร่างพรมด้วยสายฝนบางเบา
ยังไม่ทันก้าวเข้าไป เสียงอันคุ้นเคยกลับแผดออกมาจากด้านใน
“ไล่พวกมันออกไป!”
เสียงของฮูหยินเอกแห่งจวนโจว ดังก้องด้วยความเดือดดาล ราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงกลางใจของถานอิง
“ฮูหยิน ข้าพาเจ้านายมาเพียงเพื่อส่งดวงวิญญาณผู้ล่วงลับ มิได้มีเจตนาอื่นใด…”
เสียงท้วงติงจากคนสนิทของท่านพ่อพยายามอธิบาย แต่น้ำเสียงของหญิงชรากลับยิ่งกราดเกรี้ยว
“พอใจแล้วหรือยัง!เสียบุตรชายคนโต แล้ววันนี้ยังต้องต้อนรับนังสตรีที่เป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมดเข้าจวนอีก!”
ซูถานอิงยืนนิ่ง ดวงตาก้มต่ำ ริมฝีปากเม้มแน่น นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงถูกกล่าวหาเช่นนั้น ทั้งที่นางเองก็มิได้รู้เรื่องล่าสัตว์มาก่อน แต่คำพูดของสตรีผู้นั้นก็เสียดแทงใจยิ่งนัก
“เพราะเจ้าอยากได้เสือดำ! เจ้าออดอ้อนวอนว่ายังไง อวี้หยางถึงได้ยอมเสี่ยงไปล่าให้เจ้า!”
“ข้า… ข้าไม่เคย…” เสียงของถานอิงสั่นเครือ แทบจะหลุดลมหายใจ
“ยังจะกล้าแก้ตัวอีก! ของมีค่าที่เขาหามาให้ยังไม่พอหรือ! นังโลภมาก!”
“ท่านแม่…” เสียงเย็นเฉียบของโจวอวี้เหยียนดังแทรกขึ้น เขาก้าวออกมาประคองมารดาไว้
“พอเถิด กลับเข้าไปพักก่อนเถอะ”
“ข้าไม่ไป! เจ้าอย่าคิดให้นางเข้ามา ข้าเสียพ่อเจ้า เสียอวี้หยาง ข้าจะไม่ยอมเสียเจ้าไปอีกคน!”
“โปรดวางใจ ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร” เสียงของเขานุ่มนวล แต่แฝงด้วยความหนักแน่นจนฮูหยินเฒ่ายอมล่าถอยให้สาวใช้พากลับเข้าไปในเรือน
อวี้เหยียนหันกลับมาหาพ่อลูกจากเมืองต้าหยาง “ข้าขออภัยแทนท่านแม่ด้วย”
ท่านเจ้าเมืองถอนหายใจอย่างหนัก “ข้าเข้าใจนางอยู่ในความโศกเศร้า แต่พฤติกรรมเช่นนี้จะไม่ส่งผลเสียต่อพันธะระหว่างสองเมืองหรือ”
โจวอวี้เหยียนสบตาอีกฝ่าย “พันธะที่สร้างขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม จะสั่นคลอนได้เพราะอารมณ์ของผู้หญิงคนหนึ่งหรือ หากพวกเราทำลายพันธะนี้ ใครจะรับผิดชอบผลลัพธ์”
ซูถานอิงรู้สึกเหมือนตนถูกตรึงอยู่ตรงนั้น ร่างเบาหวิว แต่เต็มไปด้วยความกดดันที่ไม่อาจสลัดหลุด
“หากท่านกังวล ข้าสัญญาว่าจะดูแลนางอย่างดี” อวี้เหยียนกล่าวเสียงเรียบ ขณะมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่อาจอ่านความรู้สึกออก
“แต่ว่า…”
“หรือท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อว่าข้าจะควบคุมคนในจวนได้”
“ข้ามิได้หมายเช่นนั้น ข้าเพียง…ห่วงบุตรสาวของข้า”
“ความกังวลของท่าน ข้าเข้าใจดี แต่ในเมื่อนางจะเป็นภรรยาของข้า ข้าย่อมไม่ยอมให้นางถูกรังแก”
หลังกล่าวจบ เขาเป็นผู้นำพาทั้งสองเข้าไปในจวนด้วยตนเอง
เมื่อเดินเข้าสู่ศาลาใหญ่ บรรยากาศภายในก็แทบทำให้ถานอิงหายใจไม่ออก โลงตั้งอย่างเงียบสงบในท่ามกลางเสียงสะอื้นเบา ๆ และสายตาที่มองมาด้วยความเคลือบแคลง
‘พี่หยาง… ข้าไม่รู้เลยว่าคำพูดของข้าในวันนั้นจะนำไปสู่หายนะเช่นนี้’
‘ข้าเพียงพูดไปตามประสา ไม่รู้เลยว่าท่านจะถือจริง… แล้วก็จากไปตลอดกาล’
“ถานอิง” เสียงบิดาดังขึ้นเบา ๆ สะกิดให้นางรู้ตัว แต่ก่อนที่นางจะได้ลุกขึ้น ฮูหยินเฒ่ากลับตวาดออกมาอีกครั้ง
“ยามเขาอยู่ก็รบกวน ยามเขาตายยังไม่วายรังควาน วิญญาณเขาจะสงบได้อย่างไร!”
“ท่านแม่…” อวี้เหยียนเตือนเบา ๆ
“หน้าด้าน! อ้อนพี่ชายเจ้าไม่ได้แล้วหรืออย่างไร ถึงได้เปลี่ยนมาอ้อนเจ้าแทน!”
บิดาของถานอิงเม้มริมฝีปากแน่น “หากที่นี่ยังไม่พร้อมจะรับการมาเคารพศพ เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัว…”
“ข้าไปส่ง” อวี้เหยียนเอ่ยอย่างสุภาพ แม้สีหน้าเขาจะยังเรียบเฉย
“อวี้เหยียน!” ฮูหยินเฒ่าเอ็ดเสียงแหลม
“เขาคือแขก ท่านแม่ โปรดอดกลั้นไว้ก่อน” เขากล่าวเสียงหนักแน่น ก่อนจะหันกลับไปประคองถานอิงออกจากศาลา
สายฝนยังคงโปรยปรายไม่หยุด…
ราวกับฟ้ารู้ดีว่าไม่มีใครในวันนี้จะหลุดพ้นจากความทุกข์
