บทที่ 2 100%
ริรินที่กลับมาจากทำธุระข้างนอกได้ยินเสียงลูกสาวสุดรักร้องไห้ ทำให้หัวใจของผู้เป็นแม่เจ็บขึ้นมาทันที เธอรีบเดินเข้าไปหาหนูนิ่มที่กำลังซบอกผู้เป็นย่าอยู่
“หนูนิ่ม!!! หนูร้องทำไมลูก ใครทำหนูบอกมามี้มาสิคะใครทำหนู...”
เธอถามลูกสาวสุดรักขึ้น ดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำตาเมื่อได้เห็นน้ำตาของลูกสาว หัวใจของผู้เป็นแม่แทบจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ
“มามี้ขา ฮือออ หนูนิ่มเสียใจ ทำไม....ป๊ะป๋าไม่รักหนูนิ่มล่ะคะ?...”
เด็กสาวโผเข้ากอดผู้เป็นมารดาทันที่พร้อมกับร้องไห้สะอื้นออกมาอย่างหนัก
“ป๊ะป๋ารักหนูนิ่มมากเลยรู้ไหมค่ะ... แต่ที่ป๊ะป๋าเสียงดังเพราะว่าป๊ะป๋าเหนื่อยยังไงล่ะค่ะ”
คำพูดของลูกสาวทำให้เธอถึงกับนิ่งขึ้นมาทันที ก่อนที่จะพูดโกหกปลอบลูกสาวของเธอ
“จริงๆนะคะมามี้ ป๊ะป๋ารักหนูนิ่มใช่ไหมคะ?...”
หนูนิ่มเงยหน้ามองผู้เป็นแม่ ดวงตากลมโตใสซื่อจ้องมองผู้เป็นมารดาอย่างรอคำตอบ
“ใช่ค่ะ ป๊ะป๋ารักหนูนิ่มมากเลย รักเหมือนที่มามี้รักหนูยังไงล่ะลูก”
เธอกลั้นใจพูดออกมา ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องโกหก แต่เพื่อทำให้ลูกสาวของเธอดีใจ มีความสุข เธอก็ยอมเป็นแม่ที่ไม่ดี ที่ต้องมาโกหกว่าคนเป็นบิดานั้นรักตนมากแค่ไหน
“ป๊ะป๋ารักหนูนิ่ม..แล้วทำไม ป๊ะป๋าต้องฉีกภาพของหนูนิ่มด้วย หนูนิ่มตั้งใจวาดมาให้ป๊ะป๋าดู ฮือออ หนูนิ่มเสียใจมามี้
….”
หนูนิ่มยืนเศษกระดาษที่ถูกฉีกเป็นแผ่นๆให้มามี้เธอดู
“ไม่ร้องนะคะคนเก่งของมามี้ เดี่ยวมามี้ต่อกลับให้ใหม่นะคะ มามี้อยากเห็นฝีมือวาดภาพของหนูนิ่มว่าสวยหรือเปล่า หนูนิ่มวาดรูปอะไรคะ”
เธอพูดเบี่ยงเบนความสนใจหนูนิ่มเพื่อไม่ให้คิดถึงเรื่องราจีฟ
“วาดรูปครอบครัวค่ะ มีมามี้ ป๊ะป๋า หนูนิ่ม คุณย่า คุณตา คุณยาย และก็คุณลุงราฟ หนูนิ่มอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่...ป๊ะป๋าไม่เคยกอดหนูนิ่มเลย ไม่เคยพาหนูนิ่มเข้านอน หนูนิ่มอยากกอดป๊ะป๋า อยากให้ป๊ะป๋าพาหนูนิ่มไปเที่ยวเหมือนเพื่อนคนอื่นบ้าง ฮือออ”หนูนิ่มร้องไห้ขึ้น เธออยากให้ป๊ะป๋ากอดเธอบ้าง ไปส่งเธอเหมือนเพื่อนๆที่โรงเรียน
“ใครบอกว่าป๊ะป๋าไม่เคยกอดหนูนิ่ม ป๊ะป๋าเข้าไปกอดตอนนี้หนูนิ่มนอนหลับแล้วต่างหากล่ะ หนูนิ่มต้องเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน อย่าทำให้ป๊ะป๋าผิดหวังรู้ไหมคะ ถ้าหนูนิ่มเป็นเด็กดี ป๊ะป๋าอาจจะพาหนูนิ่มไปเที่ยวก็ได้นะคะ
”เธอพยายามพูดโน้มน้าวใจหนูนิ่มไม่ให้คิดถึงราจีฟ หนูนิ่มนั้นนั่งเฝ้ารอราจีฟทุกวัน เวลาไปโรงเรียนก็คอยมองหาราจีฟ เพื่อว่าราจีฟจะไปส่ง เธอเห็นสายตาของหนูนิ่มที่มองครอบครัวของเพื่อนๆที่มีพ่อแม่มาส่งที่โรงเรียน สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเศร้าความเสียใจ เธอไม่รู้จะทำยังไงดี แค่ให้ราจีฟหันมาสนใจหนูนิ่มสักนิดเขายังไม่ทำเลย นับประสาอะไรที่จะให้ไปส่งหนูนิ่มที่โรงเรียนอย่าหวังว่าเขาจะทำ
“จริงๆนะคะมามี้ งั้นหนูนิ่มจะเป็นเด็กดี ไม่ไปกวนใจป๊ะป๋าอีก ป๊ะป๋าจะได้รักหนูนิ่มมากๆเหมือนที่หนูนิ่มรักป๊ะป๋า”
หนูนิ่มเชื่อในสิ่งที่มามี้พูด ถ้าเธอเป็นเด็กดีป๊ะป๋าต้องพาเธอไปเที่ยวแน่ๆ
“ดีค่ะคนเก่งของมามี้ งั้นมามี้จะเอารูปที่หนูวาดไปติดสก๊อตเทปแล้วเอาไปใส่กรอบไว้ที่ห้องนอนของเรานะ ตอนนี้ถึงเวลาของว่างแล้วหนูนิ่มไปทานของว่างนะคะ”
ริรินเรียกสาวใช้พาหนูนิ่มไปทานของว่าง
“ค่ามามี้ จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ”
หนูนิ่มจุ๊บลงที่แก้มมามี้แล้ววิ่งไปทานของว่างกับสาวใช้
“รินหนูไปพักก่อนเถอะลูก แม่เสียใจที่ราจีฟทำแบบนี้กับหนูนิ่มไม่รู้ผีห่าซาตานที่ไหนเข้าสิงถึงได้ทำแบบนี้กับลูกสาวด้วยเอง”
คุณหญิงพิมพ์มาดาพูดขึ้นอย่างเอือมระอา เธอเลิกสนใจราจีฟตั้งแต่ที่วันที่สั่งให้ริรินไปทำแท้ง เธอผิดหวังในตัวราจีฟที่สุด เพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว ผู้หญิงที่แสนร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ที่ทำให้ริรินต้องมารับกรรมในสิ่งที่ตนเองไม่ก่อ เธอรู้เรื่องระหว่างริรินกับปานดาวว่าเกิดอะไรขึ้น ว่าทำไมปานดาวถึงได้เกลียดริริน มันเป็นเหตุผลที่บ้าบองี่ง่าที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา
“อย่าไปสนใจเลยค่ะคุณแม่ รินเจ็บจนชินแล้วค่ะ หัวใจของรินมาเจ็บจนชาไปหมดแล้วกับการกระทำและคำพูดของราจีฟ รินผิดเองค่ะที่ไม่รู้จักป้องกันทำให้ต้องมีหนูนิ่ม รินไม่ได้ตั้งใจจะทำลายชีวิตของเขาเลยนะคะ ถ้าตอนนั้นรินมีทางออกมีที่ไป รินคงไม่แบกหน้าไปหาเขาแน่นอนคะคุณแม่
”เธอพูดขึ้นพร้อมทั้งน้ำตา ถ้าไม่ใช่เพราะวันนั้น วันที่เขาเข้าใจเธอผิดและข่มเหงรังแกเธอ เธอก็ไม่ต้องมาทนเจ็บจนทุกวันนี้ เจ็บกับการกระทำที่ไร้หัวใจของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี เธอเป็นได้แค่เมียตีทะเบียนเท่านั้น ขนานลูกสาวของเธอกับเขา เขายังไม่มาสนใจไยดีอะไรเลย ทุกวันนี้ที่เธอต้องมาอดทนไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อลูกสาวของเธอเท่านั้น“
โถ่!!...รินของแม่ ฟังแม่นะต้องให้ราจีฟมันไม่สนใจเราสองคนแม่ลูก แต่อย่าลืมนะว่าแม่กับราฟยังรักเราสองคนแม่ลูก เห็นไหมตั้งแต่หนูนิ่มเกิดมาที่บ้านของเราก็มีสีสันมากขึ้น มีเสียงหัวเราะกลับมา รินต้องทนเมื่อลูกสาวของเรานะ ถ้าทนไม่ไหวให้รีบบอกแม่ทันที แม่จะพาเราไปอยู่ต่างประเทศทันที”
“ค่ะคุณแม่ รินขอบคุณคุณแม่มากนะคะที่สงสารเราสองคนแม่ลูก”
