บท
ตั้งค่า

3 ทาบทาม

ณ บ้านปูนสองชั้นหลังใหญ่ของผู้ใหญ่สา

“แหม ไม่ต้องหอบของมาเยอะขนาดนี้ก็ได้นะคะ คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเป็นพิธีอะไรให้มากความหรอกค่ะ” สร้อยทองเจ้าของบ้าน ว่าพร้อมช่วยแขกผู้มาเยือนยกของ ที่พะรุงพะรัง วางเอาไว้ให้เข้าที่

ก่อนที่เด็กรับใช้ จะรีบพากันมายกไปไว้ในครัว

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ พอดีว่าฉันไปเยี่ยมท่านนายอำเภอที่สุพรรณมา ท่านมีสวนเยอะ ก็เลยให้ผักผลไม้มาจนเต็ม เลยนึกถึงน้องสร้อย เห็นว่าชอบรับประทานมะพร้าวมาก เจ้านี้อร่อยมากนะ ให้เด็กๆ เฉาะมาให้ชิมได้เลย ทั้งหอมทั้งมัน เนื้อมะพร้าวกำลังเคี้ยวง่ายเลย”

“โอ๊ย ขอบคุณมากจ้ะพี่วิรง...หอบมาเยอะขนาดนี้ น้องล่ะเกรงใจแย่” รอยยิ้มพิมพ์ประดิษฐ์ ที่มีมาให้กันเสมอ ถูกนำเสนออย่างสุดซึ้ง

“ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกจ้ะ แหม...คนกันเองทั้งนั้น”

ข่าวเรื่องที่โชควิลาสจะลงเล่นการเมือง ดังมาให้ได้ยินระยะใหญ่ หมายรวมไปถึงการหาคู่ให้หลานชาย ผ่านการชื่นชมบุตรสาวของตน ทำให้สร้อยทอง พอจะทราบสาเหตุของการพาตัวเองมาถึงที่นี่ ของเถ้าแก่สาวผู้เย่อหยิ่งประจำจังหวัด

“แล้วเป็นไงบ้างคะคุณพี่ ไม่ได้เจอกันนานเลย น้องล่ะคิดถึ๊งคิดถึง...” หากวิรงรองคือผู้เย่อหยิ่งแล้ว ผู้ประจบประแจงคงไม่ต้องสืบ

วิรงรองยิ้มหวานกว่าเดิม พร้อมกวาดสายตาไปตามห้องโถงรับแขกของบ้าน ที่ประดับไปด้วยเกียรติคุณ ความน่าชื่นชมยินดี ในตู้โชว์แก้วขนาดใหญ่

แสงไฟนวลๆ จากฝ้าหลุมสีขาวสะอาดตา สะท้อนเงาหรูหรากระทบพื้นกระเบื้องสีเดียวกัน

“ก็สบายดี...แต่ไม่ค่อยสบายใจ นอนไม่ค่อยจะหลับ”

“อ้าวจริงเหรอคะคุณพี่!” คนเล่นสมบทบาทได้ดี เอามือทาบอก ขยับเข้าไปใกล้ สีหน้าและแววตาแสดงความห่วงใยอย่างสุดความสามารถ

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ...คุณพี่ บอกน้องมาได้เลยนะคะ น้องช่วยอะไรได้ ก็ยินดีจะช่วยอย่างเต็มที่แน่นอนค่ะ” การเสนอตัวด้วยคำพูดหมดเปลือก แบบสื่อความหมายไม่ให้น่าเกลียดนี้

เป็นอันรู้กันว่า...ข่าวที่พยายามตีให้มาถึงหูทางนี้ ไม่ได้ถูกปฏิเสธ!

“เฮ้อ อันที่จริง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะช่วยกันได้ง่ายๆ หรอกนะ เพราะมันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตัวเรา”

“อ้าว แล้วขึ้นอยู่ที่ใครละคะคุณพี่?” คนที่พยายามไขสือ ไม่รู้เรื่องอะไร ยังคงตีเนียนได้สมใจ หากแต่วิรงรองก็ยังดูออก ว่าสร้อยทองรู้ทุกอย่างแบบละเอียดไปเรียบร้อยแล้ว

“คืออย่างนี้ ที่พี่นอนไม่หลับทุกค่ำคืน ก็เพราะว่าเป็นห่วงหลาน...” หลานเพียงคนเดียว ที่เธอหลงเหลืออยู่ ไม่พูดชื่อก็รู้ ว่าหมายถึงใคร

“อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ยังลงหลักปักฐานกับใครไม่ได้สักที ไอ้เราก็กลัวว่าจะไปคว้าผู้หญิงไม่ดีมาเคียงข้างกาย ยิ่งตอนจะลงสมัคร สจ.นี่นะ พวกคลั่งนักการเมือง พากันแห่มาให้ท่า...”

การร่ายยาวเชิงบ่นนี้ มีทีว่าหนักใจเหลือแสน ปะปนขอความเห็นใจอยู่กรายๆ จนคนปั้นหน้าเก่งไม่แพ้ รีบพะเน้าพะนอ เออออเห็นตามจ้าละหวั่น

“โอ๊ย เหมือนเจอคนหัวอกเดียวกัน! น้องเองก็เครียดเรื่องนี้ไม่น้อยไปกว่าคุณพี่เลยค่ะ...” สร้อยทองทำเป็นว่า แต่แววตาสื่อความหมายบางอย่างชัด จนวิรงรองยิ้มสื่อออกมา เชิงพึงใจ

“หัวอกเดียวกัน...หมายความว่า?”

“ใช่ค่ะคุณพี่วิรง น้องเองก็เป็นห่วงลูกเหมือนกับที่คุณพี่ห่วงหลาน...นั่นแหละค่ะ” แล้วสร้อยทอง ก็จีบปากจีบคอเล่า ถึงความไว้ตัวของบุตรสาว ที่ไม่ยอมเปิดใจให้ผู้ชายคนไหนสักที

“ก็คงจะธรรมดา ผู้หญิงเพียบพร้อมอย่างหมอขวัญ มาตรฐานก็ต้องสูงตามอยู่แล้ว แกคงจะยังไม่เจอผู้ชายที่คู่ควรกับแกสักทีก็ได้จ้ะ”

“ก็คงจะจริงนะคะ เพราะปกติยัยขวัญก็ไม่ค่อยจะไปเจอใคร นอกจากนั่งทำงานอยู่โรงพยาบาลงกๆ...”

“โอ๊ย อย่าไปว่าลูกอย่างนั้น หนูขวัญทำถูกแล้ว โฟกัสแต่งานและอนาคต รอให้วันเวลาพาคนที่ใช่และคู่ควรมาให้ เหมือนกับตาเหมไม่มีผิด รายนั้นก็มัวแต่ห่วงอนาคต ห่วงงาน...

เรื่องที่จะไปเอาผู้หญิงไม่เลือกมาทำภรรยา ไม่ค่อยน่าห่วง ห่วงก็แต่พวกผู้หญิงไม่ธรรมดาพวกนั้นต่างหาก ที่พยายามจะจับเข้าให้สักวัน”

ไม่นานนัก เด็กรับใช้ก็นำมะพร้าวที่ปอกเสร็จแล้วเข้ามา มีน้ำและเนื้อมะพร้าว ตกแต่งเอาไว้ในจานหรูหราสีขาวสะอาดตา และโถแก้วใสใส่น้ำมะพร้าวมาจนปริ่ม

“ต๊าย น่ากลัวนะคะคุณพี่...ฟังแล้วนึกภาพออกเลยค่ะ”

“นั่นแหละ พี่ถึงกลับมาครุ่นคิดอยู่หลายวัน ว่าจะเอายังไงดี เฮ้อ...” ทีท่าถอนหายใจเชิงหนักหน่วงนั้น ทำเอาสร้อยทองตัดสินใจยิ้มออกมา จ้องตากับคนที่มองมาตรงๆ แบบสื่อความหมาย

“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ไอ้เราสองครอบครัว ก็ไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด...แม้ว่าเด็กสองคนนั่นจะไม่ค่อยได้รู้จักมักจี่อะไรกันก็ตาม” เมื่อฝ่ายนั้นเริ่มเผยความต้องการ ฝ่ายนี้ก็ทำทีเป็นยกน้ำมะพร้าวน้ำหอมเย็นๆ ชื่นใจขึ้นจิบ

“คุณพี่...หมายความว่ายังไงเหรอคะ?” เป็นคำถามที่เต็มไปด้วยคำตอบ สองสาวใหญ่วัยกลางคนยิ้มให้กันอย่างตรงไปตรงมา

“ใช่จ้ะ พี่คิดว่า...ตาเหมกับหมอขวัญเขาเหมาะสมกัน ยิ่งเสียกว่ากิ่งทองกับใบหยก” สร้อยทองที่ใส่ทองจนเต็มคอ เต็มข้อมือ ข้อนิ้ว ทำเป็นตกใจระคนตื่นเต้น

“จริงเหรอคะคุณพี่...” แต่ก็แสร้งถามออกไปด้วยกิริยาไว้เนื้อไว้ตัว ไม่ได้รังเกียจ แต่ก็ไม่ได้ออกนอกหน้า

“จริงสิจ๊ะ ในปฐพีนี้ คงไม่มีใครเหมาะสมกันไปมากกว่าคนสองคนนี้ไปได้...โรงพยาบาลของหนูขวัญก็กำลังมีชื่อเสียงและเป็นที่นิยม ส่วนตาเหมก็บริหารธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจทางการเกษตรและการขนส่งของโชควิลาส ให้กลับมารุ่งเรืองเฟื่องฟูได้อีกครั้ง แถมยังกำลังจะลงเล่นการเมือง

คงไม่มีอะไรที่เหมาะกันไปมากกว่า ช่วงเวลานี้แล้วแหละจ้ะ...”

สร้อยทองยิ้มกว้าง แววตาเปล่งประกาย แต่ก็อดไม่ได้ที่ย้อนไปนึกถึงความหยิ่งจองหองของเจ้าหล่อนที่มีมาตั้งแต่สมัยสาวๆ หากโชควิลาสไม่เคยล้ม คงไม่มีทางอยากจะเกี่ยวดองกับครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยมาแต่เดิมอย่างปัญญาภูมิ

เพราะเพิ่งจะมามีทุกอย่างได้ ก็ตอนที่ส่งบุตรสาวจนเรียนจบหมอ และส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่ให้มีทุกอย่างพร้อม จนตัดสินใจขอย้ายกลับมาอยู่ใกล้บ้านเมื่อ 4 ปีก่อน...นี่แหละ การเงินของบ้าน เลยค่อย    ๆ ร่อยหรอลงอีกครั้ง

เพราะมันไร้กำไร แถมยังขาดทุนยับยังไงล่ะ!

“น้องขอบคุณคุณพี่วิรงมากเลยนะคะ ที่เมตตายัยขวัญของอิฉัน เรื่องรังเกียจรังงอน ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ๆ แต่ที่น้องเป็นห่วงก็คือ ลูกสาวน้องน่ะจอมดื้อ...จะยอมเปิดใจให้ใครบ้างหรือเปล่า”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงไปหรอกจ้ะ เพราะว่าพี่เนี่ย...เกริ่นเรื่องนี้กับตาเหมเอาไว้แล้ว รายนั้นก็เหมือนจะไม่ได้ข้องขัด คงจะแอบชอบพอน้องอยู่ไม่น้อย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตาเหมเถอะจ้ะ ตาเหมหล่อใช่หยอก...คงไม่มีผู้หญิงคนไหน ปฏิเสธแกได้ลงหรอก” แล้ววิรงรองก็หัวเราะคิกคัก ตามประสาคนที่ชอบยกยอปอปั้นฝ่ายตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร

จนสร้อยทองถึงกับต้องลอบเบ้หน้า...

เธอไม่ชอบวิรงรองก็จริง รู้เห็นว่าเหมันต์เพียบพร้อม ไปหมดทุกอย่าง เสียแต่ข้องเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายและไม่ใช่คนนิสัยดีเด่อะไร

แต่เพื่อให้บุตรสาวได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์พร้อม ได้แต่งงานมีครอบครัวกับใครเขาสักที และมั่นใจว่ากฎหมายไม่น่าจะทำอะไรเหมันต์ได้ ที่สำคัญการทำงานผิดกฎหมายก็ทำให้เขาร่ำรวยแบบใช้ไปทั้งชาติก็ไม่น่าจะมีวันหมด

แค่นี้ก็ไม่ต้องสนใจอะไรแล้ว!
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel