ตอนที่26 กอดลูก
ดวงตาหวานปานน้ำผึ้งและคมเฉียบประดุจพยาเหยี่ยวที่ตกทอดทางพันธุกรรมมาจากคนเป็นแม่จ้องมองเพดานท่ามกลางความมืดก่อนที่จะทอดถอนใจ
เธอเป็นมนุษย์แม่ที่เสพติดการมีลูกสาวนอนอยู่ข้าง ๆ จริง พอหนูน้อยรัมภาวีร์ไม่อยู่อาการนี้ก็เด่นชัดขึ้นมาอีกแล้ว เธอนอนไม่หลับเพราะกังวลและห่วงหาหนูน้อยรัมภาภัสร์
“เฮ้อ” มนุษย์แม่ทอดถอนใจรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่ามันมากเหลือเกินตั้งแต่นอนลงบนเตียง เธอจะทำยังไงดีขืนนอนไม่หลับแบบนี้ส่งผลถึงตัวเล็กในท้องแน่ ๆ
รัมภาภัสร์กำลังจะพ้นลมหายใจออกมาอีกรอบแต่หูกลับแว่วได้ยินเสียงเปิดประตู ต่อจากนั้นไฟทั้งห้องก็สว่างขึ้น
“คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องนอนไม่หลับ” เสียงทักดังขึ้นจากร่างสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สวิตช์ไฟ ชายหนุ่มปิดไฟลงอีกครั้งแล้วใช้แสงจากไฟฉายนำทางมานั่งลงบนเตียง
“เข้ามาทำไม?”
“ก็คิดว่าคนแถวนี้คงนอนไม่หลับเลยจะมานอนเป็นเพื่อนแทนลูก” เขาตอบแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ
“มันแทนกันได้ที่ไหนเล่า”
“แล้วทำไมยังไม่ชิน ตั้งแต่กลับจากไปเข้าค่ายหนูเล็กก็ขอแยกห้องนอนแล้วนี่” เขาไม่ตอบแต่ถามกลับ ความจริงแล้วหลังจากกลับจากเข้าค่ายหนูน้อยก็บอกว่าตัวเองควรนอนคนเดียวได้แล้ว ร่ำร้องขอห้องนอนจนเขาต้องจัดการให้แล้วทำไมแม่ของลูกยังไม่ชินที่จะนอนคนเดียวอีกทั้งที่ผ่านมาก็3เดือนเข้าไปแล้ว
“ก็ลูกขอแยกห้องไป2เดือนก็กลับมานอนด้วยกันอีกเดือนนึง แบบนี้จะไปทำใจให้ชินได้ยังไงกันล่ะ อีกอย่างตอนนั้นน่ะพี่รักก็มาก่อกวนตลอดรุ้งไม่ได้มีเวลาทำใจเรื่องลูกขอนอนคนเดียวเลย” เธอตอบไปตามความจริง นับ ๆ ดูแล้วเธอได้นอนคนเดียวก็ไม่ถึง2สัปดาห์ด้วยซ้ำเพราะถึงลูกสาวจะแยกห้องไปแต่คนผีทะเลก็วนเวียนมาก่อกวนทุกเมื่อเชื่อวันที่เขาไม่ต้องออกไปทำภารกิจด่วนจนทำให้เธอเผลอหลงลืมกังวลถึงลูกสาวไปเลย
“แสดงว่าอยู่กับพี่ก็คลายกังวลลงไปได้เยอะใช่ไหม?”
รัมภาภัสร์ไม่ตอบด้วยไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรดีแต่คนถามนั้นไม่ได้สนใจที่จะฟัง ชายหนุ่มสอดมือเข้าใต้ลำคอขาวก่อนที่มืออีกข้างจะวางพาดลงเบา ๆ ที่หน้าท้องของหญิงสาว
“หลับตาลง คืนนี้พี่จะนอนกอดรุ้งแทนหนูเล็กเองนะครับ”
“หลับตานอนนิ่ง ๆ ไปเลย ถ้าไม่นอนระวังจะไม่ได้นอน...ทั้งคืน” ประโยคสุดท้ายชายหนุ่มกระซิบริมหูด้วยเสียงแหบพร่า
“ผีทะเล” หญิงสาวว่าให้ก่อนที่จะตีมือที่ลูบท้องเธออยู่ “รุ้งจะเปลี่ยนท่านอน เอามือออก”
ท่ามกลางความมืดราชนาวีไม่รู้หรอกว่าหญิงสาวนอนตะแครงไปทางไหน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แขนบางวางพาดลงที่ข้างลำตัวของเขา เธอหันหน้ามาประกบกับเขานั่นเอง
“รุ้งไม่ได้อยากกอดพี่รักนะ ลูกต่างหาก” เธอบอก พยายามแย้งความคิดตัวเองว่าตัวเธอกอดเขาไปตามสัญชาติญาณที่ตอนนอนกลับเด็กหญิงรัมภาวีร์จะต้องกอดร่างเล็กไว้กลัวแม่หนูจะกลิ้งตกเตียง แล้วอีกอย่างเจ้าตัวเล็กในท้องก็เหมือนจะรักพ่อมากกว่าแม่อย่างเธอมากนัก พอพ่ออยู่ใกล้ก็ไม่ทำให้แม่วิงเวียนเลยสักนิด
“งั้น...พี่ก็ไม่ได้กอดรุ้งนะ พี่กอดลูก” ชายหนุ่มย้อนให้แล้วก็กอดเธอกลับ กลายเป็นว่าเธอกับเขานอนกอดกันไปเสียอย่างนั้น
“นอนนะครับคุณแม่” เขากระซิบบอกพร้อมกับลูบหลังบางไปด้วยครู่ต่อมาก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอมาจากร่างบาง ชายหนุ่มคลี่ยิ้มในความมืดก่อนที่จะหลับตาลงบ้าง กลิ่นกายหอมอ่อน ๆ จากร่างบางพาให้ราชนาวีหลับตาหญิงสาวไปได้ไม่ยาก นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาได้มีโอกาสนอนกอดร่างบางโดยไม่มีเรื่องอย่างว่าเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่มีร่างน้อยของเด็กหญิงรัมภาวีร์มาขั้นกลางและมันก็เป็นครั้งแรกที่น่าประทับใจ เขาไม่รู้สึกอึดอัดใจแต่กลับรู้สึกสบายใจและผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
แสงของวันใหม่ลอดผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามาภายในห้องส่งผลให้คนที่นอนฝันดีมาตลอดทั้งคืนรู้สึกตัวตื่น หญิงสาวกระพริบตาขับไล่ความพร่ามัวก่อนที่จะรู้สึกประหม่าเมื่อได้เห็นว่าตัวเองยังคงอยู่ในอ้อมกอดของราชนาวี
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณแม่ อรุณสวัสดิ์ครับคุณลูก” เสียงงัวเงียทักมาพร้อมกับเปลือกตาที่เผยขึ้น ดวงตาทรงเสน่ห์พร้อมกับรอยยิ้มน่าค้นหาถูกส่งมาให้พาให้หัวใจว่าที่คุณแม่แทบจะหยุดเต้น คนอะไรมองใกล้ ๆ แล้วมีสายตาที่พิฆาตกันได้แบบนี้ เธอไม่เคยได้สังเกตใกล้ ๆ แบบนี้เลยนะเนี่ย
“อรุณสวัสดิ์เช่นกัน ปล่อยได้แล้ว” เธอบอกแต่ราชนาวีกลับไม่ฟังชายหนุ่มยังคงกอดและเลื่อนใบหน้าไปที่หน้าท้องของหญิงสาว
“ขอทักทายลูกก่อน”
“นี่หยุดเลยนะ ไม่ต้องเลย เอาหนวดแหลม ๆ นั่นออกไปห่าง ๆ เลย” เธอบอกเมื่อเขาจะจูบลงที่หน้าท้องของเธอแถมยังเลิกเสื้อเธอขึ้นเสียอีก
“โธ่ นิดเดียวน๊า”
“ไม่ หนวดมันทิ่ม เดี๋ยวตีเลย” เธอบอกพร้อมกับดึงเสื้อลงปิดและหาทางลุกขึ้นนั่ง “ไปโกนหนวดออกเลยนะ ไม่อย่างนั้นไม่ให้เข้าใกล้ลูก”
“ครับ ๆ คุณพ่อจะไปโกนเดี๋ยวนี้เลยครับคุณแม่” คนมีไรหนวดที่เริ่มจะยาวขึ้นมาพอประมาณบอกก่อนที่จะลุกเดินออกจากห้องไป นาทีนี้เขายอมทำทุกอย่างที่เธอสักล่ะนะ
หญิงสาวมองตามก่อนที่จะใช้มือลูบหน้าท้องตัวเอง “สวัสดีตอนเช้าจ้ะตัวเล็ก วันนี้เราไปหาหมอกันนะคะ”
เนื่องจากรัมภาภัสร์ยินยอมจะไปหาหมอราชนาวีจึงโทรศัพท์ไปหาปฐวีและวานให้อีกฝ่ายช่วยจัดการเรื่องการลาให้หญิงสาวโดยไม่ได้บอกรายละเอียด ฝ่ายปฐวีคิดไปว่าคงเกี่ยวกับเรื่องที่รวิปรียาถูกยิงเมื่อวานจึงไม่ได้ซักไซ้อะไร
หลังจากทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อยทั้งคู่ก็ต้องนั่งรอกว่าครึ่งชั่วโมงเพราะรติภัทรโทรมาบอกว่ากำลังจะกลับ ราชนาวีจึงคิดว่าน่าจะรออีกฝ่ายสักหน่อยจะได้บอกความจริงหญิงสาวไปเลย
