บท
ตั้งค่า

บทที่ 17 เสี่ยอู๊ด

ประตูห้องทำงานเปิดออก นิสาลักษณ์ก้าวเข้ามาตามด้วยกิตติ ใบหน้าของทั้งคู่ไม่มีรอยยิ้มเปื้อนอยู่เช่นทุกครั้งที่โผล่หน้าเข้าออฟฟิศ ถ้าไม่มีเสียงทักทายดังลั่นก็ต้องมีรอยยิ้มร่าเริงแจ่มใสของกิตติมาให้ยิ้มตามกันทุกคนแต่นี่ไม่มีคำทักทายและรอยยิ้มกวนๆ ของเขา

วนัชวางถ้วยกาแฟที่จิบไปนิดเดียว มองหน้าเพื่อนอย่างไม่เข้าใจกับสีหน้าเคร่งเครียดของทั้งคู่ กิตติเดินไปทิ้งตัวบนเก้าอี้ตัวยาว นิสาลักษณ์เดินมานั่งเก้าอี้เดี่ยว อาการไม่ต่างจากกิตติ

“เป็นอะไรวะทำหน้ายังกับถูกเจ้าหนี้ตามทวงทั้งต้นทั้งดอกงั้นแหละ” วนัชทักเพื่อนทีเล่นทีจริง

“หนักกว่านั้น” กิตติตอบโดยไม่หันมามองเพื่อน

“หนักกว่านั้น เรื่องอะไรวะ” วนัชจ้องหน้ากิตติแล้วหันไปมองนิสาลักษณ์อย่างไม่เข้าใจ

“แกน่าจะอยู่เป็นเพื่อนยัยลักษณ์แทนฉัน แกจะได้รู้ว่ามันหนักแค่ไหน”

กิตติพ่นลมหายใจพรวด นิสาลักษณ์ยังนั่งนิ่งเช่นเดิมซึ่งปกติหญิงสาวจะไม่นิ่งเช่นนี้ วนัชมองหน้าหล่อนแล้วถาม

“ยัยลักษณ์เกิดอะไรขึ้น แกเห็นน้ำอีกเหรอ”

“เปล่า แม่ให้ฉันหมั้นกับไอ้ติ”

“หา..” วนัชร้องกับคำตอบของเพื่อนสาว เขาหันไปมองกิตติ

“จริงเหรอวะติ”

“ถ้าโกหกฉันจะมานั่งหน้าเซ็งยังงี้เหรอ หากาแฟกินดีกว่า”

พูดจบลุกจากเก้าอี้เดินไปโต๊ะเครื่องดื่ม นิสาลักษณ์มองตามแล้วหันมามองวนัช

“นัช ช่วยคิดทีสิ ฉันจะพูดให้แม่เปลี่ยนใจยังไง ไอ้ติมันจะบ้าอยู่แล้ว”

“ให้มันบ้าไป แค่หมั้นหลอกๆ ไม่เห็นเป็นไร” วนัชเอ่ยเหมือนเรื่องที่เพื่อนบอกไม่ใช่เรื่องใหญ่

กิตติมองมาจากโต๊ะกาแฟ นิสาลักษณ์จ้องหน้าคนพูด

“หลอกๆ เหรอวะ”

“เออ หลอกๆ แม่คงเห็นแกนอนกอดกับไอ้ติล่ะสิ ก็แกอยากใจอ่อนเองนี่หว่าไอ้ติ แกให้ยัยลักษณ์มันนอนกอดแกทั้งคืนทำไม ทำไมไม่ไล่ให้มันขึ้นไปนอนบนห้อง”

วนัชโทษกิตติที่ทำให้ปัญหานี้เกิด เขาคาดเดาว่าเพื่อนทั้งสองของเขาต้องนอนด้วยกันซึ่งเป็นอย่างที่เขาคิดทุกอย่าง กิตติถือแก้วกาแฟเดินเร็วๆ มายืนตรงหน้าเพื่อน

“กูผิดงั้นสิ ทำไมกูจะไม่ไล่มันขึ้นไปนอน แต่มันไม่ไป มันกลัวบ้าบออะไรก็ไม่รู้ น้ำเปล่าในแก้วมันยังไม่กล้ากินแล้วมึงจะให้กูทำยังไง มันกลัวจริงๆ นะโว้ย กอดกูแน่นยังงั้นจะให้กูใจแข็งถีบมันออกไปรึไง”

“ไม่ใช่แค่น้ำเปล่า” วนัชเอ่ยลอยๆ สายตามองตรงไปข้างหน้า ภาพเมื่อคืนเด่นชัดในมโนสำนึก ไม่ใช่น้ำธรรมดาอย่างที่นิสาลักษณ์เล่าให้เขากับกิตติฟังจริงๆ แต่เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นภาพจริงไม่ใช่ภาพลวงตาเขา

“นัช พูดอะไร แกเห็นอะไร” นิสาลักษณ์ลืมเรื่องของตัวเองกับกิตติไปชั่วขณะ หล่อนหันมาจ้องหน้าวนัช รอคำตอบจากปากเพื่อน

“ฉัน..” ชายหนุ่มพูดไม่ออก เขาควรบอกเพื่อนดีหรือไม่

“ฉันอะไรไอ้นัช แกเห็นอะไร เห็นเหมือนที่ลักษณ์เล่าเหรอ” กิตติพลอยตื่นเต้นไปกับคำพูดมีเลศนัยของเพื่อนไปด้วย เขาเดินมานั่งข้างเพื่อน วางแก้วกาแฟบนโต๊ะอย่างไม่สนใจ

“ไม่มีอะไร” วนัชตอบออกมาในที่สุด เขาจะไม่ทำให้นิสาลักษณ์กลัวมากกว่านี้

“ไอ้บ้า..พูดซะจนฉันหัวใจจะวาย” นิสาลักษณ์ลุกเดินไปชงกาแฟให้ตัวเอง วนัชล้อหล่อนเล่นหล่อนเข้าใจอย่างนั้น กิตติค้อนให้เพื่อนหนุ่มแล้วคว้าแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ

วนัชยิ้มบาง เขาบอกเพื่อนไม่ได้ ถ้านิสาลักษณ์สร้างภาพเป็นความน่ากลัวอีกหล่อนไม่กล้ากลับบ้านแล้วอะไรจะเกิดขึ้น กิตติต้องรับผิดชอบเพื่อนสาวไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ เขายิ้มมากขึ้นเมื่อคิดถึงการหมั้นของเพื่อนทั้งสอง

“ไอ้ติ แม่ยัยลักษณ์ให้หมั้นเมื่อไหร่” วนัชแกล้งยั่วโมโหเพื่อน

“แกอย่ามายั่วฉันนะเดี๋ยวถูกเตะ” กิตติยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม สีหน้าไม่ดีขึ้น

“ล้อเล่นแค่นี้ทำโมโหไปได้นี่หว่า ที่ฉันถามเนี่ยไม่ใช่อะไรฉันจะหาทางออกให้แกกับยัยลักษณ์ไงวะ”

“มันไม่มีทางออกแล้วโว้ย”

“หมายความว่าไงวะ”

“หมั้นแล้ว” นิสาลักษณ์ตอบแทนกิตติ

“เฮ้ย ล้อเล่นรึเปล่า” วนัชถึงกับจ้องหน้าเพื่อนสลับกัน

“ถ้าล้อเล่นฉันจะทำหน้ายังงี้เหรอวะ แม่ยัยลักษณ์จับหมั้นก่อนที่ฉันจะออกจากบ้าน แถมให้ยืมแหวนด้วยนะโว้ย บอกว่าหาเงินซื้อแหวนสวยๆ ได้เมื่อไหร่ค่อยเอาแหวนท่านไปคืน”

กิตติชี้มือไปที่นิ้วนางข้างซ้ายนิสาลักษณ์ หล่อนยกมือขึ้นโชว์แหวนเพชรถึงเม็ดจะไม่ใหญ่แต่ก็สวยสมนิ้วหญิงสาว วนัชยิ้มขำๆ แล้วว่า

“เออดี ยัยลักษณ์จะได้หยุดปรายตาให้หนุ่มๆ ซะที ขายไม่ออกแน่แก”

“ฉันไม่ซีเรียสหรอกเดี๋ยวฉันถอดแหวนก็ทิ้งเบอร์ให้เด็กๆ ได้แล้วแต่ไอ้ติน่ะสิซีเรียสไม่เลิก แค่หมั้นหลอกๆ จะอะไรนักหนา” หล่อนว่าให้เพื่อนที่กลายเป็นคู่หมั้นชั่วคราว

“หลอกๆ ได้ก็ดี ถ้าแม่ไม่บังคับให้ไปส่งแกทุกวันฉันคงไม่ซีเรียสหรอก ฉันไม่ใช่แกนี่”

กิตติพาลใส่นิสาลักษณ์ หล่อนยิ้มไม่ตอบโต้ในตอนนี้เพราะเข้าใจเพื่อนว่าอึดอัดกับคำขอร้องของแม่หล่อนมากแค่ไหน

“นัช เมื่อคืนเป็นไง” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้กิตติได้ผ่อนคลาย

“เจอนักข่าว ตำรวจ เจ้าหน้าที่มูลนิธิ แล้วก็..” เขาหยุดทันทีเมื่อเห็นสายตาของนิสาลักษณ์

“ใคร เจอใครอีก” หล่อนถามเร็ว อยากรู้เรื่องโดยเฉพาะคำพูดที่วนัชหยุดไป

“ไม่เจอใคร นักข่าวบอกให้รออ่านข่าวเช้านี้แค่นั้น” ชายหนุ่มเลี่ยงให้คำตอบกับหญิงสาว

“งั้นฉันออกไปเอาหนังสือพิมพ์เอง” กิตติลุกจากเก้าอี้เดินออกจากห้อง ครู่เดียวก็กลับเข้ามาพร้อมหนังสือพิมพ์สามฉบับซึ่งพาดหัวข่าวไม่ต่างกัน

ภาพทุกภาพเหมือนกัน นิสาลักษณ์ถอนใจเฮือก ถ้าวนัชไม่ชวนกิตติตามหล่อน ภาพหญิงสาวนอนสลบไสลอยู่ใกล้ๆ กับพวกวายร้ายคงขึ้นหน้าหนึ่งรู้กันทั้งเมืองไปแล้ว

“โชคดีที่แกกับติไปเจอฉันก่อน ไม่งั้นวันนี้เพื่อนแกลงหน้าหนึ่ง” หล่อนเอ่ยออกมา

“อ่านรายละเอียดซิ” กิตติเปิดไปที่หน้าข่าวซึ่งเป็นรายละเอียดของเนื้อข่าวพาดหัว วนัชกับนิสาลักษณ์สนใจเช่นกันครู่ใหญ่พวกเขาก็เงยหน้าขึ้นมองหน้ากัน

“งานนี้ไอ้เสี่ยอู๊ดไม่รอดแน่” นิสาลักษณ์เอ่ยขึ้น ความโกรธแค้นยังคงกรุ่นอยู่ในใจ

“อโหสิให้เขาเถอะลักษณ์ ต่อไปแกไม่ต้องเข้าไปยุ่งกับพวกมันแล้วนี่”

“ก็อยากอโหสิเหมือนกันแต่อดโมโหไม่ได้ ถ้าน้ำ..” หล่อนหยุดพูดแค่นั้น ความรู้สึกกลัวเข้ามารุมเร้า หล่อนลุกจากเก้าอี้โผเข้ากอดกิตติไว้แน่น

“ยัยลักษณ์ ปล่อย” เขาแกะมือหล่อนออก

“ฉันกลัวนี่”

“กลัวบ้าอะไร ไม่มีอะไรแล้ว ปล่อยฉัน” กิตติทำตัวไม่ถูกเมื่อเพื่อนสาวกอดแน่นขึ้น

“กอดแค่นี้ไม่ได้รึไง ฉันเป็นคู่หมั้นแกนะ” หล่อนปล่อยเขาแต่เรียกร้องสิทธิ์การเป็นคู่หมั้นกับเขา

“คู่หมั้นหลอกๆ อย่าพูดมาก” เขาหงุดหงิดกับหล่อน

“ไอ้ติ แกก็อย่ามากเรื่อง ยัยลักษณ์ล้อเล่นแค่นี้ทำโกรธไปได้นี่หว่า” วนัชแย้งออกมา กิตติได้แต่ทำหน้าบึ้งเท่านั้น

ทุกคนเงียบเสียง ใช้สายตามองภาพหน้าหนังสือพิมพ์อีกครั้ง เสียงเคาะประตูดังขึ้นและคนเคาะก็เปิดเข้ามา

“คิดจะอ่านหนังสือพิมพ์หมดทุกฉบับเลยรึไงวะ” ดลมนัสเอ่ยก่อนที่คนในห้องจะทักทาย

“สวัสดีครับพี่ ไม่ได้คิดจะอ่านแต่อ่านทั้งสามฉบับ พี่เอาไปดูแล้วจะรู้ว่าทำไมพวกเราอยากอ่าน”

กิตติยกมือไหว้เจ้านาย วนัชกับนิสาลักษณ์ทำตาม

“มีเรื่องอะไรวะ” หนุ่มใหญ่เดินมายืนกลางห้อง

“เรื่องเสี่ยอู๊ด พี่อ่านดู” วนัชยื่นหนังสือพิมพ์ให้เจ้านาย

“เดี๋ยวค่อยอ่าน ตอนนี้พวกแกส่งงานฉันก่อน เอาไปที่ห้อง หนังสือพิมพ์ด้วย”

ดลมนัสชี้นิ้วไปที่หนังสือพิมพ์สามฉบับแล้วเดินกลับไปที่ประตู เปิดและก้าวออกไป วนัชมองหน้ากิตติกับนิสาลักษณ์แล้วลุกขึ้นก่อนเพื่อน

“ยัยลักษณ์ แกจะเล่าเรื่องเมื่อคืนให้พี่ดลฟังมั้ย” เขาถามเพื่อนสาว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel