2 มีผลประโยชน์
“อะไรนะ!” คนที่กำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้บุนวมสีเขียวเป็ด ถึงกับต้องยืนขึ้นเต็มตัว เอสเปรสโซ่ในมือกระฉอกเล็กน้อย ก่อนค่อยๆ วางลงอย่างระมัดระวัง
“นี่แกอย่าบอกนะ ว่าแกยังไม่รู้เรื่องน่ะ?” หญิงสาวในชุดสีขาวสะอาดตา มาพร้อมหมวกสีเดียวกัน และมีขีดสีดำหนึ่งขีดประดับเอาไว้ ว่าเชิงร้อนใจแทนเพื่อนรัก
“เออสิ จะไปรู้ได้ยังไง แล้วนี่แกไปรู้มาจากไหน ข่าวกรองรึเปล่า”
“กรองแน่นอน 300 เปอร์เซ็นต์ย่ะ! เขาพูดกันให้คลุ้งทั้งตลาด แม่แกนี่...ยิ้มหน้าบาน ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธเลยด้วย!” พอได้ยินอย่างนั้น สู่ขวัญก็ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้นแบบทิ้งตัวเต็มที่ และถอนหายใจแรงๆ ออกมา
“นี่ผลบุญจากการสวดมนต์ นั่งสมาธิเมื่อคืน ช่วยอะไรไม่ได้เลยสิน่า”
ใช่...เมื่อคืนเธอไปนอนที่วัดกับแม่ชีมา พร้อมปฏิบัติธรรมแบบเต็มคราบ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ตั้งแต่ค่ำยันดึก หลังจากที่ได้ไปเที่ยวเล่นมาทั้งวันจนหนำใจกับพวกเด็กๆ
แพทย์หญิงสู่ขวัญไม่ได้กลับบ้านมาสักพักใหญ่ เพราะตั้งแต่ที่โรงพยาบาลขนาดเล็กของเธอ ทำยอดผู้ใช้บริการพุ่งสูง และมีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั้งจังหวัด
ผู้ใหญ่สา ปัญญาภูมิและภรรยาอย่าง สร้อยทอง ปัญญาภูมิ ที่คอยจะจับคู่ให้บุตรสาว ก็พากันล่าถอยไป เพราะผลงานของเธอประจักษ์
แม้รายได้จะยังไม่เห็นเป็นประจักษ์ก็เถอะ!
“และจากที่ฉันได้ยินเขาพูดกันมานะ แว่วว่าฝ่ายนั้นจะเอาจริง เพราะแกมีผลประโยชน์กับเขามากโข” เพลินวรา บุตรเอื้อ ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ไร้พนักพิงที่วางอยู่ สำหรับผู้มารับบริการ ทีท่ามีความกังวลใจไม่น้อยไปกว่าเพื่อนรัก
“ผลประโยชน์อะไร?”
“ก็ผลประโยชน์ทางการเมืองไง เขาเปิดตัวปาวๆ ว่าหลานชายของคุณวิรงรองจะลงสมัคร สจ.” คนที่ชีวิตนี้ไม่ได้ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากความสงบกาย สบายใจ เหลือบตามองบน พ่นลมหายใจ พร้อมส่ายหน้ารัวๆ
“ผลประโยชน์อะไร ฉันมีผลประโยชน์อะไร?” คนที่ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเจ้าขุนมูลนายทั้งหลาย ว่าเชิงงงงวย อยากจะเอามือเกาหัวแกรก!
“แหม! แกอย่าลืมสิ ว่าแกเป็นใคร...แกเป็นหมอเจ้าของโรงพยาบาล ที่ครองใจคนไข้นับกว่าหลายพันชีวิตในจังหวัด ที่เข้ามาสมัครสมาชิกโรงพยาบาลกันเป็นทิวแถว แกลืมไปแล้วรึไง!”
คนสองบทบาทกะพริบตาถี่ จริงสิ...เธอไม่ใช่แค่หัวหน้าแก๊ง พ่วงตำแหน่งแชมป์ดีดลูกแก้วเหมือนเมื่อวานแล้วนี่นะ เธอเป็นถึงแพทย์หญิงเจ้าของโรงพยาบาลปัญญาภูมิแห่งนี้ ที่กำลังมีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั้งจังหวัด
“แล้วยังไง เขาจะให้ฉันเป็นหัวคะแนนให้เหรอ หรือว่าแจกนามบัตร โปรดเลือกเบอร์...เขาได้เบอร์อะไรนะ?”
“ยังหรอก ยังไม่ถึงกำหนดการรับสมัคร กำหนดมันอีกสามเดือนนู่น นี่แกไม่รู้อะไรบ้างเลยเหรอ ข่าวสารบ้านเมืองนี่ไม่รู้จักตามเอาซะเลย”สู่ขวัญรีบสั่นหน้า
“ไม่เอาอะ ฉันไม่อยากรู้เรื่องอะไร แค่บริหารโรงพยาบาลให้ลงตัวก็เหนื่อยจะแย่แล้ว” ใช่...แม้ว่ารายได้โรงพยาบาลจะเหมือนเข้าเยอะแค่ไหน รายจ่ายก็เหมือนจะมากกว่า
ไหนจะค่าจ้างแพทย์ประจำ แพทย์พาร์ทไทม์ที่หมุนเวียนกันเข้ามาช่วยตรวจ เป็นแพทย์ที่เธอพอจะรู้จักบ้าง แพทย์ที่แนะนำบอกต่อกันมาบ้าง ส่วนพยาบาล มีประจำทั้งหมด 10 คน
“เออ พูดถึงเรื่องบริหาร ตอนนี้คุณวิบูลย์ที่เป็นหุ้นส่วนแก เรื่องจะถอนหุ้นเพราะไม่มีกำไรเลยอะไรนั่น จริงแท้แค่ไหนวะ” สู่ขวัญสะดุดทันที หันไปมองหน้าเพื่อนด้วยแววตาที่เข้มขึ้น
“ใครเป็นคนกระจายข่าวเรื่องนี้?”
“เอ่อ...ก็ หัวหน้าฉันไง พี่สินี” เจ้าของโรงพยาบาลถอนหายใจอีกครั้ง รู้สึกหนักใจกับปัญหาภายใน ที่มีมาตลอด แต่ก็ไม่รู้จะแก้อย่างไรได้
“แกว่ายังไงอีก” สินี เหมือนพรม พยาบาลอาวุโสที่เป็นหัวหน้าพยาบาล เป็นทั้งฝ่ายบุคคล ที่คอยดูแลจัดเวรประสานติดต่อ นายแพทย์ พยาบาลและพนักงานทั้งหมดของโรงพยาบาล
รวมไปถึงการสอนงาน บอกต่อ ดูแลความเรียบร้อยทั้งหมดของโรงพยาบาลได้อย่างดีเยี่ยม มาตั้งแต่ต้น กำลังรู้สึกว่าผลตอบแทนที่ได้รับไม่คุ้มค่า
ขอขึ้นเงินเดือน
‘แต่สถานการณ์ตอนนี้ ขวัญยังไม่สามารถขึ้นให้ได้จริงๆ ค่ะ ไม่เชื่อก็ลองไปถามฝ่ายการเงินดูได้’ เธอเคารพผู้หญิงคนนี้เหมือนญาติผู้ใหญ่ เพราะสินีเป็นเพื่อนรุ่นน้องของมารดา ที่สนิทชิดเชื้อกับครอบครัวเธอมาตั้งแต่ไหน
การสอบเข้าแพทย์ของสู่ขวัญได้ สินีก็มีส่วนในการช่วย
เพราะอย่างนี้กระมัง ผู้หญิงคนนี้ ถึงไม่เคยคิดจะเกรงใจ
‘น้ายอมลาออกจากราชการมาช่วยขนาดนี้ นี่ก็ 4 ปีผ่านมาแล้ว หนูขวัญจะไม่คิดตอบแทนอะไรน้าหน่อยเหรอคะ’
ไม่ใช่ว่าเธอไม่คิดอยากตอบแทน แต่เป็นเพราะว่าโรงพยาบาลกำลังขาดทุนอยู่ต่างหาก เธอถึงยังตอบแทนไม่ได้
กระแสของโรงพยาบาลก็เพิ่งจะมาดังกระฉ่อน คนไข้ล้น เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมานี่เอง แต่สามปีก่อน...เงียบกริบ จนเธอต้องกู้เงินมาหมุน และตอนนี้หนี้ส่วนนั้นก็ยังคงใช้ไม่หมด และเงินหมุนก็ต้องยังคงต้องหมุนอยู่เรื่อยๆ
“แต่แกก็อย่าไปถือสาอะไรพี่สินีเขาเลย เขาก็แบบนี้แหละ บ่นๆ ไปอย่างนั้น แต่ทำงานทุกอย่างให้แกได้ดี แบบไม่มีที่ติเหมือนเดิม”
“ไม่ใช่เพราะว่าต้องการรักษามาตรฐานหรอกเหรอ” ข่าวที่เธอรู้มาเกี่ยวกับหุ้นส่วนเพียงคนเดียว และพยาบาลรุ่นใหญ่ ดูเหมือนจะเป็นรูปร่างขึ้นมา
“หมายความว่ายังไง?”
“ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าการตีข่าวแบบนี้ พวกเขาต้องการอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ แกเตรียมตัวขึ้นเป็นหัวหน้าคนต่อไปได้เลย”
“ฮะ! ฉันเนี่ยนะ? หัวหน้าคนต่อไป?” คนที่มีนิสัยไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ อุทานออกมา
คนที่ชอบอะไรสบายๆ อย่างเพลินวรานะหรือ ที่จะไปรับผิดชอบอะไรได้
“แกจะบ้าเหรอ ฉันทำไม่ได้แน่ๆ แกก็รู้” รีบสั่นหน้าปฏิเสธ เมื่อเห็นว่ากำลังถูกขอร้องอย่างจริงจัง
แต่ไม่นานนัก ห้องตรวจเบอร์หนึ่ง ก็ถูกเคาะขึ้นพร้อมแจ้งจำนวนผู้ป่วยรอคิว จากผู้ช่วยพยาบาล ที่ทำตามหน้าที่ประจำก่อน 9 โมงเช้า ที่แพทย์จะเริ่มตรวจ
สองสาวจึงจำต้องหยุดบทสนทนาเอาไว้เพียงแค่นั้น ส่งสายตาให้อย่างรู้กัน ว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่