บท
ตั้งค่า

16 เรื่องที่ฝืน

พิธีบวชชีพราหมณ์ได้เสร็จสิ้นแล้ว

แขกเหรื่อทยอยพากันกลับไปหมด ผู้บวชในชุดนุ่งขาวห่มขาวเป็นสาวชีพราหมณ์ ได้แต่นั่งหน้าง้ำ เพราะแผนที่วางไว้ได้ล่มไม่เป็นท่า

สร้อยทองถือโอกาส เข้าหาพระขอฤกษ์ยามแต่งงานให้บุตรสาว ทั้งที่รู้ว่าเธอไม่เต็มใจ

“เหนื่อยไหม” สุ้มเสียงโทนเย็น ดังมาจากด้านหลัง ทำเอาคนที่กำลังเตรียมหนังสือสวดมนต์สำหรับเย็นนี้ ต้องหันไปมอง

“ไม่เท่าไหร่ค่ะ” ตอบไปตามตรง เพราะเธอไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่า เข้าพิธีต่างๆ ตามที่เจ้าภาพได้จัดการเอาไว้ คิดไปแล้วก็อดโกรธขึ้นมาอีกไม่ได้...

ไม่น่าพลาดเลย!

“แม่ชีหมายถึงจิตที่ครุ่นคิดไม่รู้จบน่ะ...เหนื่อยไหม” คราวนี้สู่ขวัญสะดุดกึก ดวงตาไหววูบ... น้ำตาพานจะไหล

“ฮือ...คุณป้า” เธอโผเข้ากอดท่าน เหมือนตอนเด็กๆ ที่มีปัญหากับมารดาทีไร ก็จะวิ่งมาหา ฟูมฟายฟ้องท่าน

“ป้าเข้าใจนะ...ว่าหนูไม่ได้อยากให้เรื่องมันออกมาเป็นอย่างนี้ แต่คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเกิด ทุกผลมีเหตุเสมอ” ฝ่ามือเหี่ยวลูบไปยังศีรษะของสาวไม่รู้จักโตด้วยความรู้สึกรักใคร่

“ขวัญรู้ค่ะ ว่าขวัญผิดเอง ขวัญเป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่ผูกมัดขวัญแบบนี้...ขวัญเสนอเรื่องนี้ เพราะอยากจะเอาไว้ต่อรองแม่ แต่ดันผิดแผน แม่เอาเรื่องนี้มาผูกมัดขวัญเข้าซะเอง” สร้อยสังวาลส่งยิ้มโปรยระเรื่อ ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนแต่ก็แสนจะเข้าใจ

“แล้วจะทำยังไงต่อไป” นอกจากจะไม่ออกความเห็น แล้วยังให้คำถามชวนคิด...จนเธอต้องกอดกระชับท่านมากขึ้น

“ขวัญขออยู่บวชที่นี่ตลอดชีวิตได้ไหมคะ บวชจริงจังเหมือนแม่ชีไปเลย”

“ยังไม่เข็ดอีกหรือ” สวนกลับทันทีด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หากแต่สะเทือนคนฟังจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้ สู่ขวัญเงยหน้าขึ้นมองแม่ชี เหมือนเด็กขี้แยที่พร้อมจะร้องไห้

แต่นอกจากแม่ชีจะไม่ได้สนใจ ยังพูดต่อว่า...

“การบวชไม่ใช่การหนีปัญหา ก็เห็นแล้ว...ว่าแผนคราวก่อนที่ล่มไป เพราะเป้าหมายของตนไม่บริสุทธิ์

การบวชถือเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ จิตของผู้บวชต้องบริสุทธิ์โดยแท้ พอไม่บริสุทธิ์ ก็เกิดเรื่องตามมา เห็นหรือยัง ว่าผลของมันเป็นอย่างไร” เป็นการสอนจริงจังที่ไร้รอยยิ้ม หากแต่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา

“แม่ชีไม่ได้กำลังต่อว่า แต่กำลังชี้ชวนให้เห็น...”

“ขวัญรู้ค่ะว่าขวัญผิด ขวัญทำให้เรื่องมันบานปลายและผูกรัดตัว แต่สิ่งที่แม่ทำ มันก็ไม่ได้ถูกต้องนะคะ”

“จ้ะ แม่ชีรู้ว่าสิ่งที่แม่เขาทำ มันไม่ถูกต้อง” สู่ขวัญผละออกจากอ้อมกอดท่าน เพื่อตั้งใจฟังคำสอนของท่านอย่างเต็มที่

“แต่มันก็มีอีกหลายวิธีที่ควรเลือกตอบโต้ เมื่อหลานตัดสินใจที่จะใช้วิธีนี้แล้ว หลานก็ต้องเป็นไปตามผลของมัน”

“หมายความว่า แม่ชีไม่ได้เห็นด้วยตั้งแต่แรกเหรอคะ เรื่องที่ขวัญจะบวช” สร้อยสังวาลยิ้มรับ ลูบไปยังศีรษะของหลานรัก

“มีอีกหลายเรื่องเลยที่แม่ชี ไม่เห็นด้วยกับหนู”

“แต่ที่แม่ชียอมให้หนูได้ลองทำ เพราะแม่ชีอยากให้หนูได้เรียนรู้ถึงบทเรียนด้วยตัวของตัวเอง” นี่คือสิ่งที่สู่ขวัญไม่เคยทราบมาก่อน เธอคิดว่าแม่ชีสนับสนุนในทุกทางเลือกของตัวเองมาตลอด

“เรื่องไหนบ้างเหรอคะ?” เธอไม่รู้สึกโกรธท่าน แต่รู้สึกผิดมากกว่า ที่ตัวเองไม่ยอมโตสักที

“การเปิดโรงพยาบาล แม่ชีรู้ว่าที่หนูทำไป เพราะอยากกลับมาอยู่บ้าน อยากให้แม่เขายอมให้ลาออก ทั้งที่หนูไม่ชอบงานบริหาร ไม่ชอบที่จะต้องมีภาพลักษณ์เพียบพร้อม...และไม่อยากที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารโรงพยาบาลจริงจังมาก่อน” สู่ขวัญอึ้งไปกับความคิดเห็นของแม่ชี ที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน

“มีหลายเรื่องที่หนูเลือกทำ เพราะว่าอยากจะได้บางอย่าง ซึ่งตรงข้ามกัน...เช่นในวันนี้ที่หนูยอมบวช เพียงเพราะไม่อยากจะแต่งงาน แล้ววันนี้แม่ชีคิดว่ามันเหมาะสมแล้ว ที่หนูจะต้องได้เรียนรู้ในสิ่งที่ทำมาทั้งหมด ว่ามันถูกมันควรหรือไม่”

น้ำเย็นๆ ที่ค่อยลูบอย่างตรงไปตรงมาจากผู้ใหญ่ที่เคารพ ทำเอาน้ำตาหญิงสาวรินไหล

“ขวัญขอโทษนะคะคุณป้า...ที่ขวัญสร้างปัญหามาตลอด” แล้วเธอก็ก้มลงกราบแทบตักท่าน อย่างรู้สึกผิดจริงแท้

มันก็จริงของท่าน ที่ผ่านมา เธอมัวแต่ทำในสิ่งตรงกันข้าม เพื่อให้ได้บางสิ่ง แต่ไม่เคยทำในสิ่งที่ตรงไปตรงมาเลยสักครั้ง

“แต่ก็ใช่ว่า ทั้งหมดที่หนูเลือกทำมันผิดหรอกนะลูก บางเรื่องมันก็เป็นบทเรียนอย่างดีและมีหนทางใหม่ให้เราลองได้ทำมันดูได้”

“แม่ชี...มีอะไรจะแนะนำขวัญเหรอคะ?” แม่ชีผู้มีศีรษะเกลี้ยงเกลา คลี่ยิ้มเจือจาง

“หมอขวัญเป็นคนเก่ง เป็นคนมีความสามารถ แต่ลึกๆ ขาดความเชื่อมั่น ที่โหยหาชีวิตในวัยเด็กอยู่ทุกวัน เพราะคิดว่าตัวเองได้สูญเสียมันไป ตั้งแต่เลือกที่จะสอบเข้าแพทย์...แบบรู้เป้าหมายตั้งแต่ชั้นประถม” การวิเคราะห์ที่ถูกเผงจากแม่ชี ทำเอาเธอต้องพยักหน้า

“หมอขวัญไม่เคยเชื่อมั่น และต้องการคำแนะนำอยู่เสมอ ซึ่งมันเป็นคุณสมบัติที่ไม่เหมาะเลยสำหรับผู้บริหาร” สู่ขวัญทราบว่า สร้อยสังวาลเคยทำงานเป็นเลขาท่านประธานของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง เมื่อหลายสิบปีก่อน

นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ท่านมีวิสัยทัศน์ในเรื่องพวกนี้

“ไอ้ครั้นจะเรียนรู้เพิ่มเติมให้ดีขึ้น หนูคิดว่า...หนูจะทำได้แค่ไหน”

คนพยายามจนสุดตัวมาแล้ว รีบส่ายหน้า

“มันไม่ใช่ทางของขวัญจริงๆ ค่ะ”

“แล้วคิดว่าต่อไปภายหน้า โรงพยาบาลจะอยู่ได้ไหม ถ้าผู้บริหารรู้สึกว่ามันไม่ใช่ทาง” เธอส่ายหน้า อย่างรู้ชะตาของโรงพยาบาลปัญญาภูมิในอนาคต

“และแม่เขาก็เล็งเห็นปัญหานี้ จนต้องใช้วิธีแก้ปัญหาอย่างนั้น” คนอคติกับมารดามาเสมอ ไม่อยากจะเชื่อว่าสร้อยทองจะมีความรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน

“แก้ปัญหา โดยให้หนูแต่งงานกับอีตานั่นเหรอคะ?”

“แล้วหนูคิดว่า ควรจะแก้ปัญหาด้วยวิธีไหนล่ะ ที่จะดีกว่า” คนที่ไม่รู้อยู่ทุกวันเหมือนกันว่าตัวเองจะแก้ยังไง สลดลง

“แต่เขาเป็นคนไม่ดีนะคะ”

“แม่ชีว่าเราอย่าเพิ่งตัดสินใครจากคำพูดคนเลยนะลูก ถ้ายังไม่พร้อมก็ขอศึกษาพี่เขาดูก่อน ค่อยตัดสินใจก็ไม่เสียหาย”

“ไม่ทันแล้วมั้งคะ แม่ได้ฤกษ์ไปแล้ว คงรีบพิมพ์การ์ดผูกมัดไปแล้วแน่ๆ”

“ก็เพราะว่าเรา ไม่คิดที่จะใช้วิธีเจรจาตั้งแต่แรกยังไงล่ะ” เมื่อถูกตำหนิตามตรงมาหลายดอก คนขี้อ้อนก็ใช้วิธีโอบกอด ซบหน้าตักท่านอย่างที่เคยชอบทำ

“นี่หมายความว่า ยังไงขวัญก็จะต้องแต่งงานกับเขา จริงๆ นะเหรอคะ?” คิดแล้วน้ำตาก็ไหล อาบทั้งสองแก้ม

“แม่ชีรู้ ว่าการแต่งงานมันเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับคนอย่างหมอขวัญ ที่ไม่เคยฝืนทำอะไรมาก่อนเลยในชีวิต...”

“เคยนะคะ เคยเยอะเลย” เธอเถียงเข้าด้วยน้ำเสียงอ้อน จนถูกแม่ชีตีไปหนึ่งที แบบไม่ได้จริงจัง

“เคยแต่ก็เอาคืนอีกทาง อย่างสาสมตลอด เวรไม่เคยถูกระงับ มีแต่สร้างกรรมมารองรับ ทุกครั้งสิน่า” แล้วแพทย์หญิงผู้ไม่รู้จักโต ก็หัวเราะเชิงยอมรับ อย่างหาอะไรไปเถียงไม่ได้

“ถือซะว่า...ให้เรื่องนี้เป็นเรื่องฝืนเรื่องแรกในชีวิต แต่แสนจะยิ่งใหญ่ ชดใช้กับเรื่องที่ไม่เคยฝืนตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ดีไหม”

“แต่ตอนเรียนแพทย์ ก็ฝืนสุดๆ เหมือนกันนะคะ”

“แล้วเป็นการฝืนที่แย่ไหม ไม่ดีกับชีวิตรึเปล่า” ส่ายหน้าแบบไม่ลังเลเลยสักนิด สู่ขวัญรู้สิวิชาชีพแพทย์ให้อะไรกับเธอบ้าง

“ไม่แย่ แถมยังรักไปเรียบร้อยแล้วค่ะ” เธอยอมรับว่าตัวเองไม่ชอบที่จะต้องทำตัวให้น่าเชื่อถือ แต่มันก็ไม่ได้แย่ มันก็เป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เธอยินดีและยินยอมจะทำ แต่ขอให้ได้ไปทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำจริงๆ บ้าง สัปดาห์ละครั้งก็ยังดี

“นั่นไง ไม่แน่นะ...แม่ชีว่าวันหนึ่ง เรื่องฝืนครั้งใหญ่ในชีวิตหนนี้ อาจจะถูกพูดถึงในวันหน้าว่า ไม่แย่ แถมยังรัก...”

“ไม่มีทางแน่นอนค่ะ! ยังไง ขวัญก็ไม่มีทางที่จะรักอีตานั่นเด็ดขาด”

“เด็ดให้ขาด...ด้วยล่ะ แม่ชีจะรอดู”

“หือ แม่ชีน่ะ...บทจะไม่เข้าข้างก็ไม่เข้าข้างสักนิดดด เลยนะคะ!” แล้วคนสองคนที่ผูกพันกัน ก็กอดคลอเคลียกันอยู่สักพัก พูดคุยสัพเพเหระที่ไม่ได้พูดอีกหลายเรื่อง

แล้วสู่ขวัญก็ตัดสินใจได้ว่า ตัวเองจะต้องลุกขึ้นมาทำอะไร อย่างน้อยก็ปฏิวัติตัวเองใหม่

‘คนเราเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าตั้งใจจะเปลี่ยน’

คำพูดนี้ของแม่ชี ทำให้เธอสัญญากับตัวเองว่า เอาวะ ลองดูสักตั้ง
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel