1 ผู้หญิงที่คู่ควร
“ผู้หญิงที่คู่ควรกับตำแหน่งสะใภ้ของโชควิลาสนะ...จะต้องเป็นผู้หญิงที่งามพร้อม ทั้งรูปร่างหน้าตา กิริยาภายนอก คำพูดคำจาที่ส่อถึงความคิดภายใน การแต่งกาย การศึกษา หน้าที่การงาน ทรัพย์สมบัติ ฐานะชาติตระกูล
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง...”
“อย่างยิ่งอะไรเหรอจ๊ะ?” เด็กรับใช้อย่างลูกพราว สนิทก่อ ว่าเชิงสงสัย พร้อมมองใบหน้าอิ่มสุข ของวิรงรอง โชควิลาส ที่เชิดขึ้นและโปรยปรายไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
ท่ามกลางเรือนไม้สักหลังใหญ่ ที่ประกอบไปด้วยปูนและไม้สักขัดเป็นเงาทั้งหลัง บ่งบอกฐานะความเป็นอยู่ ในแถบเชื้อชนบท
โชควิลาสเป็นตระกูลผู้ดีเก่า ร่ำรวยมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ลูกหลานรับราชการเป็นเจ้าคนนายคน หากแต่ก็ยังมีบางส่วนที่เลือกบริหารธุรกิจของครอบครัว
แต่พอนานวันผ่านเข้า เลือดข้าราชการก็เข้มข้นขึ้น จนคนที่คิดจะจับธุรกิจของครอบครัว น้อยลงไปทุกวัน...มีแต่วิรงรองที่พยายามประคับประคองมาให้ได้อยู่
แต่แล้วสิ่งที่เธอประคองมานั้น ก็ได้ถูกรับช่วงต่อจากหลานชายเพียงคนเดียวของตระกูลที่เหลืออยู่ เพราะส่วนใหญ่นั้นเป็นหญิง และไม่ได้แต่งงาน เช่นเธอเป็นต้น
ความลดถอยอำนาจบารมีของโชควิลาส ทำให้ความนับหน้าถือตาลดน้อยถอยลงตามไปด้วย
แต่โชคดี...ที่หลานชายเอาอยู่ ทำให้โชควิลาสกลับมาเฟื่องฟู และถูกพูดถึงอย่างหนาหูอีกครั้ง
แม้จะในทางไม่ดีก็เถอะ!
ตู้ม!
ซ่า...! วงน้ำกระจายตัววิ่งหลุนๆ เข้าฝั่งเป็นชั้นๆ หลังจากที่หนึ่งร่างกระโจนลงไป และจมหายจนท้องน้ำนิ่งสนิท
“ลูกพี่!” พวกเด็กๆ ที่รอจะกระโดดตามพากันตกใจ มองหน้ากันเลิกลัก
“ลูกพี่จมน้ำเปล่าวะ” หนึ่งคนนำเสนอ “เออ นั่นสิ” อีกสองสามคนว่าตาม พร้อมพากันหน้าเสีย
“เฮ้ย ลงไปช่วยลูกพี่กัน” เด็กหญิงตัวดำๆ ผอมๆ เอ่ยขึ้นพร้อมจะก้าวขากระโดด
“มึงว่ายน้ำไม่เป็น!” แต่ก็ถูกเด็กชายตัวสูงที่ผิวขาวกว่าใคร ดึงเอาไว้ซะก่อน
“เออจริงด้วย ลืมอะ” ว่าพร้อมมองขาตัวเองที่วางอยู่บนโขดหินสูงหนึ่งข้าง พร้อมกับดึงมันลงและขยับห่างออกมา
“ลูกพี่ตัวใหญ่ ต่อให้ว่ายน้ำเป็นก็คงพากันเอาขึ้นมายาก ทำไงต่อดีวะ” เด็กชายที่ตัวสูงและโตที่สุดในกลุ่ม เอ่ยเชิงวิเคราะห์ สีหน้าทุกคนเริ่มไม่สบายใจ
“แฮ่!” แล้วทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็โผล่พรวดขึ้นมา จนน้ำกระเด็นมาโดนทุกคน และต้องรีบเอามือป้องหน้าอัตโนมัติ
“ลูกพี่!”
“เออดิ รอตั้งนาน คิดว่าจะมีคนกระโดดตามลงมาซะอีก” เจ้าของผมเรียบลู่ที่เปียกไปกับน้ำ พูดไปหัวเราะไป พร้อมวักน้ำสาดใส่พวกเด็กๆ อย่างสนุกสนาน
“ก็กำลังวางแผนอยู่ ว่าจะลงไปช่วยยังไงให้พี่ปลอดภัย” เด็กชายตัวใหญ่ ว่าอย่างมีความคิดเป็นผู้ใหญ่สมตัว
“สุดยอดเลย นายแพทย์อ๋อง นายนะ...จะได้เป็นแพทย์ที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาลพี่ ในอนาคตแน่นอนฟันธง!” แล้วทุกคนก็พากันเฮให้เชิงสนับสนุน จนเด็กบ้านจนอย่าง องศาหรืออ๋อง มีแรงใจฮึดขึ้นมา
แล้วทุกคนก็พากันลงมาฝึกว่ายน้ำ ตามที่ลูกพี่อย่าง สู่ขวัญ ปัญญาภูมิ ได้โปรแกรมเอาไว้ทุกวันเสาร์
ซึ่งก็คือ...ฝึกว่ายน้ำให้เด็กๆ ในชุมชน จำลองสถานการณ์เพื่อเรียนรู้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
หึ ข้ออ้างทั้งนั้น! เพราะความจริงแล้ว การรวมตัวทุกวันเสาร์มีจุดประสงค์ที่แท้จริงคือ
“เฮ! ลงหลุมไปแล้ว วู้!” สู่ขวัญ แพทย์หญิงประจำโรงพยาบาลปัญญาภูมิ ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงลำลองขาสั้น กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ เมื่อลูกแก้วที่ตัวเองดีด กลิ้งลงหลุมได้แม่นเหมือนจับวาง
“โหลูกพี่ จะเก่งเกินไปแล้ว” เด็กชายโพ ที่มีรูปร่างเล็กผอมผิวดำ โอดขึ้น พร้อมเอามือเกาหัวแกรก
“เหอะ ข้าบอกแล้ว ว่าอย่าให้ข้าได้เอาจริง เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ข้าคือแชมป์ยืนหนึ่งเว้ย!” แล้วเด็กๆ ก็หัวเราะให้กับทีท่าภาคภูมิใจอันแสนจะขำขันของลูกพี่ ที่ไม่มีคราบความเป็นแพทย์ให้เห็นเลยสักนิด
ขนาดพวกเด็กๆ ไม่สบาย แล้วต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลของเธอ เห็นเธอมาตรวจโรคให้ด้วยทีท่าเคร่งขรึม ก็อดที่จะคิดถึงทีท่าตอนที่เล่นด้วยกันตอนนี้ไม่ได้
‘หมอแน่ใจเหรอครับว่าตรวจได้’ โดยเฉพาะเด็กชายองศา ที่ลบภาพลุยน้ำ ลุยโคลน เล่นเป็นเด็กของสู่ขวัญไปจากสมองไม่ได้ บางทีก็ไม่กล้าจะให้เธอรักษา
‘เดี๋ยวแม่ก็สั่งพยาบาลฉีดยาสักสามเข็มเลยไอ้นี่’ เธอว่าไปอย่างนั้น แบบกระซิบกระซาบเสมอ พอให้ได้ยินกันแค่สองคน
เพราะต่อให้เธอจะรักความสนุกในการเล่นซนกับพวกเด็กๆ แค่ไหน ภาพลักษณ์และการวางตัวก็ต้องมาก่อน!
“อื้อหือ หอมจัง...แกนี่มันฝีมือไม่เคยตกจริงๆ ว่ะโชค” เด็กชายนำโชคยิ้มจนเห็นฟันขาว เมื่อถูกพี่สาวที่เคารพเอ่ยปากชม
นำโชคอายุ 11 ปี เป็นคนตัวสูง ผิวขาว ติดไปทางอ้อนแอ้นเล็กน้อย แต่ชอบทำอาหารและไม่ชอบที่จะเล่นโลดโผนจนเกินควรเหมือนคนอื่น รับหน้าที่เพียงแค่ดูแลอาหารการกินให้ทุกคนเท่านั้น
“อย่าเรียกว่าไอ้โชคจ้ะลูกพี่ ให้เรียกว่า...ขุ่นแม่โชค ถึงจะถูกจ้า!” เด็กหญิงสีน้ำ เด็กผู้หญิงหนึ่งเดียวของแก๊งว่าพร้อมหัวเราะแรง จนนำโชคต้องโยนใบตองใส่
“ฉันเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง!” แล้วสงครามระหว่างสองคนก็ได้เกิดขึ้น จนทุกคนต้องหัวเราะพร้อมส่ายหน้า แต่ในชนิดที่ไม่ได้จริงจังหรือถือสา เพราะเล่นกันแบบนี้ จนเหมือนเป็นเรื่องปกติมาตลอด
แต่สู่ขวัญก็มักจะสื่อสารกับเด็กๆ ตลอดว่า ไม่ว่าจะเพศอะไร ทุกคนก็มีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ไม่จำเป็นจะต้องปกปิด
‘แต่ผมเป็นผู้ชายจริงๆ ครับพี่ขวัญ ไม่ได้เป็นเกย์หรือกระเทย’ แต่เด็กชายนำโชคก็ยังคงยืนยันแบบนั้นมาเสมอ
“ปิ้งปลาหอมมาก วางบนใบตองกุงยิ่งหอม” ปลายจมูกโด่งเชิดของสู่ขวัญ จ่อเข้ากับปลาตัวขนาดกลาง ที่สุกและติดไหม้บริเวณเกล็ดเล็กน้อย ก่อนสูดดมซ้ำๆ ให้สมกับที่ไม่ได้รับประทานแบบนี้มาหลายสัปดาห์
“หอมก็ทานเยอะๆ เลยนะจ๊ะลูกพี่...นี่จ้ะ อีกตัวหนึ่ง” คนนั่งเฝ้าพลิกปลาปิ้ง ที่อยู่ในหีบไม้ไผ่อย่างสีน้ำ ยื่นตัวที่สุกแล้วมาให้อย่างรู้หน้าที่
เพราะเด็กหญิงหนึ่งเดียว จะเป็นขาประจำหน้าเตาหินก่อ ที่จุดไฟได้เก่งไม่แพ้พวกผู้ชาย
“อื้อหือ ขอบใจมาก...ขอข้าวหน่อยอ๋อง ขอแจ่วด้วย เอามาคุ้ยให้มันสะใจหน่อย” แล้วเด็กๆ ก็พากันเสิร์ฟให้กับคนที่ทำงานติดกันมา 6 วันต่อสัปดาห์ แบบเพิ่งจะได้หยุดพัก เพราะช่วงนี้คนไข้ล้นโรงพยาบาล
การได้พักผ่อนในรูปแบบที่ไม่ต้องปั้นหน้า ดีพร้อม เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป แบบสุดขั้ว...ทำให้ความแน่นเครียดในกายเธอ ได้คลายออก
ออกจนไม่เหลือคราบแพทย์หญิง ที่เป็นที่รักและเคารพของคนทั้งจังหวัดเลยสักนิด!
“ถือว่าเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ...” น้ำเสียงแหบห้าวของชายร่างอวบใหญ่ ที่มีสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง โผล่โค้งกลมมน ยื่นออกมาจนดันขอบโต๊ะรับประทานอาหาร
“มีอีกหลายข้อเสนอ สามารถเลือกได้ตามใจ” น้ำเสียงทุ้มกังวานจากคนที่ดูควบคุมอารมณ์ได้นิ่งกว่า ดังเสริมขึ้นแบบไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดจบ จนคนที่คิดว่าตัวเองได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากเรื่องนี้แน่ พยักหน้าออกมาอย่างพึงใจ
“เอาเป็นว่า อั๊วจะพยายามช่วยลื้ออย่างเต็มที่ก็แล้วกันนะอาเหม” ความเจ้าเล่ห์ที่ติดมาออกในประโยคนั้น ไม่ได้ทำให้แววตานิ่งเคลื่อนไหวและไม่ยอมขยับร่างกาย แม้ว่าเจตนาที่ส่งมา คือการบอกลาก็ตาม
เสี่ยวิคง ดำรงรุ่ง สะดุดเล็กน้อย เมื่อเห็นประกายวูบอันน่าเกรงขาม ในแววตาของคนอายุรุ่นลูก ก่อนที่จะยิ้มเยือนเจือจาง
“แต่ก็ไม่แน่ ถ้าลื้อทำตามข้อเสนอของอั๊วได้...อั๊วก็จะสามารถให้ความช่วยเหลือลื้อในทันทีได้”
คราวนี้ เหมันต์ โชควิลาส คลี่มุมปากออกเล็กน้อย...แววตาดูผ่อนคลายขึ้น
“ว่ามาสิครับ” น้ำเสียงที่แสดงออกถึงการรับปากไปเรียบร้อยแล้วนั้น ทำเอาเสี่ยวิคงหัวเราะร่วนเชิงชอบอกชอบใจ
“ลื้อนี่มันสมกับที่เขาล่ำลือกันจริงๆ เฮ้ย รินน้ำชาให้อาเหมหน่อย เอาของว่างมาเยอะๆ อั๊วกับอีมีเรื่องที่จะต้องคุยกันยาว ฮ่าๆ”
มีคนเคยบอกเหมันต์ว่า โลกของนักธุรกิจเต็มไปด้วยเรื่องของผลประโยชน์
แต่แท้ที่จริงแล้ว
ไม่ใช่แค่โลกของนักธุรกิจหรอก...ที่เห็นแก่ผลประโยชน์
มันเห็นแก่ผลประโยชน์ กันหมดทั้งโลกนั่นแหละ!