บทที่ 18 ผีน้ำ
“ไม่.รู้แค่เราสามคนแค่นี้ก็พอแล้ว ฉันไม่เชื่อว่าเรื่องที่เกิดกับฉันมันจะเป็นความจริงโดยเฉพาะเรื่องน้ำข้างทางนั่น” หญิงสาวหน้าซีดเมื่อคิดถึงภาพเหลือเชื่อเมื่อคืน
“ดีแล้ว” วนัชพูดสั้นๆ เดินไปที่โต๊ะทำงานของเขา หยิบแผ่นดิสงาน เดินไปที่ประตู
นิสาลักษณ์กับกิตติมองหน้ากันก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง หยิบงานที่เจ้านายต้องการแล้วเดินตามวนัชออกจากห้อง
ดลมนัสอ่านข่าวคร่าวๆ แล้วถอนใจ เขามองหน้านิสาลักษณ์
“คู่แค้นแกเข้าคุกแล้ว อย่าไปโกรธเขาล่ะ”
“ค่ะพี่ ” หล่อนยิ้ม ถ้าดลมนัสรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับหล่อนจะให้หล่อนเลิกโกรธเสี่ยอู๊ดอย่างนี้รึเปล่า
“ทีนี้มาคุยเรื่องงานกัน เมื่อวานเรียบร้อยทุกคนรึเปล่า”
“ของผมเหลือนิดเดียวครับ อีกสักสองชั่วโมงน่าจะเรียบร้อย” วนัชตอบเจ้านายก่อนเพื่อน
“ผมด้วยครับ” กิตติยกมือ
“แกล่ะยัยลักษณ์”
“เสร็จแล้วค่ะแต่ขอตรวจความเรียบร้อยอีกนิดค่ะ”
“พอกัน งั้นอย่างด่วนเที่ยงนี้พี่ต้องได้งาน เออ เย็นนี้ใครว่างบ้างไปงานกับพี่หน่อย”
ดลมนัสมองหน้าลูกน้องจากวนัชจนถึงนิสาลักษณ์แต่ไม่มีใครพยักหน้าหรือยกมือรับคำชวนของเขา วนัชยิ้มแล้วพูดขึ้น
“ผมจะไปเยี่ยมพ่อครับ เมื่อคืนฝันไม่ค่อยดีไม่รู้ป่วยรึเปล่า ตั้งใจจะชวนไอ้ติกับยัยลักษณ์ไปด้วยครับ”
“ตกลงไม่มีใครว่าง พี่ไปคนเดียวก็ได้วะ ยัยลักษณ์เอางานนี่ไปทำ เขาเอาด่วนด้วยนะ สองวันเสร็จมั้ย”
“โหพี่ ลักษณ์ยังไม่ได้ดูรายละเอียดเลยจะนัดวันเอาแล้วเหรอ มันไม่โหดไปรึไง” นิสาลักษณ์เสียงดังใส่เจ้านาย ดลมนัสหัวเราะแล้วว่า
“แกทำงานเร็วไม่ใช่เหรอ”
“เร็วได้ไม่ดีเอามั้ยล่ะ”
“แกเป็นเจ้านายหรือว่าพี่วะยัยลักษณ์ เดี๋ยวเขกกะโหลก”
ดลมนัสยกมือทำท่าจะเขกศีรษะนิสาลักษณ์ไปอย่างนั้นเองแต่เขาไม่เคยทำให้ลูกน้องเจ็บตัว เขาเลื่อนแฟ้มให้หล่อนแล้วหันมามองวนัชกันกิตติ
“นัช อาทิตย์หน้าทำตัวให้ว่างแกด้วยติ พี่จะพาไปดูงานต่างจังหวัด ญาติคุณแม่พี่เขาจะทำรีสอร์ท คุณแม่ให้พี่รับสร้างแบบ”
“พี่ก็สร้างเองสิ แปลนบ้านพักรีสอร์ท ง่ายๆ เอง” กิตติเอ่ยขึ้น
“แกกับไอ้ติสองคนช่วยพี่ งานนี้ด่วน”
“ด่วนอีกแล้ว ด่วนทั้งปีแหละ” กิตติเหน็บแนมเจ้านาย ดลมนัสหันมาจ้องหน้า
“ไอ้ติมึงจะเอามั้ยงานนี้น่ะถ้าไม่เอากูทำสองคนกับไอ้นัชได้”
“เอาครับพี่ ผมล้อเล่น” ลูกน้องหนุ่มทำเสียงอ้อนเรียกรอยยิ้มให้กับนิสาลักษณ์และวนัช ยกเว้นดลมนัสที่ทำงอนค้อนขวับ วนัชจึงว่า
“สงสารมันเถอะครับ ยิ่งยากจนอยู่ ถ้าพี่ไม่ให้งานมันทำรับรองไม่มีเงินขอเมียแน่ครับ”
“เฮ้ย ไอ้ติจะขอเมีย ใครคือผู้หญิงโชคร้ายคนนั้นวะ” หนุ่มใหญ่หันมาจ้องหน้ากิตติและเหน็บแนมกลับไปบ้าง เสียงหัวเราะดังขึ้น
“ไอ้นัชมันก็พูดไป ใครจะมาสนใจผมล่ะพี่ จะจีบน้องวรรณซะหน่อยก็มีแฟนซะแล้ว เลยต้องอยู่ยังงี้เหมือนพี่ไง” กิตติได้ทีย้อนกลับไปที่เจ้านายหนุ่ม
“ย้อนนะมึง งานนี้ไม่ให้ซะดีมั้ง” ดลมนัสชี้หน้าลูกน้องแต่ไม่ได้โกรธอย่างที่แสดงกิริยาออกมา
การพูดคุยเรื่องงานจบลงในไม่กี่นาที วนัชเดินออกจากห้องก่อนตามด้วยนิสาลักษณ์และกิตติ วนัชเดินกลับเข้าห้องทำงาน สมองของเขาไม่ได้คิดถึงงานแต่กลับคิดถึงน้ำข้างถนนเมื่อคืน ตาเขาไม่ฝาดสิ่งที่เขาเห็นเกิดขึ้นจริงๆและเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
“นัช เย็นนี้แกจะไปหาพ่อแกจริงเหรอวะ บ้านแม่ใหม่แกอยู่ไหนวะ” กิตติเอ่ยขึ้นโดยไม่สังเกตสีหน้าเพื่อนรัก
“อยู่เลยบ้านยัยลักษณ์ไปนิดเดียว”
“เฮ้ย จริงเหรอวะ ทำไมแกไม่บอกฉันบ้างล่ะฉันจะได้ไปทักทายพ่อแกบ้าง เก็บเงียบเชียวนะ”
นิสาลักษณ์ต่อว่าทันที
“ฉันก็เพิ่งรู้ตอนที่ไปบ้านแกเมื่อคืนนั่นแหละ บ้านแม่เลี้ยงฉันเลยบ้านแกไปสองซอย”
“เหรอ งั้นเย็นนี้ฉันไปด้วย” นิสาลักษณ์ยิ้มรื่น ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองไปโดยปริยาย
วนัชยิ้มบาง เขาหวังลึกๆ ว่าพ่อคงไม่เป็นอะไร ความฝันเมื่อคืนขอให้เป็นเพียงความฝันอย่าให้พ่อของเขาเป็นอะไรเลย
รถเก๋งสามคันแล่นตามกันออกจากตึกสูง นิสาลักษณ์พารถคู่ใจนำทางวนัชและกิตติ พอถึงจุดที่เกิดเหตุร้ายกับหล่อน หล่อนชะลอรถแล้วเลื่อนกระจกด้านข้างลง สายตามองไปยังข้างถนน น้ำใสสงบนิ่ง ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ให้เห็น
วนัชชะลอรถตามคันหน้า เขามองตรงที่เห็นน้ำรวมตัวเป็นรูปร่างคนแล้วถอนใจเฮือกใหญ่เลื่อนกระจกรถขึ้นเร่งความเร็วตามรถนิสาลักษณ์ กิตติส่ายหน้าไม่เข้าใจการกระทำของเพื่อนทั้งสอง เขาเหยียบคันเร่งตามวนัชแต่ฉับพลันนั้นหางตาของเขาก็เห็นอะไรบางอย่างข้างทางพุ่งขึ้นสู่ยอดต้นธูปฤๅษี เขาหันขวับแล้วก็ต้องเบิกกว้างอย่างตกใจ
“เฮ้ย!”
“เอี๊ยดดดดดดด…!!”
เสียงเบรกดังสนั่น รถหมุนคว้างแล้วจอดสนิท คนขับเหงื่อซึมทั่วใบหน้า หัวใจเต้นผิดจังหวะ ลมหายใจเหมือนจะหยุดลงเดี๋ยวนั้น
“อะไรวะ ตัวอะไรวะ ผะ ผะ ผี รึเปล่าวะ”
ชายหนุ่มพึมพำเสียงสั่น รถของเขาขวางถนนหาทิศทางไปไม่ถูก วนัชมองกระจกส่องหลังตั้งแต่ได้ยินเสียงเบรกแว่วเข้ามาในรถ เขาเปิดไฟฉุกเฉินส่งสัญญาณให้นิสาลักษณ์รับรู้ หญิงสาวเลยไปไกลแต่ก็ยังเห็นไฟหน้ารถวนัช หล่อนแอบรถเข้าข้างทาง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พอดีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“มีอะไรเหรอนัช”
“ไม่รู้ รถไอ้ติจอดขวางถนน มันเบรกดังลั่นเลย”
“เออๆ งั้นเดี๋ยวฉันเลี้ยวกลับ แกถอยไปดูมันก่อน” นิสาลักษณ์โยนโทรศัพท์ลงกระเป๋าถือแล้วเปิดไฟเลี้ยวรถกลับทางเดิม
วนัชเลี้ยวรถมาจอดชิดริมถนนด้านขวามือของเขา กิตติมีปัญหาอย่างแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าปัญหาที่เกิดกับเพื่อนนั้นคืออะไร เขาเปิดประตูรถก้าวลงรวดเร็วแล้ววิ่งเข้าไปที่รถกิตติ
“ติ ติ” เขาเรียกเพื่อนพร้อมกับเคาะกระจกประตูด้านคนขับ
“เฮ้ยติ เป็นอะไรวะ” เขาเคาะอีกเมื่อกิตติยังนั่งนิ่ง
“เปิดประตูสิวะ” วนัชเคาะแรงขึ้น เพื่อนรักของเขาเป็นอะไร เท่าที่มองกระจกส่องหลังขณะได้ยินเสียงเบรก ไม่มีรถสวนรถกิตติสักคันและไม่มีรถแซงมาเช่นกัน เรื่องอุบัติเหตุกับรถคันอื่นนั้นตัดทิ้งไปได้ถ้าอย่างนั้นเพื่อนของเขาเบรกจนรถหมุนเพราะอะไร
นิสาลักษณ์วิ่งเข้ามาหาวนัช หล่อนมองเข้าไปในรถซึ่งกิตติยังคงนั่งนิ่ง
“มันเป็นอะไรนัช”
“ไม่รู้ เรียกมันก็ไม่ยอมเปิด”
นิสาลักษณ์มองเพื่อนในรถไม่เห็นชัด หล่อนมองไปด้านหน้ารถ เดินเร็วๆ ไปยืนข้างดวงไฟแล้วตบกระโปรงหน้ารถแบบไม่กลัวว่ารถเพื่อนจะบุบลงตามแรงตบของหล่อนหรือไม่
“ไอ้ติ เปิดประตู” วนัชตบกระจกไม่หยุดเช่นกัน
กิตติเห็นนิสาลักษณ์ทุบรถของเขาก็แทบจะหายช็อค เขาลดกระจกลงทันที
“เฮ้ย แกจะบ้ารึไงยัยลักษณ์ รถฉันพังนะโว้ย”
“ไอ้บ้าติ แกเป็นอะไรวะ” วนัชเสียงดังใส่เพื่อนเพราะความเป็นห่วง
“มึงถอยรถไปจอดโน่นเลยนะ” นิสาลักษณ์เสียงดังพอกับวนัช
หล่อนเป็นห่วงกิตติและเพราะความเป็นห่วงทำให้หล่อนพูดจากับเขาไม่เพราะเท่าไรนัก อาจเป็นความคุ้นเคยที่ใช้คำว่ามึงกูบ่อยก็เป็นได้แต่ที่สำคัญหล่อนเป็นห่วงเขามาก
