5 เผชิญหน้าครั้งแรก
“สรุปเอาตามนี้นะครับคุณเหม” ชายหนุ่มพยักหน้า ทอดสายตาพักผ่อนไปยังท้องนาเวิ้งกว้าง กลางร้านอาหารหลักร้อย วิวหลักร้าน ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในจังหวัด ณ ตอนนี้
เขาจำต้องแวะมาที่นี่ เพราะลูกค้าคนสำคัญของเขา เป็นเจ้าของที่นี่
“วันนี้อากาศดี ถ้าคุณเหมอยากจะเดินพักผ่อนชมบรรยากาศวันเสาร์สบายๆ ของร้าน ที่มีลูกค้าเยอะมากกว่าวันปกติหน่อย เชิญได้เลยนะครับ” นางามดีรีสอร์ทแอนด์เรสเตอร์รอง เป็นรีสอร์ทกึ่งร้านอาหารเปิดใหม่ ที่ทำการตลาดได้ยอดเยี่ยม จนเรียกลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากมาย ภายในระยะเวลาปีกว่า
และมีแผนว่าอยากจะขยายรีสอร์ท จึงปรึกษาโชควิลาสวัสดุ สำหรับการก่อสร้างและการออกแบบ ซึ่งที่นี่มีบริการครบครัน แถมยังให้คำแนะนำที่ดีได้ด้วย
“ก็ดีครับ เผื่อว่าจะได้ไอเดียอะไรดีๆ สำหรับอาคารใหม่”
“ขอบคุณมากเลยครับคุณเหม” สมชาย นางาม พินอบพิเทาเหมันต์มากกว่าปกติ เพราะเท่าที่เขาติดตามผลงานของโชควิลาสวัสดุมา ทุกงานออกมาดีถึงดีเยี่ยม ลูกค้าพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มีความใส่ใจและตอบโจทย์ความต้องการทุกด้าน
จนเขาต้องมองข้าม ในข่าวโครมๆ เกี่ยวกับธุรกิจลับที่เหมันต์เลือกจับอยู่
“เฮ้ยๆๆๆ ไหวเปล่า ไหวเปล่า!”
“แน่จริง ก็มาดวลกันสักยกสิวะ!”
“ผู้ใหญ่รังแกเด็ก!”
เหมันต์เดินเล่นไปตามอาคารที่ทอดตัวไปยังท้องนา ที่ตอนนี้เพิ่งจะมีการเก็บเกี่ยวรวงข้าวไป เหลือไว้เพียงตอและกองฟางหลายกองใหญ่
ถือว่าเป็นอีกบรรยากาศหนึ่ง ที่เรียกให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเก็บภาพและเดินเล่น ย้อนวัยกัน
เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น...เคยวิ่งเล่นมุดกองฟางกับเพื่อนๆ เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
“เฮ้ย แพ้แล้วอย่าพาลดิวะ ใจๆ หน่อย” แต่เสียงโหวกเหวกของกลุ่มเด็กที่ดังมาจากอีกทาง เรียกความสนใจของเขาให้หันไปมอง เชิงวิเคราะห์ว่าเด็กๆ กำลังทำอะไรกัน
“เอามานะ! เอาของหนูคืนมา”
“ไม่ได้ดิ แพ้แล้วก็ต้องเสียถูกแล้ว เล่นแล้วเอาคืน ระวังมะรืนนี้ตายนะ” เด็กๆ ที่เขาเข้าใจ...ไม่ใช่เด็กทั้งหมด เพราะเหมือนว่าจะมีเด็กโข่งปนอยู่ด้วย
แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าใคร จนต้องเดินเข้าไปใกล้ๆ
แล้วเด็กหญิงตัวเล็ก ก็แหกปากร้องไห้ออกมาดังลั่น จนคนอื่นๆ พากันเอามืออุดหู
“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรกัน” คนที่ไม่เคยได้ยุ่งเกี่ยวกับเด็กมานานมากแล้ว ตัดสินใจที่จะเข้าไปช่วยเหลือ แม้จะขัดกับภาพลักษณ์ที่พยายามสั่งสมมาก็เถอะ
“พี่ชายช่วยหนูด้วย หนูโดนผู้ใหญ่รังแกค่ะ” ว่าพร้อมวิ่งเข้ามาหา ชี้ไปทางหนึ่ง ที่มีกลุ่มเด็กยืนอยู่ รวมไปถึงเด็กโข่ง ที่อยู่ในสภาพ...
สวมเสื้อยืดแขนสั้นตัวใหญ่ กับกางเกงขาสั้นกรอมเข่า เส้นผมม้วนเอาไว้แบบลวกๆ เป็นทรงดังโงะ ใบหน้าไม่ได้แต่งแต้มสิ่งใด แต่กลับแดงระเรื่อด้วยพิษแดด
“อย่ามากล่าวหากันนะเว้ย ก็เอ็งแพ้ เอ็งก็ต้องเสียลูกแก้วสิ จะมาหาว่าข้ารังแกได้ยังไง” ใบหน้ากรำแดดที่ยังดูขาวผุดผ่อง ไม่ได้หมองลงตามกันแต่งเนื้อแต่งตัว ทำเอามุมปากหยักคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
นึกว่าใคร
“เสียให้เขาไปเท่าไหร่” คำถามจากชายหนุ่มที่ดูไม่ได้ตกใจ ทักท้วงหรือต่อว่า ออกโรงปกป้องใดๆ ทำเอาสู่ขวัญต้องหรี่ตา มองไปยังเด็กชายโพ และเด็กในแก๊งคนอื่นๆ ที่รู้ซึ้งถึงแผนทุกอย่าง
“สิบลูกจ้ะพี่ชาย” เด็กน้อยที่ไร้เดียงสากว่าใคร แต่อยากจะเล่นกับเพื่อน ตอบกลับเสียงอ่อนพร้อมจับมือเขาแน่น จนสู่ขวัญต้องส่ายหน้า
“แหม แววออกแต่เด็กเลยน้า...” สีน้ำที่คิดตรงกันพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มรู้เท่าทัน มองลูกพี่ที่ยกนิ้วโป้งให้ เชิงขอบใจที่พูดแทน!
“ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวพี่จะเอาคืนมาให้” สู่ขวัญหันขวับตาโตขึ้นในทันที เพราะนอกจากเขาจะไม่ทักท้วงหรือทำทีว่าจำอะไรเธอได้ เขายังจะมาเล่นลูกแก้วเอาคืนเธอให้เด็กหญิงคนนี้อีก!
“จริงเหรอจ๊ะพี่ชาย! ขอบคุณมากเลยจ้ะ” แล้วเธอก็กระโดดกอดคอคนที่นั่งย่อตัวลงมาคุยกับตัวเองตั้งแต่แรก ด้วยพลังงานของเด็กหญิงผู้อ่อนแอ จนสู่ขวัญและสีน้ำมองบนใส่แบบอัตโนมัติ!
“ไหน คนไหนที่เป็นคนเอาลูกแก้วของน้องไปครับ” เหมันต์ยืนขึ้นจนเต็มความสูง ถามไปอย่างนั้น แต่มองตรงไปที่สู่ขวัญแบบรู้ว่าเธอเป็นคนนั้น
แม้จะไม่ชอบใจแค่ไหน ก็ต้องยอมเชิดใบหน้าขึ้น มองกลับเขาไปตรงๆ ความเป็นบุรุษเพศที่ดึงดูดผู้หญิงทั้งจังหวัดให้หมายปอง ไม่ได้ทำให้เธอหวั่นไหว หรือรู้สึกอะไรตามไปได้ด้วย
“ฉันเอง” แพทย์หญิงในคราบเด็กกะโปโล ก้าวออกมาเผชิญหน้ากับคนตัวสูง แบบไม่ได้กริ่งเกรงสายตาคมดุของเขา ที่เธอมองว่าดูยังไงก็ขี้โกง และไม่เป็นมิตรเลยสักนิด
“จะยอมคืนลูกแก้วให้น้องเขาดีดี หรือว่าดวลกัน” เหมันต์พูดด้วยแววตานิ่ง หากแต่มีความล้ออยู่ในที และมั่นใจนักหนาว่าตัวเองจะต้องชนะแน่
“หึ ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าตัวเองจะชนะ ฉันนี่แชมป์ดีดลูกแก้วยืนหนึ่งของจังหวัดเลยนะ” เข่นเขี้ยวตอบเขา โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองน่าหมั่นเขี้ยวเพียงใด
ดวงตาคมกริบของเหมันต์ไล่มองไปยังเรือนร่างมอมแมมของเธอ ที่ไม่รู้ว่ามอมแมมจริงหรือพยายามมอมแมมกันแน่
แต่แม้จะดูเหมือนมอมแมมยังไง ความผุดผาดของสาวเต็มวัย ก็ยังคงเต็มอยู่...ภายใต้เสื้อตัวโคร่งนั้นเขารู้ ว่ามีสิ่งดีซุกซ่อน
“มองอะไร!” ว่าแบบถอยหลังหนึ่งก้าว แต่ไม่กล้าเอาเอามือกอดหน้าอกอย่างใจคิด เพราะเด็กๆ อยู่กันเต็ม เดี๋ยวจะพากันเข้าใจผิด
“มองแชมป์ดีดลูกแก้วยืนหนึ่ง...น่ะสิ” แววตาคมดุทอประกายความขัน จนสดใสสว่างท่ามกลางแดดเปรี้ยง
ให้ตายเถอะ เหมือนมีใครเอากลองมาตีรัวขึ้นที่กลางอก จนต้องรีบสั่นศีรษะ เบี่ยงสายตาให้พ้นจากดวงตาอันตรายคู่นี้เสีย!