บท
ตั้งค่า

บทที่ 10

หากใครมาเห็นหญิงสาวแล้วก็คงจะคิดไปว่าตัวนางนั้นกำลังใช้หญิงสาวเป็นตัวแทนของลูกสาวที่จากไป แต่ใครเล่าจะรู้ดีเท่าตัวนางอีกล่ะว่า ทั้งสองคนนั้นนิสัยไม่เหมือนกันแม้แต่นิด

หญิงชราเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงคนร่างบางที่ตอนนี้ก็คงจะกำลังนั่งวาดภาพรอตัวเองอยู่ที่บ้านเหยียนซิ่นฮวานั้นสดใส แข็งแรง ช่างพูด เป็นเด็กฉลาด

แต่ลูกสาวของเธอนั้นเป็นเด็กขี้โรคคนหนึ่ง ร่างกายอ่อนแอ ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่นัก สนใจแต่การปักษ์ผ้าเท่านั้นอ่านหนังสือก็ไม่ออก ไม่เหมือนกันกับหญิงสาวที่เธอช่วยไว้เลยแม้แต่เรื่องเดียวเลยก็ว่าได้

วันนี้ที่ตลาดยังคึกคักเหมือนเช่นเคย เหยียนจิวซินเดินตรงไปนั่งในที่ของตัวเองซึ่งนางนั้นนั่งขายสมุนไพรอยู่เป็นประจำ หลังจากเอาสมุนไพรตากแห้งออกมาวางขายได้ไม่นานก็ขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว

หญิงชราที่กำลังเก็บของนึกถึงแป้งสาลีที่ใช้ทำหมั่นโถวใกล้จะหมดแล้ว ก็รีบเก็บของลงตะกร้าแล้วเดินไปซื้อที่ร้านประจำ

ระหว่างทางจะเดินออกตลาดหญิงชราจิวซินก็สังเกตเห็นว่าในตลาดนั้นมีจิตรกรพากันมานั่งขายภาพวาดอยู่ไม่น้อยก็นึกอะไรขึ้นมาได้รีบเดินตรงกลับบ้านไปทันที

ยามเซินมาถึงเหยียนซิ่นฮวาที่นั่งวาดภาพที่สี่เสร็จพอดีก็วางพู่กันในมือลง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่หญิงชราเหยียนจิวซินนั้นเดินเข้าประตูหน้าบ้านมาพอดี

“ท่านยายกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”

หญิงสาวรีบลุกไปช่วยปลดตะกร้าลงจากหลังของหญิงชราที่แม้จะค้อมลงบ้างแต่กลับดูแข็งแรงมาก ก่อนจะช่วยหยิบเอาถุงแป้งที่อยู่ในตะกร้าเข้าไปเก็บไว้ในครัว

เหยียนจิวซินกวาดตามองดูภาพวาดที่วางไว้ทั่วชานเรือนเพื่อตากหมึกให้แห้งด้วยความชื่นชมอย่างเปิดเผย

“เจ้าวาดภาพสวยมากเลยนะซิ่นฮวา”

“จริงหรือเจ้าคะ”

คนถูกชมยิ้มกว้างอย่างดีใจ มองภาพวาดของตัวเองด้วยความภูมิใจ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าเธอจะวาดภาพได้สวยขนาดนี้

“จริงสิ เจ้าวาดสวยกว่าพวกที่ขายที่ตลาดเสียอีกอยากลองเอาไปวางขายดูบ้างไหมล่ะ”

หญิงชราถามอีกฝ่ายขึ้นมาหลังจากที่เธอนั้นคิดมาตลอดทางที่เดินกลับบ้าน คิดพนันกับตัวเองไว้ว่าหากคนตรงหน้านางนี้วาดภาพได้สวยกว่าพวกที่ขายในตลาดตัวนางจะชวนให้อีกฝ่ายเอาภาพมาขายบ้าง

ในทางกลับกันถ้าหากว่าภาพที่นางวาดในวันนี้ไม่ต่างจากภาพที่ลูกสาวของนางเคยวาดเมื่อก่อน นางก็จะเก็บคำพูดพวกนี้ไว้แล้วก็จะตั้งใจถ่ายทอดวิชาสมุนไพรให้คนร่างบางเพื่อเป็นการเลี้ยงชีพแทน

แต่แล้วเมื่อได้เห็นภาพวาดที่วางอยู่ตรงนี้ทั้งสี่ภาพแล้วนั้นก็เป็นตัวยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าคนตรงหน้าของเธอนั้นมีฝีมือวาดภาพที่ใครยากจะเทียบได้

ณ เมืองตงกวน

ในโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ซึ่งบริเวณชั้นสองถูกจับจองทั้งชั้นโดยเยว่หมิงเซียน บุตรชายคนโตของสกุลเยว่เจ้าของกิจการ

แพรพรรณเจ้าใหญ่ที่สุดของฉางอาน

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจจากชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังนั่งตรวจบัญชีสินค้าที่โต๊ะกลางห้องได้เป็นอย่างดี

“เข้ามา”

หานอู่ คนสนิทของเยว่หมิงเซียนเดินเข้ามาหาผู้เป็นนายด้วยสีหน้านิ่งเรียบไม่ต่างกัน

“ทางนั้นเริ่มแล้วขอรับ”

“หึ กลับไปคราวนี้เห็นทีข้าจะต้องถอยออกมาแล้วจริง ๆ สินะ”

เยว่หมิงเซียนยกยิ้มมุมปาก พร้อมกับแค่นเสียงหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินสิ่งที่หานอู่รายงาน

“แล้วเอ่อ นายท่านล่ะขอรับ คุณชายจะบอกไหมขอรับ”

ดวงตาคมประกายวาววับเมื่อได้ยินลูกน้องคนสนิทของตนพูดถึงใครบางคนขึ้นมา ทำเอาเขาถึงกับอารมณ์ขุ่นมัว

หานอู่เห็นดังนั้นก็หน้าเปลี่ยนสี เขาไม่น่าพูดออกมาเลย

“เหอะ ช่างสิ เจ้าคิดรึไงว่าถ้าข้าพูดไปแล้วท่านพ่อจะเชื่อข้า ออกไปข้าจะพักแล้ว”

มือแกร่งสะบัดไล่หานอู่ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดอะไรให้เขานั้นอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ หานอู่ได้ยินนายไล่ตัวเองแล้วก็รีบขอตัวออกมาจากห้องนั้นทันที

“เฮ้อ หานอู่นะหานอู่ พูดไม่คิด”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel