บทที่ 11
เหยียนซิ่นฮวาตัดสินใจลองเอาภาพวาดของตัวเองมาวางขายที่ตลาด ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
สร้างรายได้ให้หญิงสาวเป็นกอบเป็นกำ โดยเธอนั้นเลือกใช้นามแฝงในการวาดภาพว่า กรุ่นกลิ่นบุปผา
นอกจากจะวาดภาพมาวางขายแล้ว สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านในเมืองสนใจไม่น้อยนั่นก็คือ การวาดภาพเหมือนที่รอรับได้เลย ทำให้เจ้าของชื่อ กรุ่นกลิ่นบุปผานั้นยิ่งเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ท่านยาย ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
เหยียนซิ่นฮวาพูดเสียงดังเมื่อเดินเข้าไปในประตูบ้านชายป่า ภาพที่เห็นดังเช่นทุกวันก็คือหญิงชรากำลังเก็บสมุนไพรที่ตากไว้หน้าลานบ้าน
“เหนื่อยไหม เอานี่ น้ำเก๊กฮวย”
หญิงชราจิวซินยื่นถ้วยใส่น้ำเก๊กฮวยที่ตนต้มเองให้กับคนที่ตอนนี้เปรียบเสมือนลูกสาวไปแล้วได้ดื่มดับกระหาย
“ท่านยาย นี่เป็นเงินที่ข้าขายภาพวาดได้ ท่านยายเก็บไว้ใช้นะเจ้าคะ อย่าปฏิเสธข้าเลยนะ ข้ามาอยู่กับท่านก็ต้องเลี้ยงท่านน่ะถูกแล้ว”
มือบางล้วงเอาถุงเงินที่ตนแบ่งไว้จากเงินที่ขายได้ครึ่งหนึ่งให้อีกคน พร้อมกับยัดใส่มือเหี่ยวย่นคู่นั้น ปากก็พร่ำพูดออกมายาวเหยียดดักทางอีกคนที่ชอบปฏิเสธตัวเอง
“รู้แล้วน่า ข้ายังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”
เหยียนจิวซินค้อนให้คนช่างพูด ก่อนจะเดินเอาถุงเงินเข้าไปเก็บไว้ในบ้านทิ้งให้เหยียนซิ่นฮวานั่งอมยิ้มอยู่ตามลำพัง
สามวันต่อมาเหยียนซิ่นฮวาที่วันนี้ไม่ได้มาขายภาพวาดที่ตลาดแต่อย่างใด หญิงสาวออกมาจากบ้านพร้อมกับท่านยายที่มาขายสมุนไพร ส่วนตัวเองนั้นเดินแยกมาเพื่อซื้อกระดาษสำหรับวาดภาพที่พึ่งหมดไป
ร่างบางในชุดฮั่นฝูสีชมพูอ่อน มีผ้าบาง ๆ สีเดียวกันคาดปิดบังความงามของใบหน้าครึ่งล่างเอาไว้ โผล่พ้นมาเพียงดวงตากลมโตคู่สวยสีน้ำตาลอ่อน บนบ่าสะพายกระบอกไม้ใส่กระดาษเอาไว้ เดินไปตามทางหลังจากที่ไปซื้อกระดาษกลับมา
คนตัวบางเดินฮัมเพลงไปตามทางอย่างอารมณ์ดี ดวงตาก็กวาดมองไปทั่วอย่างสนใจ จนกระทั่งสบตาเข้ากับดวงตาเล็ก ๆ คู่หนึ่งของแมวน้อยตัวสีขาวที่กำลังนอนอยู่บนกำแพงของวัด
เธอกระหยิ่มยิ้มก้าวเดินเข้าไปหาแมวตัวนั้นด้วยรอยยิ้ม แมวตัวนั้นส่งเสียงร้องออกมาราวกับอยากทักทายอีกฝ่าย
“เจ้าแมวน้อย มานอนทำอะไรอยู่ตรงนี้ตัวเดียวรึ”
เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว
ใบหน้าเล็กของแมวตัวนั้นคลอเคลียที่ฝ่ามือบางของเหยียนซิ่วฮวาไปมาไม่หยุด เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากหญิงสาวได้เป็นอย่างดี
“หิวหรืออ่ะ งั้นลองกินนี่ดูหน่อยดีไหม”
หญิงสาวล้วงเอาแผ่นแป้งที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อออกมาบิดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำสำหรับแมวตัวนั้น ก่อนจะเอาใส่ฝ่ามือบางของตัวเองยื่นให้มันไป
แมวน้อยตัวนั้นกินแผ่นแป้งอย่างหิวโหย ทำเอาคนตัวบางบิดแผ่นแป้งให้เกือบไม่ทัน แมวน้อยตัวนั้นร้องคลอเคลียอ้อนขอกินแผ่นแป้งของหญิงสาวจนหมด
มือบางอุ้มแมวน้อยขึ้นมาวางไว้บนกำแพงที่เดิมอย่างปลงตกพูดออกมาด้วยเสียงที่ไม่เบานัก
“หมดแล้วล่ะ เฮ้อ ตอนนี้ข้ายังไม่รวยเอาเจ้าไปอยู่ด้วยไม่ได้หรอกนะ เอาอย่างนี้ก็แล้วนะเจ้าแมวน้อย ถ้าข้านักวาดภาพกรุ่นกลิ่นบุปผาคนนี้ โด่งดังขึ้นมาแล้วกลับมาเจอเจ้าที่นี่อีกครั้งข้าจะพาเจ้ากลับไปอยู่ด้วยนะ ตกลงมั้ย ข้าไปก่อนล่ะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะเจ้าแมวน้อย”
เมี้ยว
เหยียนซิ่นฮวาบอกลาแมวน้อย โดยนที่แมวน้อยตัวนั้นก็ร้องออกมาราวกับว่าจะตอบรับ หญิงสาวโบกมือให้มันเบา ๆ ก่อนจะเดินแยกออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าป่านนี้ท่านยายคงจะรอตัวเองนานแล้ว
โดยที่เธอนั้นไม่รู้ตัวสักนิดเลยว่าที่อีกด้านหนึ่งมีชายหนุ่มร่างสูงสองคนได้ยินสิ่งที่เธอพูดกับแมวน้อยจนหมดสิ้น
“กรุ่นกลิ่นบุปผางั้นรึ หึ น่าสนใจดีนี่”
เยว่หมิงเซียนพูดขึ้นมาพร้อมกับยกยิ้ม ก่อนจะหุบยิ้มนั้นลงเมื่อเห็นสายตาของลูกน้องที่กำลังมองตนอยู่
