บทที่ 7
เหยียนซิ่นฮวาที่ยืนอยู่ในความฝันตนเองร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ความรู้สึกผิด ความเศร้าหมองถาโถมเข้ามา
ในหัวใจดวงน้อยจนล้นทะลัก น้ำตาร้อนไหลพรากอาบสองแก้ม ส่งเสียงสอื้นไห้อยู่อย่างเดียวดาย
ร่างบางของเธอที่นอนหลับอยู่นั้นก็ส่งเสียงสะอื้นไห้ออกมาเป็นระยะ จนเหยียนจิวซินที่อยู่นอกห้องต้องรีบวิ่งเข้ามาดู พลางช่วยเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาให้ด้วยความเบามือ
ภาพทุกอย่างดำมืดลงอีกครั้ง ก่อนที่จะปรากฏเป็นภาพของชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนขอพรอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีผ้าหลากสีที่มีตัวอักษรเขียนคำขอพรมัดตามกิ่งก้านจนละลานตา
ทั้งสองคนสวมใส่ชุดฮั่นฝูแบบโบราณดูสวยงามมากเหยียนซิ่นฮวายืนมองภาพนั้นอยู่ไม่ไกลนัก แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาเห็นภาพนี้แต่เธอก็ยืนยังคงยืนมองต่อไป
สายลมแผ่วเบาพัดเอากระดิ่งทองเหลืองที่ห้อยตามขอบชายคาของอาคารที่อยู่ไม่ไกลนั้นส่งเสียงกรุ้งกริ้งแสนไพเราะ และผ้าหลากสีเหล่านั้นพัดไป ช่วยให้คนที่เมื่อครู่จิตใจหมองเศร้ารู้สึกสงบขึ้นมาได้เป็นอย่างมาก
สองคนนั้นเดินผละออกจากต้นไม้ใหญ่หมุนกายหันมาทางเหยียนซิ่นฮวาที่กำลังยืนมองอยู่ หญิงสาวถึงกับตกใจเมื่อเห็นว่าหญิงสาวในชุดฮั่นฝูตรงหน้านั้นมีใบหน้าเหมือนกับเธอไม่มีผิดราวกับว่าคือเธออย่างไรอย่างนั้น
“ท่านพี่ขอพรว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ”
หญิงสาวคนนั้นหันไปถามคนร่างสูงที่อยู่ข้างกายด้วยรอยยิ้ม จากมุมนี้เหยียนซิ่นฮวาเห็นใบหน้าของชายหนุ่มไม่ชัดเจนนักจึงได้แต่เงี่ยหูฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ข้าขอให้พวกเรามีความสุขเท่านั้น ซิ่นฮวา”
สิ้นเสียงทุ้มของชายคนนั้น เหยียนซิ่นฮวาก็รู้สึกราวกับตัวเองถูกดูดเข้าไปในมิติบางอย่างอีกครั้ง ทุกอย่างอัดแน่นจนเธอหายใจไม่ออกเหมือนกับตอนที่มีแสงสว่างออกจากกระจกส่องเธอเมื่อตอนที่อยู่ห้องชมรม
ร่างบางหลับตาแน่น พยายามกลั้นใจอดทนกับความอึดอัดเหล่านี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะคลี่คลายลงรู้สึกราวกับว่าตัวเธอนั้นกำลังลอยคว้างอยู่บนก้อนเมฆอันนุ่มฟู
เหยียนซิ่นฮวาพยายามลืมตาตื่นแต่เปลือกตาก็หนักอึ้งเสียจนเธอสู้ไม่ไหวได้แต่ปล่อยเลยตามเลย เมื่อสติเริ่มหลุดลอยเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งก็มีเสียงทรงพลังของใครบางคนลอยเข้ามาในห้วงสติ
“เจ้า ไม่มีตัวตนบนโลกใบนั้นอีกแล้ว ต่อจากนี้เจ้าจงใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ให้มีความสุข ใช้ชีวิตใหม่ของเจ้ารับความรักที่เจ้าไม่เคยได้รับตามคำสัญญาแห่งโชคชะตาซะ”
ฉับพลันนั้นเหยียนซิ่นฮวาก็รู้สึกได้ว่าตัวของเธอนั้นเบาหวิวหัวสมองขาวโพลนความคิดต่าง ๆ ค่อยจางหายไป กลายเป็นคนใหม่ความทรงจำใหม่ตามที่โชคชะตากำหนดเท่านั้น!
“แม่หนู แม่หนูตื่นเถิด”
บ่ายแก่ ๆ เหยียนจิวซินก็เดินเข้ามาในห้องอีกครั้งเพื่อปลุกอีกฝ่ายหลังจากที่ปล่อยให้หญิงสาวได้นอนพักหลังจากกินยาต้มไป
เหยียนซิ่นฮวาที่ถูกปลุกออกจากห้วงนิทรา ค่อย ๆ ขยับเปลือกตาที่มีขนตางอนหนาเป็นแพอย่างแผ่วเบา ก่อนที่สายตาจะจับจุดเห็นใบหน้าของหญิงชราที่นั่งอยู่ข้างกายกำลังส่งยิ้มจางมาให้ตน
“ขอบคุณท่านยายที่ช่วยดูแลข้า”
คำพูดที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากบางทำเอาเจ้าตัวถึงกับรู้สึกแปลกใจในตัวเองขึ้นมา เพราะตัวเธอนั้นรู้สึกราวกับว่าไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้งแต่คนร่างบางก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
แท้จริงแล้วแม้โชคชะตาจะลบความทรงจำเดิมของหญิงสาวจากโลกที่เธอจากมาไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีเศษเสี้ยวความรู้สึกและความทรงจำบางอย่างหลงเหลืออยู่บ้างเท่านั้น
“ไม่เป็นไร ๆ ข้าเห็นเจ้านอนนานแล้วเลยกลัวว่าคืนนี้เจ้าจะนอนไม่หลับเลยเข้ามาปลุกน่ะ”
หญิงชรายื่นเสื้อผ้าชุดฮั่นฝูสีครีม เนื้อผ้าหอมฟุ้ง ให้กับคนที่นั่งอยู่บนเตียง
