ตอนนที่18 ต้นสายปลายเหตุ
รัมภาภัสร์ก้าวไว ๆ มายังห้องทำงานก่อนที่จะต้องเลิกคิ้วสูงเมื่อบุคคลแปลกหน้าคนนึงนั่งจิบกาแฟอยู่ในห้องทำงาน เขาเป็นชายหนุ่มชาวต่างชาติวัยประมาณ35ปี สูงเกือบจะเท่ากับปฐวีแต่งกายสุภาพ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไม่มีแม้แต่ตอหนวดผิดกับคนที่เดินตามหลังเธอมาที่เริ่มจะมีไรหนวด ใบหน้าแม้จะแปลกตาแต่ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าคล้ายใครสักคน
“อรุณสวัสดิ์ค่ะน้องรุ้ง” ทิวาเป็นคนแรกที่ทักมาทำให้หญิงสาวต้องทักทายตอบ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะทุกคน”
“สวัสดีตอนเช้าครับ” คนตามมาด้านหลังส่งเสียงทักพร้อมกับก้าวเข้ามาในห้องก่อนจะปลายตาไปมองร่างสูงที่นั่งอยู่ด้วยความตกใจ “เดนนิส”
“มิสเตอร์ราชนาวี” อีกฝ่ายส่งเสียงกลับมาด้วยภาษาไทยสำเนียงเปล่ง ๆ
“คุณมาทำอะไรที่นี่?”
“เอ่อ คือคุณเดนนิสเป็นลูกค้าคนใหม่ของเราค่ะ คุณเดนนิสต้องการจะรีโนเวทบ้านแล้วก็รีสอร์ทที่พัทยาน่ะค่ะ แล้วบอสก็ส่งงานนี้ให้ทีมของเรา เมื่อครู่นี้เองค่ะ” ชายหนุ่มผู้ชื่อเดนนิสไม่-ตอบแต่ทิวาเป็นผู้ตอบ ทุกคนเกิดความสงสัยขึ้นทันทีว่าสามีของรัมภาภัสร์ไปรู้จักมหาเศรษฐีเจ้าของรีสอร์ทแถบพัทยาอย่างเดนนิส ไบลาตินได้อย่างไร
“งั้นที่ผมสืบมาก็จริงสินะ หัวหน้าทีมที่ชื่อรติภัทรเป็นเพื่อนสนิทและพี่สาวภรรยาของคุณ” ในที่สุดเดนนิสก็พูดขึ้นก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนไปยังร่างบาง “คุณคงเป็นมิสรติภัทร ยินดีที่ได้รู้จัก”
ชายหนุ่มลุกมายืนตรงหน้ารัมภาภัสร์พร้อมกับยื่นมือออกมาหมายจะทักทายตามธรรมเนียมสากลแต่ราชนาวีกลับเป็นฝ่ายทักทายตอบโดยไม่ปล่อยให้มือหนาได้แตะถูกนิ้วเล็ก ๆ
“ขอโทษทีเดนนิส นี่ไม่ใช่มิสรติภัทร นี่คือรัมภาภัสร์ ภรรยาผมเอง”
“โอ๊ว นี่ผมเข้าใจผิดเหรอ ขอโทษที” หนุ่มชาวต่างชาติเอ่ยขอโทษขอโพยแต่สายตานั้นยังคงจับไปที่วงหน้าหวานปนดื้อรั้นของรัมภาภัสร์ “คุณสวยมาก มิน่าล่ะ เขาถึงปล่อยพิมมี่ไปโดยไม่อาลัยอาวรณ์”
“คุณรู้จักพีรมา?”
“รู้สิ ผมเดนนิส ไบลาติน เป็นพี่ชายของแดนนี่” เดนนิสแนะนำตัวเองแต่ไม่ได้ยื่นมือไปทักทายด้วยว่าราชนาวียืนขวางอยู่ด้วยสายตาดุ
“พี่ชายของคุณแดนนี่ สามีเก่าของคุณพิมมี่?”
“เฮ้ คุณรู้ด้วยว่าพวกเขาเลิกกันแล้ว ให้ผมทายสิ สามีคุณยังไม่รู้ด้วยซ้ำ”
“ฉันว่าคุณเดาผิดแล้ว พวกเขาติดต่อกันอยู่เสมอ จะไม่รู้ได้ยังไง” รัมภาภัสร์ตอบกลับก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน
“ผมว่าไม่อะ อย่างน้อยก็ตั้งแต่ที่พ่อเจ้าหล่อนพาเรื่องยุ่ง ๆ มาให้เขาก่อนที่เจ้าหล่อนจะหย่า” เดนนิสยังคงยืนยันส่วนราชนาวีนั้นรู้สึกมึนงง รัมภาภัสร์ไปเอาความมั่นใจจากไหนมาพูดว่าเขาติดต่อกับพีรมาอยู่เสมอ
“ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพวกเขาสองคน” เธอบอกราวกับไม่ใส่ใจก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่อง “เอาล่ะ มาถึงเรื่องงานของคุณดีกว่าค่ะ คุณต้องการจะคุยกับหัวหน้าทีมของเราก่อน หรือว่าบอสได้จัดแจงงานให้พวกเราแล้ว”
“บอสจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ เรื่องรีสอร์ทที่พัทยาบอกให้พี่ทิวากับลูกปลาจัดการ ส่วนบ้านของคุณเดนนิสที่จะรีโนเวทอยู่กรุงเทพฯ บอสให้น้องรุ้งจัดการค่ะ” ลูกปลาชี้แจง
“ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องเข้าไปดูหน้างานจริง คุณเดนนิสสะดวกวันไหนคะ?”
“ถ้าเป็นวันนี้ทางคุณจะมีปัญหาไหมล่ะ?”
“ไม่มีค่ะ” หญิงสาวตอบโดยไม่สนใจราชนาวีที่ส่ายหน้าหัวแทบหลุด
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปกันเลย” เดนนิสบอกก่อนที่จะแกล้งหันไปชวนราชนาวี ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว “ไปด้วยกันไหม?”
“คุณนี่มัน” นายทหารหนุ่มบ่นให้แล้วก็เดินตามทั้งคู่ไป และเมื่อขึ้นมานั่งบนรถคู่กับรัมภาภัสร์ชายหนุ่มก็เปิดฉากสนทนาทันที
“ทำไมพูดกับเดนนิสว่าผมติดต่อกับพีรมา ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน”
“ฉันเป็นคนชอบพูดตรง ๆ แต่ฉันพูดตรงแล้วคุณจะเชื่อไหม อันนั้นก็เรื่องของคุณ ในเมื่อคุณถามมาฉันก็กล้าตอบ ทำไมฉันมั่นใจน่ะเหรอ ก็เพราะแม่ยอดยาหยีของคุณมายืนบอกฉันถึงบ้าน อ้อนวานให้ฉันเปิดทางให้เขาทวงคุณคืนไงล่ะ” รัมภาภัสร์ไม่ใช่คนที่มีอะไรก็เก็บไว้ เธอเป็นคนตรงไปตรงมา ในเมื่อเขากล้าถามราวกับว่าอยากได้หลักฐานมัดตัว เธอก็กล้าที่จะพูด
“เมื่อไหร่?”
“ก่อนวันเกิดหนูเล็ก2อาทิตย์ หล่อนมาโวยวายว่าฉันควรปล่อยให้คนรักเขาได้อยู่ด้วยกัน หาว่าฉันรั้งคุณไว้ ถ้าฉันกับลูกไม่อยู่ยังไงคุณก็กลับไปหาเธอ ฉันกับหนูเล็กก็แบบว่า...แม่พระอะ ก็เลยโอเค กล้ามาขอฉันก็กล้าให้” รัมภาภัสร์บอกก่อนที่จะหวนนึกถึงวันนั้นที่มีคนมาขอทวงคืนพ่อของลูกจนทำให้เธอและลูกตัดสินใจมาที่นี่
1เดือนก่อนหน้านั้น
หน้าบ้านพักทหารหลักขนาดไม่ใหญ่มากและก็ไม่เล็กมากร่างบางหุ่นนางแบบยืนกอดอกจ้องมองมายังรัมภาภัสร์ก่อนที่จะกรอกตา “จืดชืด”
“คุณมาหา...”
“ฉันมาหาเธอ ว่าแต่เธอชื่ออะไรนะรัมภาไพใช่ไหม?”
“ฉันชื่อรัมภาภัสร์ค่ะ” สาวเจ้าบ้านแก้ให้ก่อนที่จะกอดอก
“อ๋อ รัมภาภัสร์ ฉันพีรมา เป็นคนรักของราชนาวี” คนมายืนสวย ๆ หน้าบ้านคนอื่นเอ่ยบอกอย่างไม่อายปาก ไม่มียางอายแม้แต่น้อยที่เอ่ยว่าตัวเองเป็นคนรักของสามีเจ้าของบ้าน
“แล้ว?” คนฟังถามกลับโดยไม่แสดงอาการอะไร แม้ในใจอยากจะปิดประตูใส่หน้าผู้หญิงที่มายืนปั้นจิ้มปั้นเจ่อแสดงสถานะว่าเป็นอะไรกับพ่อของลูกเธอ
“เธอคงไม่รู้สินะ ว่าฉันกับเขาเรามีปัญหากันฉันก็เลยประชดด้วยการแต่งงานกับคนอื่นแต่หลังแต่งงานเขาก็มาง้องอนฉันอยู่เรื่อย ๆ เราติดต่อกันทุกวัน เขาตื้อฉันอยู่เรื่อย ๆ”
“เข้าประเด็นเถอะค่ะ อย่าพล่ามให้เปลืองน้ำลาย”
“ปากดีนี่” พีรมาว่าให้ก่อนที่จะขยับเข้ามาใกล้ “ตอนนี้ฉันเลิกกับสามีแล้ว และก็ตกลงปลงใจกับรักแล้วด้วย แต่ว่าเขาลำบากใจจนไม่กล้ามาพูดเอง”
“เรื่อง?”
“เรื่องหย่าไง เขารักลูกก็เลยยังลำบากใจจนเขาปฏิเสธฉันเพราะไม่อยากให้ลูกเสียใจ ด้วยความรักและเข้าใจกันอย่างลึกซึ้งฉันก็เลยมาพูดกับเธอเอง ฉันต้องการเขาคืน และเขาก็ต้องการฉัน แต่เขาก็ไม่อยากให้ลูกเสียใจ เธอเลิกเอาลูกมารั้งเขาได้แล้ว”
“ฉันเนี่ยนะ เอาลูกไปรั้งคนรักของคุณ?”
“ก็ใช่นะสิ ฉันยอมหย่ากับคนที่บันดาลให้ฉันได้ทุกอย่างก็เพราะรักเขา แต่เธอดันมารั้งเขาไว้ ทำให้เขาไม่โผล่มาหาฉันเลย ฟังนะรัมภาภัสร์ ฉันขอร้องล่ะ พาลูกไปอยู่ให้ห่างกับเขา เลิกเอาลูกมารั้งเขาไว้สักที เขาจะได้มีความสุขบ้าง”
“คุณมั่นใจว่าถ้าฉันกับลูกไม่อยู่ เขาจะไปหาคุณ?” คุณแม่ลูกหนึ่งถามทั้งที่ในหัวกำลังครุ่นคิดด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
“แน่นอน ถ้าเธอไม่รั้งเขาไว้ยังไงเขาก็ต้องมาหาฉัน”
พีรมาตอบอย่างมั่นใจก่อนที่จะเงียบอย่างลุ้นระทึก รัมภาภัสร์กอดอกแล้วก็พยักหน้าน้อย ๆ “ฉันไม่ใช่คนหูเบาขนาดนั้น เพราะฉะนั้นฉันจะคอยดู”
“ตกลง ฉันกับลูกจะหลีกทางให้คุณได้พิสูจน์ว่าเขายังอยากกลับไปหาคุณ” หญิงสาวบอกก่อนที่จะยกมือส่งสัญญาณให้พีรมาอย่าเพิ่งดีใจ “อย่าเพิ่งดีใจ ฉันยังพูดไม่จบ”
“จะลีลาอะไรอีกล่ะ?”
“ก็ไม่ได้จะลีลา ฉันแค่จะบอกคุณว่าฉันจะหลีกทางให้คุณ3เดือน ถ้าในเวลา3เดือนนี้เขาไปหาคุณฉันจะหย่าให้แล้วก็เชิญไปเสพสุขกันตามสบาย แต่ถ้า3เดือนนี้ไม่มีฉัน ไม่มีลูก แต่คุณยังทำให้เขากลับไปหาคุณไม่ได้ ฉันก็คงต้องบอกว่าเสียใจด้วย”
“เธอกับลูกนั่นล่ะที่จะต้องเสียใจ จำคำพูดตัวเองไว้ให้ดีรัมภาภัสร์”
“ฉันจำไว้เสมอ อัดคลิปเสียงไว้ด้วยเชียวล่ะ” หญิงสาวบอกก่อนที่จะปิดประตู ร่างเล็กที่ยืนกอดอกอยู่เดินเข้ามากอดขา รัมภาภัสร์ไม่ได้ตกใจที่หนูน้อยรัมภาวีร์อยู่ตรงนี้ เธอใช้มือลูบศีรษะหนูน้อยอย่างแผ่วเบา “เราไปจากพ่อรักกันสักพักดีไหมหนูเล็ก”
“แค่สักพักใช่ไหมคะ?”
“แค่3เดือนค่ะ ครบ3เดือนเราจะกลับมา” เธอไม่ได้มั่นใจสักนิดแต่ก็ลองเสี่ยง เธอไม่รู้ว่าราชนาวียังรักพีรมาหรือไม่ แต่เธอมั่นใจ ต่อให้รักแค่ไหนเขาก็ยังเลือกลูก และตัวเธอเองก็เลือกลูก หนูน้อยรัมภาวีร์ต้องมีความสุข “แต่ถ้าผิดพลาด เราก็อยู่กันสองคนได้นะคะ”
“ค่ะ หลังวันเกิดเราค่อยไปนะคะแม่รุ้ง หนูเล็กจะบอกพ่อรักว่าเราจะไปพักผ่อนด้วยกันสองคนสักพัก” เพราะความโตเกินวัยแท้ ๆ หนูน้อยจึงว่าง่ายไปเสียทุกอย่าง สองแม่ลูกวางแผนการไปพักผ่อนกันสองคนไว้เรียบร้อยและตั้งใจจะบอกราชนาวีในวันคล้ายวันเกิดของลูกสาว
แต่ทว่าตั้งแต่ค่ำวันนั้นจนแม้แต่เลยวันคล้ายวันเกิดไปแล้วราชนาวีก็ไม่โผล่หน้ามาให้ทั้งคู่ได้เห็น
“โกรธพ่อรักแล้ว ทีหนูเล็กจะไปไหนยังจะบอกก่อนเลย แต่พ่อรักไม่บอกหนูเล็ก ไปค่ะแม่รุ้ง ไม่ต้องไปสนใจพ่อรักแล้ว ให้เข้าใจว่าเราโกรธที่ไม่บอกอะไรเลยแบบนี้ดีกว่าอีก3เดือนเราค่อยกลับมา” หนูน้อยรัมภาวีร์เอ่ยลั่นเมื่อมองไปยังจุดหนึ่งของสะพานเดินเรือที่ว่างเปล่า ตรงนั้นเคยเป็นที่จอดของเรือหลวงแห่งราชนาวีไทยลำหนึ่งซึ่งมีผู้เป็นพ่อเป็นผู้บังคับการเรือ
