ญานิน 4
หลายวันผ่านไป ในเวลานี้ญานินได้เก็บกระเป๋าเข้ามาอยู่บ้านปรเมศ หล่อนดีใจเสียจนเนื้อเต้น ถึงแม้ต้องนอนห้องรับแขก แต่อย่างน้อยก็ได้อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันกับเขา
“เดี๋ยวผมจะให้คนจัดการเรื่องบ้านพักให้เร็วที่สุดนะครับ”
“ขอบคุณอาจารย์ปรเมศมาก ๆ เลยนะคะ ที่อุตส่าห์มีน้ำใจให้ญามาพักที่นี่ไปพลางก่อน” ความจริงแล้วหล่อนอยากอยู่ที่นี่ตลอดไปด้วยซ้ำ
“ป้าพิกุลช่วยพาอาจารย์ญานินไปดูห้องด้วยนะครับ
“ได้ค่ะ เชิญทางนี้ค่ะอาจารย์”
ญานินดินตามป้าพิกุลออกไป พลางหันมาส่งยิ้มให้กับเจ้าของบ้าน ซึ่งหล่อนไม่ได้สนใจว่าเขาจะแต่งงานไปแล้วหรือไม่แต่อย่างใด
“บอสไม่คิดจะไปรับคุณผู้หญิงกลับบ้านเหรอครับ”
“หึ! ป่านนี้ไอ้หมอนั่นคงกำลังนั่งเอาอกเอาใจเธอ เผลอ ๆ คงมาส่งกันถึงบ้าน ทำไมฉันต้องไปรับเธอ” คำพูดคำจากับสีหน้าช่างสวนทางกัน จนนทีจับพิรุธได้
“ผมว่าบอสควรแยกแยะ ระหว่างคุณผู้หญิงกับพี่สาวของเธอ คุณเขมมิกาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของคุณท่านเลยสักนิด”
“หุบปาก!นายเป็นคนของฉันหรือเปล่านที แม่ของฉันเลี้ยงนายมาไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงเข้าข้างฆาตรกรพวกนั้น” คราวนี้ดวงตาของปรเมศได้ฉายแววอาฆาตออกมา เขาไม่มีวันอภัยให้ครอบครัวของเขมมิกาเด็ดขาด
“โอเคผมจะไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่ถึงยังไงคุณเขมมิกาเธอก็ไม่ผิด ผมขอตัวนะครับ” นทีถึงกับส่ายหน้าเอือม ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะปรเมศเป็นคนหัวดื้อ เผด็จการราวกับบิดาของเขา
/////
เมื่อเดินทางมาถึงบ้าน เขมมิกากลับไม่ยอมลงจากรถ เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ราวกับอยากเก็บทุกอย่างไว้ในความทรงจำ
“ไม่ไหวก็อย่าฝืน เดี๋ยวฉันเข้าไปส่งแกเอง” เนเน่รู้สึกขัดใจกับท่าทีของเพื่อนรัก มองแว้บเดียวก็ดูออก เขมมิกากำลังเจ็บปวดทุกห้วงเวลาที่อยู่บ้านหลังนี้
“ขอบใจมากนะเนเน่ ไม่เป็นไรหรอกเขมเข้าไปเองได้”
“แต่สีหน้าแกไม่สู้ดีเลยนะเขม”
“เขมก็แค่ไม่อยากเจอหน้าเขา”
“แค่ไม่อยากเจอหน้าเขาจะไปยากอะไร ในเมื่อคุณปรเมศเห็นแกเป็นแค่อากาศ แกก็ทำเป็นเมินคิดว่าเขาไม่มีตัวตนในบ้านหลังนี้ก็สิ้นเรื่อง”
“ถ้าเขมยังฝืนทนอยู่ที่นี่ อากาศในบ้านเต็มไปด้วยมลพิษ คงทำให้เขมตายลงในไม่ช้า เขมจะหย่าแล้วรีบออกจากบ้านนี้ให้เร็วที่สุด ขอบใจมากนะเนเน่ ไม่ต้องห่วงหรอกเขมไม่เป็นไร”
“ดูแลตัวเองด้วย อย่าลืมนะว่าแกไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว”
“อืม...” เขมมิกาหันมาส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับเนเน่ ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในบ้าน ราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ
“คุณผู้หญิงกลับมาแล้ว” ป้าพิกุลรีบเดินเข้ามาพยุงเขมมิกาเอาไว้ ซึ่งปรเมศได้นั่งอยู่ตรงห้องนั่งเล่น แต่กลับทำเป็นเมินไม่สนใจภรรยาแม้แต่น้อย เขาหันไปพูดกับญานินราวกับเขมมิกาไม่ได้อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
“เขมดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ยังรู้สึกเพลีย ๆ อยู่บ้าง เขมขอตัวขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวป้าจะให้เด็กยกข้าวต้มร้อน ๆ ขึ้นไปให้ทานนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะป้า เขมกินมาจากข้างนอกแล้วค่ะ”
“อาหารนอกบ้านคงถูกปากมากเลยสินะ! อ้อ!ผมลืมไป... กินกับชู้มันคงซู่ซ่าน่าดู ว่าไหม... เขมมิกา” ปรเมศเริ่มเปิดศึกทั้งที่หญิงสาวไม่อยากสนทนากับเขา เธอปรายหางตามองไปยังคู่สนทนาของเขาด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะถึงยังไงชีวิตคู่ของเธอกับปรเมศก็ต้องยุติลงในไม่ช้า เขาจะพาผู้หญิงคนไหนเข้าบ้านมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธออยู่แล้ว
“ขอตัวนะคะป้า” เขมมิกาทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่ปรเมศพยายามยั่วโมโหเธอ เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่มีวันเข้าใจ ในความรู้สึกที่เธอกำลังเผชิญ
