บทที่ 3
เหยียนซิ่นฮวาหยิบกระดาษที่เขียนเนื้อเพลงด้วยพู่กันและกระจกบานเล็กนั้นติดมือออกมา เดินตรงไปยังกู่เจิงเครื่องดนตรีโบราณที่เธอมักจะฝึกเล่นเป็นประจำ
หญิงสาวคิดไปเองว่าสองสิ่งนี้เป็นของขวัญวันเกิดที่เพื่อนสนิทเตรียมไว้ให้ โดยเธอนั้นลืมนึกไปเสียสนิทว่าเพื่อนสนิทของตนไม่ได้มีกุญแจล็อคเกอร์ของตัวเองแต่อย่างใด
ร่างบางเดินมายอบกายลงนั่งที่ด้านหน้ากู่เจิง วางกระจกเล็ก ๆ ไว้ที่ด้านข้างลำตัว และวางโน๊ตเพลงไว้ที่แท่นวางด้านหน้า ก่อนจะเริ่มปรับสายปรับโน๊ตของเครื่องดนตรีตรงหน้าตน
อย่างคล่องแคล่ว
“ไหนดูสิ เพลงนี้จะไพเราะสักแค่ไหนกัน”
เสียงหวานรำพึงออกจากปากบางเสียงแผ่วเบาสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะค่อย ๆ จรดมือบางเริ่มบรรเลงเพลงตามโน๊ตเพลงที่วางอยู่เบื้องหน้าของตน
เสียงดนตรีแว่วหวานลอยออกมาจากห้องชมรมดนตรีพื้นบ้านไปตามสายลมที่พัดเอาใบไม้ร่วงหล่นกันระนาว เหยียนซิ่นฮวาได้ฟังก็ยกยิ้มมุมปากพึงพอใจกับเสียงเพลงที่ตนบรรเลง
ในขณะที่ดวงตากลมโตจับจ้องที่โน๊ตเพลงมือบางก็ขยับดีดสายกู่เจิงไม่หยุด ก่อนที่เธอนั้นจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ด้านข้างตนเอง
กระจกในกรอบไม้บานเล็กสะท้อนแสงบางอย่างเข้าตาของเหยียนซิ่นฮวาที่ยังคงนั่งบรรเลงเพลงเป็นระยะ หญิงสาวจึงต้องละสายตาจากกระดาษโน๊ตเพลงหันมาสนใจกระจกบานนั้น
แสงสว่างจ้าส่องออกมาเพิ่มขนาดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นแบบนั้นหญิงสาวก็ตกใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เจอ พอเธอคิดจะหยุดมือที่บรรเลงเพลงก็กลับทำไม่ได้อย่างใจคิด
เหยียนซิ่นฮวาตกใจมาก หัวใจเต้นระรัวกับสิ่งที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน ตอนนี้เธอควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้แม้แต่น้อย
เสียงเพลงจากกู่เจิงที่มือบางกำลังบรรจงดีด ยังคงดังก้องกังวานไปทั่วห้องชมรม ในขณะที่แสงจ้านั้นก็ทอแสงเข้มขึ้นเรื่อย ๆ จนดูดกลืนเอาร่างของหญิงสาวที่ตอนนี้สติสัมปัชชัญญะได้หายไปจนสิ้นเข้าไปในแสงสว่างนั้น
ห้องชมรมดนตรีพื้นบ้านเงียบงันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ข้าวของต่าง ๆ ที่บ่งบอกถึงตัวตนของเหยียนซิ่นฮวานั้นค่อย ๆ เลือนหายไปทีละชิ้นสองชิ้น
เริ่มตั้งแต่กระดาษโน๊ตเพลงแผ่นนั้น กระจกไม้บานเล็กกระเป้าผ้าคู่ใจในล็อคเกอร์ ภาพถ่ายที่บอร์ดสมาชิกชมรม ของใช้ที่อยู่ในหอพัก และแม้แต่ความทรงจำของทุกคนที่รู้จักกับหญิงสาวก็ค่อย ๆ เลือนหายไปจนหมดสิ้นราวกับว่าเหยียนซิ่นฮวานั้นไม่เคยมีตัวตนบนโลกใบนี้มาก่อน!
