ตอนที่22 ผมหวง
ดวงตาหวานมองไปยังรถคันหน้าที่ติดยาวเป็นพรืดเนื่องจากการจอดติดไฟแดงก่อนที่จะลอบถอนหายใจเบา ๆ ทั้งที่บรรยากาศภายในรถก็ค่อนข้างมาคุ บรรยากาศภายนอกยังชวนให้อารมณ์เสียอีก เธอรู้สึกกลัวพ่อคนข้าง ๆ เธอจะพ่นไฟจริง ๆ
ตั้งแต่ออกจากบ้านของสองพี่น้องเชื้อสายสเปนมาราชนาวีก็นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ใบหน้าถมึงทึงน่ากลัว
“นี่ เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว ไปกินรังแตนที่ไหนมา ฉันอึดอัดนะคุณ” ในที่สุดหญิงสาวก็ทนไม่ไหว
“ทำหน้ายังไง ก็ปกติ” เขาตอบกลับ
“ปกติบ้าอะไรล่ะ หน้าตาแบบนี้ลูกเห็นลูกยังกลัวเลย”
“เหรอ ผมก็ว่าผมทำหน้าปกตินะ?” จะเรียกว่าเจตนาร่วนหญิงสาวหรือไม่รู้ตัวเองดีล่ะอาการของราชนาวีตอนนี้ รัมภาภัสร์ได้แต่สงสัยก่อนที่จะชี้ไปที่กระจก
“ชะโงกดูหน้าตัวเองบ้างเถอะ อย่างกับยักษ์ยังจะบอกว่าปกติอีก ถามจริง ไม่รู้ตัวหรือตั้งใจร่วนฉัน”
ชายหนุ่มปลายตามองไปยังกระจกก่อนที่จะขมวดคิ้ว นี่เขาเผลอทำหน้าตาน่ากลัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหรกัน ทั้งที่กะจะทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไรแท้ ๆ
“เป็นอะไร คุณไปโกรธใครมา หรือว่าโกรธที่คุณแดนนี่ไปจับน้องสาวแฟนคุณมา โกรธแทนคุณพีรมาว่างั้น?”
“นี่ ๆ อย่าหาเรื่องทะเลาะสิรุ้ง ทำไมต้องดึงชื่อพีรมามาเกี่ยวด้วยฮะ ไม่เกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นสักนิด”
“ก็เห็นทำหน้าเหมือนโกรธใครมาสักสิบชาติก็นึกว่าเกี่ยว”
“ไม่เกี่ยวเลยสักนิด”
“แล้วเป็นอะไรกันเล่า อยู่ดี ๆ ก็หน้าบูด วัยทองหรือไง”
“รุ้ง” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกก่อนที่จะพูดออกมาหนึ่งประโยค เป็นประโยคที่ทำให้หญิงสาวนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ “หวงนะไม่ใช่ไม่หวง”
“หวงอะไรของคุณ?”
“หวงคุณน่ะ” เขาตอบ
“หา!”
“ก็มันทำตากรุ่มกริ่มใส่คุณแล้วยังบอกว่าแล้วเจอกันใหม่นะอีก ผมไม่ชอบ” เขาบอก “ผมหวง”
รัมภาภัสร์นิ่งชะงัก ลำดับเหตุการณ์ในสมองแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว คำพูดที่ว่าแล้วเจอกันใหม่นะที่ราชนาวีพูดถึงเป็นคำพูดทิ้งท้ายของแดนนี่ในตอนที่เธอและราชนาวีขอตัวกลับ นี่เขาตีหน้ายักษ์ชนิดที่ว่าพร้อมจะเหวี่ยงใครก็ได้อยู่นี่เพราะคำพูดที่แดนนี่บอกเธออย่างนั้นเหรอ?
“งง ? มันส่อเจตนาสนใจคุณยังไม่รู้อีก ผมไม่ชอบให้ไอ้แดนนี่หรือผู้ชายคนไหนมามองเมียผม” หวงลูก หวงเมีย หวงน้องสาว หวงแม่ นี่คือราชนาวี เขาขี้หวงแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วเพียงแค่ก่อนนี้ไม่มีใครมาสนใจรัมภาภัสร์เขาก็เลยไม่รู้สึกก็เท่านั้น แต่ตั้งแต่เช้าวันนี้จนถึงตอนนี้ กี่สายตาแล้วที่มองมายังรัมภาภัสร์ ทั้งนายปราณอะไรนั่น ทั้งเดนนิสและแดนนี่ สายตาที่มองมาอย่างสนใจของคนพวกนั้นมันสร้างความไม่ชอบใจให้เขาเอาเสียเลย โดยเฉพาะแดนนี่ หมอนั่นทั้งส่งสายตาและแสดงท่าทางว่าชอบเด่นชัดและน่าหงุดหงิดใจ
คนอย่างเขาไม่ใช่คนไม่พอใจหรือโกรธอะไรใครง่าย ๆ แต่ตอนนี้เขาพูดได้เลยว่าเขาโกรธมากที่มีคนมามองรัมภาภัสร์ด้วยสายตาอยากได้ไปครอบครองแบบนั้น โกรธจนไม่อยากจะมองหน้าไอ้นายแดนนี่นั่นเลย
คำว่าเมียผมที่เต็มปากเต็มคำของชายหนุ่มพาให้หัวใจของรัมภาภัสร์กระตุก การมีใครสักคนมาบอกว่าหวงตัวเองมันก็รู้สึกดีไม่น้อยยิ่งมาเรียกสถานะต่อกันเต็มปากเต็มคำแบบไม่มีกระดากปากยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกแปลก ๆ ที่หัวใจดวงน้อย ๆ
“หมาหวงก้างล่ะสิ” หญิงสาวเอ่ยแก้เก้อทั้งที่ในใจรู้สึกสั่นไหวแปลก ๆ
“หวงเมียไม่ได้หวงก้าง หวงมากด้วย”
“เหอะ คุณก็หวงไปหมดนั่นล่ะ น้องรันเวย์เอย พี่ร้อยรักเอย น้องรวงข้าวรวงขวัญเอย หนูเล็กเอย หวงไปหมดนั่นล่ะ” กิตติศัพท์ความขี้หวงของราชนาวีเรื่องน้องกับลูกนั้นใคร ๆ ก็รู้
“ก็น้องผม ลูกผม เมียผมนี่ ของผมคนอื่นห้าม ขี้หวงก็ใช่ว่าไม่เหนื่อยนะ อย่าต้องให้หวงกันมากจะได้ไหม”
“งั้นเว้นน้องรวงข้าวไว้สักคนแล้วมาหวงฉันมาก ๆ แทนสิ มันจะดีกว่านะ” หญิงสาวเสนอแนะ “ไม่เหนื่อยมากแน่ ๆ”
“ดีกันผีสิ ขืนไม่หวงเจ้าน้ำก็คาบไปกินสิรวงข้าวน่ะ ยิ่งจ้องตาเป็นมันอยู่ด้วย” ราชนาวีพูดอย่างรู้ทัน “กะจะช่วยเจ้าน้ำล่ะสิ อย่าหวังเลยว่าเจ้าน้ำจะได้มาเป็นน้องเขยผม”
“ขี้หวง น้องรวงข้าวน่ะถึงวัยแต่งงานได้แล้วนะ จะหวงไว้ทำไม คนอื่นก็ด้วย พี่ร้อยรักน่ะจะ30แล้วนะ” ราชนาวีเป็นลูกชายคนแรกและคนเดียวของบ้าน ชายหนุ่มมีน้องสาวอยู่ถึง4คน แพทย์หญิงรวินทร์รัมภา หรือหมอร้อยรัก น้องสาวคนโตตอนนี้ก็อายุ29ปีปลาย ๆ แล้ว แพทย์หญิงรวิกานดา หรือหมอรวงข้าวและฝาแฝดอย่างร้อยตำรวจเอกหญิงรวิปรียา หรือผู้กองรวงขวัญ น้องสาวฝาแฝดคนรองและคนกลางตอนนี้ก็อายุ 26แล้ว เรือตรีหญิงรักษิณา หรือผู้หมวดรันเวย์ น้องสาวคนเล็กก็ย่างเบญเพศแล้ว แต่ทั้ง4ดรุณีอายุไม่น้อยของราชนาวีก็ยังไม่มีใครได้ใส่ชุดเจ้าสาวหรือแม้แต่จะมีผู้ชายกล้าเฉียดเข้าใกล้ เพราะพี่ช่างหวงเหลือเกิน
โดยเฉพาะกับแพทย์หญิงรวิกานดาที่รัชนานนท์คู่แฝดผู้น่าสงสารของเธอเฝ้ามองอยู่มาเป็น10ปี ราชนาวีกีดกันไม่ให้รัชชานนท์ได้มีโอกาสได้เข้าใกล้คุณหมอสาวทั้งที่ทั้งคู่ก็มีใจให้กัน
“พอ ๆ เลิกพูดเรื่องน้อง ๆ ได้แล้ว เดี๋ยวจะทะเลาะกันเปล่า ๆ กลับมาที่เรื่องแดนนี่กับเดนนิส” ชายหนุ่มรีบห้ามแล้วก็วกกลับไปเรื่องเดิม “ต่อไปถ้าจะต้องมาบ้านหรือต้องเจอสองคนนั้นต้องพาผมไปด้วย ไม่มีผมไม่อนุญาตให้คุณไปอยู่ใกล้ไอ้สองพี่น้องนั่นไม่อย่างนั้นผมจะจับกด”
“คุณนี่เป็นอะไรไปแล้วนะ เดี๋ยวก็ขู่จะจับกด จับกด”
“ไม่ได้แค่ขู่นะ ดื้อไม่ฟังเมื่อไหร่ผมทำจริง” เขาบอกก่อนที่จะหันไปสนใจการขับรถเมื่อไฟแดงเปลี่ยนไปเป็นไฟเขียวแล้วหลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็กลับมาถึงบริษัทสิรากร
