กุญแจดอกที่ 5 : เริ่มภารกิจ
พวกเรามองเห็นทว่าไม่สามารถแตะต้อง
พวกเรารับรู้ทว่าไม่อาจช่วยเหลือ
พวกเราเฝ้ามองทว่าไม่อาจเข้าไปก้าวก่าย
มิใช่พวกเราไร้ตัวตนแต่เป็นอีกฝ่ายที่ไม่เห็นพวกเรา
เพราะพวกเราเป็นแค่วิญญาณที่มิอาจมีบทบาทในโลกนี้อีกแล้ว
•.★*... ...*★.•
โรงเรียนคิงเคสเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุดในดินแดนผู้ไร้เวท ส่วนมากคนที่จบออกมาจากโรงเรียนนี้ล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตทั้งนั้น จึงไม่แปลกอะไรหากในโรงเรียนส่วนใหญ่จะมีแต่ลูกของพวกมหาเศรษฐีหรือไม่ก็ลูกของคนที่มีชื่อเสียง
นอกจากจะเป็นที่ลือชื่อในด้านการเรียนการสอนที่นี้ยังเป็นที่ลือชื่อด้านความสะดวกสบายของเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำโรงเรียนอื่นไปมาก อีกทั้งเด็กที่สามารถเข้าโรงเรียนนี้ได้ยังมีสิทธิพิเศษต่างๆมากมายทั้งภายนอกและภายในโรงเรียน
นักล่าอันดับสามถึงกับอ้าปากค้างไปเลยทีเดียวเมื่อเห็นสิ่งปลูกสร้างที่ได้ชื่อว่าโรงเรียนเพราะมันใหญ่กว่าพระราชวังบางหลังตั้งหลายเท่า โรงเรียนคิงเคสเป็นโรงเรียนที่อยู่ในรัฐโซนเดียซึ่งกินอาณาเขตไปเกือบจะเท่ากับเมืองๆหนึ่งเลยก็ได้ ทั้งที่แต่ละครั้งก็รับนักเรียนไม่มากและแต่ละชั้นปียังมีแค่สองห้องเรียน ทว่าที่โรงเรียนกินอาณาเขตมากมายขนาดนี้เป็นเพราะนอกจากจะมีตึกเรียนแล้วที่นี่ยังมีทั้งห้าง สวนสนุกหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมายให้นักศึกษาและบรรดาอาจารย์ได้พักผ่อนกันอีกต่างหาก แทบจะพูดได้เลยว่าเหมือนเป็นเมืองๆหนึ่งเลยทีเดียว
ตอนนี้ฟรอส คาไมเคิลและเรฟานอฟกำลังยืนรอเด็กสาวคนเดียวในกลุ่มที่ไปแปลงโฉมในห้องน้ำอยู่หน้าห้องสอบ ดวงตาของคนทั้งสามมองไปทั่วเพื่อฆ่าเวลาเล่น
โรงเรียนนี้ดูภายนอกแล้วมันเหมือนจะเงียบสงบแต่จริงๆแล้วที่นี่กลับเต็มไปด้วยวิญญาณมากมายลอยสวนกันไปมา เพราะเชื่อว่าผู้คนที่ยังมีชีวิตไม่มีทางเห็นแน่ๆ แต่เปล่าเลย สำหรับผู้ไร้เวทแล้วอาจจะไม่เห็นวิญญาณพวกนี้แต่ถ้าเป็นผู้ใช้เวทมนตร์แล้วล่ะก็สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกตาสักเท่าไหร่
วิญญาณส่วนใหญ่จะมีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่ก็มีแบบที่เป็นตัวประหลาดรูปร่างต่างกันออกไป อย่างเช่นไอ้ตัวที่เพิ่งลอยเฉียดหน้าฟรอสไปเมื่อกี้มันเป็นตัวสีดำแบนยาวที่มีแค่ลูกตาสองข้างเท่านั้น
ส่วนมากแล้ววิญญาณพวกนี้จะไม่ทำร้ายคน แต่ถ้ามีความโกรธ ความโลภหรือความแค้นมากเกินไป วิญญาณบางตนก็อาจจะหันมาทำร้ายคนเป็นได้เหมือนกัน แต่วิญญาณพวกนั้นก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับพวกปีศาจที่เห็นการฆ่าฟันเป็นเรื่องสนุก
“ให้ตายสิ ทำไมต้องมาสอบด้วยน้า...” ฟรอสบ่นออกมาเพราะมีข่าวลือว่าการสอบเข้าที่นี่ใช้ข้อสอบยากมากจนเขาต้องลงมืออ่านหนังสือหาความรู้ประดับหัวเอาไว้สักหน่อย
“ช่วยไม่ได้นี่ครับ ก็เราเข้ากลางเทอมนี่” คาไมเคิลที่ยืนอยู่ข้างๆพูดออกมาขณะเด็กหนุ่มผมดำยังคงนิ่งและเงียบเช่นเดิม
“สอบเข้าก็ยาก แถมยังมีพวกวิญญาณลอยไปลอยมาอย่างนี้ใครจะไปมีสมาธิทำข้อสอบกันเล่า” คำพูดของนักล่าลำดับสามทำเอาพวกวิญญาณทั้งหมดชะงักก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มสามคนด้วยท่าทีแตกต่างกันออกไป
เรอยากจะเอาดาบออกมาเฉาะหัวคนพูดไม่คิดนี่จริงๆ ปากนี่พาซวยตลอด ขณะที่คาไมเคิลยิ้มแหยๆ นี่หาเรื่องให้พวกเขาอีกแล้วใช่ไหมคุณฟรอส แต่ไอ้คนต้นเรื่องนี่สิยังคงยิ้มแบบไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยสักนิด
“เจ้าหนู มองเห็นพวกเราหรือ” เสียงวิญญาณชายแก่ที่อยู่อถวนั้นพอดีถามขึ้นด้วยความไม่อยากเชื่อสักเท่าไหร่
“แล้วลุงคิดว่าไงล่ะ” แทนที่จะตอบฟรอสกลับถามออกไปขณะดวงตาสีเขียวจับจ้องคนถามและนั่นเป็นคำตอบให้พวกวิญญาณที่เหลือได้ดี
วิญญาณมากมายที่อยู่รายล้อมพวกเขาต่างตรงเข้ามารุมเด็กหนุ่มทันทีเพราะกว่าจะหาใครที่มองพวกเขาเห็นแถมยังได้ยินพวกเขาพูดได้แบบนี้ช่างหาได้ยากเย็น แต่วิญญาณตนไหนจะรู้บ้างว่าสามคนนี้นอกจากจะเห็นและได้ยินพวกเขาแล้วยังสามารถจับและทำลายพวกวิญญาณได้อีกด้วย
เรฟานอฟตั้งท่าจะเดินเลี่ยงออกมาเพื่อทำทีเป็นมองไม่เห็นวิญญาณ เขายังอยากจะอยู่ที่นี่อย่างสงบสุขโดยไม่มีวิญญาณมาเกาะแกะ
“เจ้าหนูนั่นมองไม่เห็นเราหรือ” วิญญาณชายแก่คนเดิมยังถามฟรอสพลางหันไปมองคนที่เดินเลี่ยงออกไปทำเอาเรชักโมโห
เจ้าหนูเรอะ! แม้แต่อดีตนักล่าอันดับสามยังไม่กล้าเรียกเขาเลย แต่ถึงจะคิดแบบนั้นเรก็ยังคงนิ่งเงียบเพื่อไม่ให้เจ้าพวกนั้นรู้ว่าเขาเห็นและได้ยินเสียงของวิญญาณ
“บ้าเหรอ หมอนั่นน่ะเก่งที่สุดในหมู่พวกเราแล้ว ถ้าหมอนั่นไม่เห็นพวกเราก็ไม่มีทางเห็นหรอก” แต่คำพูดของนักล่าอันดับสามที่ดังมานี่สิมันทำเอาความตั้งใจของเรพังครืนลงมาไม่มีชิ้นดี
ดวงตาสีนิลทอประกายเย็นเยียบหันไปมองไอ้คนที่ทำลายความสงบสุขของเขาพร้อมเตรียมจะลงมือสั่งสอนเต็มที่ว่าวันหลังควรจะใช้ความคิดก่อนพูดซะบ้าง แต่ก็เปลี่ยนใจเมื่อได้ยินเสียงหวานๆที่แว่วมา
“ทำอะไรกันอยู่เหรอ” ดวงตาสามคู่ของสามหนุ่มที่รอเด็กสาวมานานรีบหันกลับไปมองต้นเสียงทันที และก็แทบอ้าปากค้างเมื่อเห็นคนตรงหน้าเต็มๆตา มีเพียงเรเท่านั้นที่นิ่งสนิทเพราะคิดว่าเซนจะต้องออกมาเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ดูท่าเรจะพอใจมากเลยด้วย
“ทำไมมัน...เฉิ่มจัง” เสียงฟรอสครางออกมาพลางมองผู้หญิงตรงหน้า เรที่ได้ยินหันขวับมาส่งสายตาเย็นเยียบเข้าใส่ ต่อให้เป็นความจริงเจ้านี่ก็ไม่ควรพูดออกมาต่อหน้าเซน
ร่างบางตอนนี้ห่างไกลเซนาเรียสคนเก่าไปมาก ผมสีชมพูยาวสวยถูกถักเป็นเปียสองข้าง ดวงตาสีทองร่าเริงถูกบดบังด้วยแว่นหนาเตอะกรอบขาว ท่าทางสุภาพเรียบร้อยของเจ้าตัวยิ่งตอกย้ำให้ทุกคนมองว่าเธอเป็นเด็กเฉิ่มที่แสนจะจืดชืด แต่ถ้ามองนานๆแล้วคนตรงหน้าก็ยังคงความน่ารักเอาไว้ได้เหมือนเดิม
“เซนทำไมเปียเบี้ยว” เรฟานอฟที่เดินเข้ามาใกล้ถามเด็กสาวที่ทำหน้างอลงเมื่อได้ยินคำถามนั้นพลางจับเปียสองข้างของตนเอง
“ก็มันไม่ถนัดนี่ ถักเองก็แบบนี้แหละ” ฟังคำตอบจากคนเป็นคู่หมั้นแล้วเจ้าตัวถอนหายใจออกมานิดๆก่อนจะลงมือแก้ผมให้ใหม่ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของทั้งคนทั้งวิญญาณ นักล่าชายอีกสองคนมองตาไม่กระพริบ ใครจะไปเชื่อ...เจ้าคนที่แปะป้ายว่าน่ากลัวอย่างหมอนี่จะถักเปียเป็น วันหลังต้องแอบถามเซนาเรียสสักหน่อยแล้ว
“นี่...หมอนั่นรักผู้หญิงเฉิ่มๆแบบนั้นเหรอ” วิญญาณลุงตนเดิมยังคงกระซิบถามอย่างไม่กลัวตายบวกไม่อยากเชื่อ
“เฮ้ย...อันที่จริงผู้หญิงคนนั้นสวยจะตาย มีคนอยากจะจีบตั้งเยอะแต่ต้องมาปลอมตัวเข้าโรงเรียนนี่แหละ” ฟรอสแก้ตัวแทนเด็กสาวผมชมพูที่ยังคุยเล่นอยู่กับคู่หมั้นโดยไม่สนใจเลยว่าตัวเองกำลังโดนนินทราอยู่ในระยะเผาขน แต่ถ้ารู้คาไมเคิลก็ภาวนาของให้เซนรู้แค่คนเดียวอย่าให้เรได้ยินเลยเพราะเขาไม่อยากคิดว่าเจ้าชายแห่งดาร์กเซสจะทำยังไงกับคนที่มาว่าร้ายคู่หมั้นตนเอง
“ทำไมทางสมาพันธ์ถึงให้คุณเซนปลอมตัวเข้ามาละครับคุณฟรอส ทั้งที่พวกเรายังไม่ต้องทำเลย” คาไมลเคิลถามด้วยความอยากรู้ อันที่จริงไม่เห็นจะต้องปลอมตัวเลย นักล่าอันดับสองสวยอยู่แล้วนี่
“คงกลัวจะเกิดศึกนองเลือดมั้ง นายคงจะไม่รู้ว่าเรฟานอฟขี้หวงจะตาย ถ้าใครจีบเซนเข้ามีหวังหมอนั่นฆ่าหั่นศพไปซ่อน อย่าหวังว่าจะได้เจอศพเลย” ฟรอสกล่าวด้วยเสียงที่ไม่ดังไปกว่าการกระซิบซึ่งคาไมเคิลก็ยิ้มแหย่ๆให้
“หือ...หมอนั่นอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ” วิญญาณชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ข้างๆถามพลางมองไปทางเด็กหนุ่มผมดำที่ถักเปียให้เด็กสาวผมชมพูอย่างไม่อยากเชื่อเท่าไหร่
“หมอนั่นนะมือหนึ่งเลย” นักล่าอันดับสามตอบให้อย่างมั่นใจซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ผู้คุมสอบแต่ละคนเดินเข้ามาพอดี
ฟรอสอยากจะเป็นลมเมื่อเห็นคณะผู้คุมสอบที่มีทั้งหมดสี่คนซึ่งพอดีกับผู้เข้าสอบในครั้งนี้ นี่กะจะคุมแบบตัวต่อตัวเลยหรือ ถ้าคุมเข้มแบบนี้ก็ใช้วิธีลอกแบบธรรมดาไม่ได้น่ะสิ แบบนี้คงต้องพึ่งสัมผัสนักล่าเท่านั้นแหละ
ว่าแต่ลอกใครดีน้า... คิดพลางไล่สายตามองคนแรกซึ่งก็คือเรแล้วก็ต้องรีบส่ายหัว ไอ้นี่เก่งจริงแต่ลอกยาก คิดได้แบบนั้นแล้วหันไปมองคาไมเคิลและเซนาเรียส อืม...ดูคำตอบของสองคนนี่แล้วเอามาเปรียบเทียบกันดีกว่า ฟรอสคิดในใจอย่างหมายมั่นปั้นมือแบบสุดๆ เอาวะ...ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยกลก็ต้องด้วยมนตร์คาถานี่แหละ
•.★*... ...*★.•
ผิด...คิดผิดแบบสุดๆ เสียงในใจของฟรอสตะโกนดังลั่นเมื่อออกมาจากห้องสอบด้วยสภาพที่โทรมผิดกับก่อนเข้าไปสอบลิบลับ ผมสีเขียวพันกันยุ่งยิ่งราวกับเพิ่งไปผ่านพายุลูกใหญ่มา ไม่เหมือนกับเพื่อนอีกสามคนที่มีท่าทางสบายๆ
อันที่จริงพวกเขาไม่มีใครกลัวตกสักคน ยังไงก็ผ่านร้อยเปอร์เซ็นต์ในเมื่อพวกวิญญาณต่างก็อยากให้พวกเขาเข้าโรงเรียนนี้เพื่อจะได้มีมนุษย์ที่สามารถพูดคุยกันได้ แต่พอฟรอสถามว่าทำไมรุมเขาคนเดียวล่ะ เจ้าพวกวิญญาณก็บอกว่าอีกสามคนยังไงก็เข้าได้อยู่แล้วมีแต่เขานี่แหละที่น่าห่วง เจ้าพวกนั้นเลยรุมกันช่วยเขาทำโจทย์ รู้งี้ไม่น่าอ่านหนังสือมาให้เปลืองสมองเลย
“ยังไงพวกเราก็ผ่านแน่ๆ วันนี้เราเข้าโรงแรมกันดีกว่า ท่านตาเลธีสคงจองห้องเอาไว้แล้ว ส่วนผลสอบก็ต้องมาดูพรุ่งนี้” เสียงหวานของเด็กสาวหนึ่งเดียวสรุปพลางเดินนำทุกคนออกจากโรงเรียน
“ข้อสอบเมื่อกี้เป็นข้อสอบที่ดีนะครับ ยากสมกับเป็นข้อสอบวัดนักเรียนเข้ากลางเทอมอย่างพวกเรา” คาไมเคิลพูดพร้อมรอยยิ้มสุภาพ ข้อสอบที่พวกเขาเพิ่งทำไปจะยากก็ไม่แปลกในเมื่อมันเป็นข้อสอบที่เอาไว้วัดเด็กที่จะเข้ากลางเทอมว่ามีความสามารถพอจะเรียนร่วมกับเพื่อนที่เรียนไปล่วงหน้าได้หรือไม่
“ยากขนาดนั้นเลยเหรอ” ฟรอสถามออกมาเสียงอ่อยๆในเมื่อเขาแทบจะไม่ได้ทำเลยสักข้อเดียว มัวแต่ฟังเจ้าพวกวิญญาณโต้เถียงกันไปมาก่อนพวกมันจะหันมาสั่งเขาให้จดลงไปจนเขาอยากจะทำลายพวกมันให้เป็นธาตุอากาศไปเลยจริงๆ เซนหันมามองนักล่าอันดับสามพร้อมรอยยิ้ม
“ยากสิ แต่ฟรอสคงไม่ได้ทำเองหรอกใช่ไหม เห็นพวกวิญญาณพากันรุมขนาดนั้น” คำพูดของเด็กสาวคนเดียวในกลุ่มแทงใจดำฟรอสอย่างแรง
“ปะ...เปล่านะ” แค่ได้ยินเสียงที่พยายามจะแก้ตัวเพื่อนทั้งสามก็พร้อมกันสรุปในใจ แบบนี้คงไม่ได้ทำสักข้อแน่ๆ
“จริงๆนะ” แถมยังมาพูดแบบนี้อีก เรยังคงเดินไปที่รถโดยไม่พูดอะไรแต่มือก็ไม่ลืมที่จะจับจูงเซนให้เดินตามมาด้วย คาไมเคิลตบบ่านักล่าอันดับสามก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสุภาพแต่คำพูดที่ส่งให้เขานี่สิเจ็บได้ใจจริงๆ
“ใครเชื่อก็โง่แล้วครับ”
•.★*... ...*★.•
ยามเย็นหลังจากสำรวจพื้นที่แถวโรงเรียนคิงเคสและทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้วคนทั้งสี่ก็มารวมตัวกันอีกทีที่ห้องนอนของเซนและเรในโรงแรมหรูใจกลางเมืองซึ่งเป็นที่นิยมในตอนนี้อย่างมาก คงไม่ต้องพูดถึงราคาห้องเลยว่าจะแพงหูฉี่แค่ไหน
ฟรอสอดจะบ่นออกมาไม่ได้เมื่อรู้ว่าทางสมาพันธ์นักล่าถึงกับจัดห้องพักไว้ให้พวกเขาถึงสองห้องแถมยังหรูมากอีกต่างหาก ทีพวกเขาออกทำงานกับเรซึ่งเป็นนักล่าอันดับหนึ่งไม่เห็นได้พักที่หรูๆแบบนี้สักครั้งแต่พอมีเซนาเรียสมาด้วยนะ ตาแก่บางคนก็จัดหาแต่ห้องดีๆไว้ให้ นอกจากตาแก่นั่นจะลำเอียงแบบไม่ลืมหูลืมตาแล้วคงจัดลำดับในสมองผิดไปด้วย ในเมื่อเซนเป็นแค่นักล่าอันดับสอง เรต่างหากที่เป็นนักล่าอันดับหนึ่ง
“เรียกพวกผมมามีอะไรหรือครับ” คาไมเคิลถามออกมาทันทีที่เดินเข้ามาในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม
เรซึ่งเป็นคนเดินมาเปิดประตูให้พวกเขาเดินนำเข้าไปด้านในห้องที่มีโซฟารับแขกชุดหนึ่งตั้งอยู่โดยมีเซนกึ่งนั่งกึ่งนอนรอพวกเขาอยู่เช่นกัน บนโต๊ะที่ล้อมรอบไปด้วยโซฟามีอุปกรณ์มากมายวางอยู่เต็มไปหมดแต่ดูแล้วมันน่าจะแยกออกเป็นสี่ชุด
“นี่อะไร” ฟรอสถามย้ำขึ้นมาในเมื่อเรฟานอฟไม่ยอมตอบคำถามแรกของคาไมเคิล
“อุปกรณ์ที่จะใช้ตอนอยู่ที่นี่ สมาพันธ์เพิ่งให้มาเมื่อวานนี้เอง” เซนตอบคำถามให้ฟรอสอย่างว่าง่ายทำให้คาไมเคิลคิดในใจ วันหลังถามจากผู้หญิงคนนี้ดีกว่า
เรไม่ได้พูดอะไรแต่ส่งจิตสังหารกดดันนักล่าชายทั้งสองให้นั่งลงบนโซฟาขณะที่เซนลุกขึ้นมานั่งดีๆอย่างตื่นเต้น
“ที่นี่ก้าวหน้าเรื่องเทคโนโลยีมาก ท่านตาเลยส่งของที่จำเป็นต้องใช้มาให้” คำพูดของเซนทำเอาฟรอสนึกกดด่าความลำเอียงของตาแก่คนเดิมในใจอีกรอบ
เชื่อเถอะหากพวกเขามากันสามคนโดยไม่มีเซนมาด้วย พวกเขาคงไม่ได้ของจากทางสมาพันธ์มาประเคนให้ถึงที่แบบนี้หรอก อยากมากก็ได้แค่เงินไปเดินหาซื้อของเองมากกว่าและนั่นก็หมายความว่าพวกเขาต้องลองใช้ชีวิตอย่างผิดๆถูกๆไปแล้วถึงจะรู้ว่ามีของอะไรที่จำเป็นต้องซื้อบ้าง เซนหยิบลูกแก้วอันเล็กที่สะดวกต่อการพกพาขึ้นมาให้ทั้งนักล่าอันดับสามและนักล่าอันดับหกดู
“อย่างอันนี้เขาเรียกว่าคอล รู้สึกว่าจะเอาไว้สื่อสารกันนี้แหละ ทางสมาพันธ์บอกว่าคอลแต่ละอันต้องมีเลขติดต่อกัน เห็นบอกว่าเลขที่ติดต่อกันจะใช้กี่ตัวก็ได้ อย่างคอลของฉันก็คือเลข แปดแปดแปด แต่ทำอะไรได้บ้างนอกจากการติดต่อกันฉันก็ไม่รู้หรอก แต่น่าจะสามารถทำอย่างอื่นได้ด้วยเพราะทางสมาพันธ์บอกว่าเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด” เซนพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างตื่นเต้นสุดๆ เธอไม่ค่อยได้ออกจากรั้ววังเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่พบเห็นในวันนี้หลายอย่างจึงเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับเธอ ส่วนเรยังคงนั่งนิ่งๆปล่อยให้คนเป็นคู่หมั้นของเขาอธิบายต่อไป เซนวางลูกแก้วในมือก่อนจะหยิบปืนกระบอกเล็กที่วางอยู่ใกล้ๆตนเองขึ้นมา
“ส่วนเจ้านี่ทางสมาพันธ์ให้ไว้เผื่อว่ามีสถานการณ์ที่ใช้พลังไม่ได้ แค่เล็งแล้วยิงออกไปก็เท่านั้นเอง แต่ทางสมาพันธ์บอกว่าถ้าใช้ก็อย่าให้คนแตกตื่นกันมากล่ะ แถมปืนนี่ยังเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดเหมือนคอลด้วย” เซนยังคงอธิบายพร้อมรอยยิ้มแต่ฟรอสกับคาไมเคิลกลัวของที่เด็กสาวถืออยู่จะลั่นออกมาตอนนี้เสียจริง ยังมีของอีกมากมายที่ยังไม่ถูกอธิบายออกมาทว่าก็ถูกเรที่นั่งฟังมานานขัดขึ้นเสียก่อน
“ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องเรียนรู้... และเตรียมเก็บของด้วย เราจะอยู่ที่นี่แค่วันเดียวแล้วเราจะไปนอนหอที่โรงเรียนจัดไว้ให้” แม้ประโยคจะยาวมากแค่ไหนก็ตามแต่น้ำเสียงที่เจ้าชายแห่งดาร์กเซสใช้ก็ยังเย็นเยียบเสมอต้นเสมอปลาย
เรรวบของบนโต๊ะที่ถูกแบ่งออกเป็นชุดๆก่อนจะยื่นให้พวกเขาคนละชุด แล้วไล่เด็กหนุ่มทั้งสองกลับห้องอย่างไม่ไยดีด้วยเหตุผลง่ายๆว่าเซนควรจะพักผ่อนได้แล้ว ปล่อยให้พวกเขายืนมองของในมือตาปริบๆ นอกจากไอ้ของสองชิ้นนั้นที่เซนให้ดูพวกเขายังไม่รู้วิธีใช้ของอย่างอื่นเลยนะ
“ทำยังไงดีละครับ” คาไมเคิลหันไปถามฟรอสที่น่าจะมีประสบการณ์แบบนี้มากกว่าเขา อย่างน้อยนักล่าอันดับสามก็เคยร่วมทำภารกิจกับนักล่าอันดับหนึ่งมาก่อน ฟรอสยักไหล่ให้คนถามพร้อมสีหน้าปลงๆ
“ก็คงต้องทำตามที่หมอนั่นพูดนั่นแหละ” ฟรอสเปรยออกมาแล้วคิดไปถึงคำพูดเรก่อนหน้านี้ ‘ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องเรียนรู้’ แล้วนายคงจะบอกพวกเราต่อในใจใช่ไหมว่า ‘เพราะฉะนั้นพวกนายก็เอาของพวกนี้ไปหัดเรียนรู้ด้วยตัวเองแล้วไปไกลๆสักที’
ฟรอสคิดแล้วก็ได้แต่เบ้หน้าให้นักล่าอันดับหนึ่งก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา เอาเถอะให้เรียนรู้ด้วยตนเองแต่ถ้ามันระเบิดตูมต้ามขึ้นมาก็อย่าถือว่าเป็นความผิดของพวกเขาที่ใช้มันไม่เป็นก็แล้วกันนะไอ้เพื่อนจอมเย็นชา
