บทที่ 9
นับตั้งแต่วันนั้นเหยียนซิ่นฮวาก็ได้มาอยู่ที่บ้านชายป่าของหญิงชราเหยียนจิวซินเป็นเวลาเกือบสามเดือนแล้ว โดยที่หญิงสาวก็สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
ในทุกวันเหยียนจิวซินจะพาหญิงสาวติดตามตัวเองไปเก็บผักและสมุนไพรด้านในป่าด้วยกัน และนอกจากนั้นแล้วก็ยังคอยสอนให้หญิงสาวได้รู้จักกับสมุนไพรต่าง ๆ ที่จำเป็นอีกด้วย
เมื่อเก็บสมุนไพรมาได้ทั้งสองคนก็จะช่วยกันเอามาตากแดดไว้ที่ลานบ้าน เพื่อตุนไว้เมื่อสะสมได้มากเพียงพอแล้วก็จะเอาเข้าไปขายที่ตลาดในเมืองนั่นเอง
“ซิ่นฮวาอย่าจับนะ!”
เหยียนจิวซินที่กำลังนั่งเก็บผักป่ารีบตะโกนห้ามเหยียนซิ่นฮวาที่กำลังจะเอื้อมมือเด็ดดอกไม้ป่าที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา ทำให้มือบางของหญิงสาวถึงกับชะงักไป
“เอ่อ ข้ายังไม่ได้จับนะเจ้าคะ”
คนร่างบางรีบละล่ำละลักบอกพร้อมกับเดินกลับไปช่วยท่านยายยกตะกร้าขึ้นมาแบกไว้เอง จิวซินที่ได้อยู่กับหญิงสาวไม่นานนักก็รู้ดีว่าอีกคนนั้นเป็นคนชอบเรียนรู้และช่างสังเกตมากแค่ไหนเลยตัดสินใจพาอีกคนเดินกลับไปที่ดอกไม้นั้นอีกครั้ง
“นี่น่ะ เป็นสมุนไพรไม่ใช่ดอกไม้อย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ”
“เอ๋ สมุนไพรงั้นหรือเจ้าคะ”
“ใช่ สมุนไพร”
จิวซินดึงดอกไม้ดอกนั้นขึ้นมาจากพื้น ปรากฏให้เห็นว่าที่รากของมันนั้นเป็นหัวคล้ายกับหัวผักกาดจิ๋วอย่างไรอย่างนั้น
“ตรงนี้มีฤทธิ์เป็นยาระบาย แต่ถ้าหากว่าใครกินมากเกินไปละก็จะแย่ได้เลยล่ะ เพราะฉะนั้นไม่กินจะดีที่สุด”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงักเมื่อเข้าใจสิ่งที่ท่านยายสอนตนแล้ว ก่อนที่ทั้งสองคนจะพากันเดินกลับบ้านไปด้วยกัน
ลานหน้าบ้านชายป่าเต็มไปด้วยสมุนไพรนานาชนิดที่ได้รับการตากแห้งมาแล้วจนได้ที่ วันนี้ท่านยายจิวซินจึงได้นำ
พวกมันออกมาห่อเพื่อที่เตรียมไว้จะเอาไปขายที่ตลาด
“ข้าไปด้วยไม่ได้หรือเจ้าคะท่านยาย ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียว”
เหยียนซิ่นฮวาเงยหน้าจากภาพวาดที่เธอใช้กิ่งไม้วาดลงบนพื้นดินจนเป็นภาพดอกไม้ที่ดูสวยงามมาก โอดครวญ
เสียงแผ่ว
เหยียนจิวซินวางห่อสมุนไพรห่อสุดท้ายลงในตะกร้าคู่กายก่อนจะหันหน้ามามองหญิงสาวที่กำลังส่งสายตาละห้อยให้กับตน แต่แล้วหญิงชราก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อได้เห็นภาพที่ซิ่นฮวาเป็นคนวาดบนพื้นดิน
“เจ้าวาดภาพเป็นด้วยหรือ”
“นี่เหรอเจ้าคะ อ๋อ ข้าชอบขีดเขียนมากเลยเจ้าค่ะ ข้าเขียนตัวหนังสือเป็นด้วยนะ ท่านยายดูนี่นะเจ้าคะ”
หญิงสาวยืดอกอย่างภูมิใจก่อนจะออกแรงบรรจงใช้กิ่งไม้ขีดเขียนชื่อตัวเองลงไปที่พื้นข้างภาพวาดนั้นทำเอาท่านยายจิวซินถึงกับอึ้งไปเลย
“งั้นเจ้าวาดภาพรอข้าอยู่ที่บ้านเถอะ คอยเดี๋ยวข้ามีอะไรจะให้เจ้าด้วยล่ะ”
หญิงชรารีบกุลีกุจอเข้าไปในห้องเก็บของยกเอาหีบไม้ขนาดย่อมใบหนึ่งออกมา ซึ่งที่มุมเล็ก ๆ นั้นก็มีรอยสลักตัวอักษรไว้ว่า “เยว่กวาง”
“เยว่กวาง แสงจันทร์งั้นหรือ”
หญิงสาวเดินเข้าไปดูหีบไม้นั้นด้วยความแปลกใจอดรำพึงอ่านตัวหนังสือที่เห็นตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูกทำไมเธอถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับคำนี้เหลือเกินนะ
หญิงชราจิวซินเปิดหีบไม้นั้นแล้วก็หยิบเอาอุปกรณ์วาดภาพที่มีอยู่ครบครันออกมาวางเรียงที่ชานบ้านเบื้องหน้าของทั้งสอง
“นี่เป็นอุปกรณ์วาดภาพของลูกสาวข้าเอง ถ้าเจ้าวาดภาพเป็นข้าก็อยากให้เจ้าใช้มันนะ”
“ทะ ท่านยาย จะดีหรือเจ้าคะ”
น้ำตาใสไหลออกมาคลอหน่วยที่ดวงตากลมโตของเหยียนซิ่นฮวาด้วยความซึ้งใจ รีบรับเอาอุปกรณ์พวกนั้นมาถือไว้
“ดีสิ จะร้องไห้ทำไมกัน เอาล่ะ ข้าต้องรีบไปแล้วฝากเจ้าดูบ้านด้วยนะซิ่นฮวา”
“เจ้าค่ะ ท่านยายไปดีมาดีนะเจ้าคะ”
เหยียนจิวซินแบกตะกร้าขึ้นบนหลังออกจากบ้านมาทิ้งให้เหยียนซิ่นฮวานั่งวาดภาพอยู่ที่ชานเรือนไว้เบื้องหลัง
