ตอนที่ 3 ค่อย ๆ รู้จักกัน
“แน่ใจนะคะว่าโอเค” จิณณวัตหันไปถามนับดาวที่กำคีย์การ์ดแน่นไว้ในมืออันสั่นเทา
“ไม่เลย ไม่โอเคเลยสักนิด” นับดาวยอมรับ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเสียใจตั้งแต่ตอนที่พนักงานด้านล่างที่รู้จักเธอมาหลายปีฟ้องว่าแฟนหนุ่มของเธอควงผู้หญิงเข้าห้องอยู่ประจำ นับดาวก็แทบล้มทั้งยืน
“คิดซะว่าเขาคงไม่ใช่เนื้อคู่เรา อย่างน้อยก็ได้รู้ความจริงว่าเขาทรยศก่อนจะสายเกินไป อนาคตยังอีกไกลค่ะ เลิกคนนี้ไปก็มีผู้ชายดี ๆ ให้เลือกอีกเยอะ” จิณณวัตวางมือลงบนศีรษะของหญิงสาวแล้วลูบไปมาเบา ๆ อย่างต้องการปลอบโยน
“ขอบคุณนะเจเจ” นับดาวเงยหน้าขึ้นยิ้ม ก่อนที่จะยืนตั้งสติแล้วทาบคีย์การ์ดในมือเข้าไป
สิ่งแรกที่เห็นตรงหน้าก็ทำเอาเธอต้องกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกที่ทั้งโกรธและเสียใจ เขาเคยบอกว่ายุ่งและต้องอ่านหนังสือหนักเลยไม่อยากให้เธอมารบกวน ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามันเป็นแค่ข้ออ้าง
เสื้อผ้าที่เกลื่อนกลาดเต็มพื้นบอกใบ้ได้เป็นอย่างดีว่าที่นี่คือสมรภูมิรัก โดยเฉพาะบราเซียกับจีสตริงลูกไม้สีแดงเข้าชุดกัน
“ไม่ร้องนะคะ เดี๋ยวไม่สวยน้า ไม่เอาค่ะ ไม่ร้อง” จิณณวัตที่เห็นหยาดน้ำตาของนับดาวไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยก็รีบยกมือไปเช็ดออกให้เธออย่างแผ่วเบาทันที
“เขานอกใจฉันจริง ๆ ด้วยเจเจ” นับดาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินเสียงร่วมรักที่ดังลอดออกมาจากห้องนอน
“ไอ้เวร” จิณณวัตหันไปมองยังห้องที่เป็นต้นกำเนิดของเสียง
แม้เขาเองจะเจ้าชู้มากขนาดไหนก็ไม่เคยถึงขั้นแอบกินคนมีเจ้าของ และบอกกับตัวเองเสมอว่าถ้าวันไหนมีแฟนก็จะไม่มีวันนอกใจเด็ดขาด
“ฮึก ฮือ” นับดาวพยายามจะฮึบแล้วแต่ก็ไม่ไหว
“รอพวกมันสมสู่กันให้เสร็จก่อน หรือจะเข้าไปจัดการเลย”
“ฉันอยากจบเรื่องในตอนนี้เลย ฉันไม่ไหวแล้วเจเจ” นับดาวตอบปนสะอื้นพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา ไม่คิดเลยว่าตัวเองต้องมาร้องไห้เพราะความรัก
“แล้วจะทำยังไง”
“นายรอตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” นับดาวปาดน้ำตาที่ไหลออกมาลวก ๆ ผู้ชายเลว ๆ แบบนี้ไม่สมควรเสียน้ำตาให้
“แน่ใจนะคะ ให้ช่วยอะไรก็เรียกนะ”
“อืม” นับดาวพยักหน้ารับก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนอน เธอยืนนิ่งอยู่หน้าห้องสักพักแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ
ก๊อก ๆ
“ใครวะ” เสียงเจ้าของห้องตะโกนถามอย่างหงุดหงิด แต่เสียงกระแทกกระทั้นยังดังอย่างต่อเนื่อง
นับดาวจำได้ดีว่านี่คือเสียงของแฟนหนุ่มของเธอที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน ถ้าเป็นในยามปกติเธอคงดีใจที่จะได้เจอเขา
ก๊อก ๆ
“โธ่เว้ย ขัดจังหวะกูจริง ๆ มีอะ...ดาว!” ยังไม่ทันจะพูดจบน้ำเสียงของเขาก็ต้องถูกกลืนหายไปทันทีเมื่อเปิดประตูออกมาเห็นว่าคนที่เคาะคือใคร
“ใครมาเหรอคะพี่ต้นน้ำ” เสียงของผู้หญิงในห้องร้องถาม
“อ่านหนังสืออยู่เหรอต้นน้ำ เรียนหนักน่าดูเลยเนอะ” นับดาวยิ้มเหยียดพลางมองดูแฟนหนุ่มที่อยู่ในสภาพพันผ้าขนหนูไว้รอบเอว ตามลำคอก็มีแต่รอยจ้ำสีแดงและรอยเล็บขีดข่วน
“คือมันไม่ใช่อย่างนั้นนะ” เขาพูดด้วยสีหน้าแตกตื่นและน้ำเสียงลนลาน ซึ่งใครมาเห็นก็รู้ว่ากำลังหาเรื่องโกหก
“แล้วมันยังไง ต้นน้ำอธิบายให้เราฟังหน่อยสิ” นับดาวยังคงยิ้ม แม้ในใจจะไม่ยิ้มเลยก็ตาม
“มัวแต่คุยกันอยู่นั่นแหละค่ะ รีบมาต่อเร็ว ๆ หน่อยสิคะพี่ต้นน้ำ” ผู้หญิงที่อยู่ในห้องเดินเข้ามากอดต้นน้ำจากด้านหลังอย่างหวงแหน
“หน้าด้าน” นับดาวที่เห็นดังนั้นก็ฟันกรอดด้วยความโมโหที่ถูกทรยศ เธอกำมือแน่นเพื่อข่มความโกรธ ผู้ชายตรงหน้านี้ได้ทำลายความไว้ใจที่เธอมอบให้มาตลอดหลายปีจนป่นปี้
“หนูก็นึกว่าคุยกับใคร ที่แท้ก็คุยกับแฟนที่ไม่ได้เรื่องนี่เอง คนที่พี่ต้นน้ำบ่นว่าโคตรน่าเบื่อใช่ไหม” หญิงสาวแสยะยิ้มมองนับดาวด้วยความรู้สึกเหนือกว่า
“พอแล้ว! เธอเข้าไปก่อน พี่ขอคุยกับแฟนพี่ก่อน” ต้นน้ำหันไปหาผู้หญิงที่ยังกอดเขาแน่น
“ทำไมอะ พี่บอกว่าจะเลิกกับอีนี่ตั้งนานแล้วนี่ ดีเลย ก็แค่บอกเลิกมันแล้วเรามาเอากันต่อค่ะ คงไม่ต้องร่ำลาอะไรกันมากมาย”
“บอกว่าเข้าไปก่อน” ต้นน้ำหันไปพูดกับเธอชัด ๆ ก่อนที่หญิงสาวจะสะบัดตัวเข้าไปในห้องอย่างไม่พอใจ
“เบื่อเหรอ มีคนอื่นก็แค่บอกเลิกเราดีกว่าไหมต้นน้ำ ไม่เห็นต้องสวมเขาให้เราเหมือนคนโง่เลย เธอเป็นผู้ชายที่โคตรเหี้ยเลยว่ะ รู้ตัวไหม” นับดาวมองแฟนหนุ่มของตัวเองที่ต่อจากนี้แม้แต่คำว่าเพื่อนเธอก็ไม่มีวันให้ได้
“มันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายนะดาว” เขาพยายามจะอธิบาย
“ข้ออ้าง คนมีแฟนอยู่แล้วไปเอากับคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดาเหรอ คิดก่อนพูดหน่อย” เมื่อได้ฟังเธอกลับรู้สึกว่าข้อแก้ตัวของเขาช่างแย่จนเหมือนไม่ได้ใช้สมองกลั่นกรองออกมา
“ก็ถ้าเธอยอมให้เราเอา เราก็คงไม่ต้องไปเอากับคนอื่นหรอกดาว มันเป็นเพราะเธอเองนะ” ต้นน้ำเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“อ๋อ ผิดที่เราเหรอ” นับดาวมองชายหนุ่มอย่างดูถูก เขาน่ารังเกียจกว่าที่เธอเคยรู้จักจริง ๆ
“ก็เธอเอาแต่เล่นตัว ทำยังกับเป็นเด็ก ๆ นู่นก็ห้ามนี่ก็ห้าม พอจะเอาก็บอกแต่ว่ายังไม่พร้อม” ต้นน้ำพูดความในใจที่อัดอั้นมาหลายปี
“ก่อนที่จะคบเราก็บอกชัดเจนแล้วนะว่าเราไม่พร้อมเรื่องนี้ ตอนนั้นเธอโอเคไม่ใช่เหรอ”
“คนเป็นแฟนกันมันจะอดเอากันได้เหรอวะ ถ้าไม่ให้เอาก็ให้เราไปหาเศษหาเลยกับคนอื่นดิ จะมาโวยวายทำไม”
“ผู้ชายเห็นแก่ตัว เสียเวลาจริง ๆ ที่ได้คบกับมึง ไอ้คนเฮงซวย!” นับดาวตะโกนใส่ด้วยความเหลืออดที่เขาเอาเรื่องเซ็กซ์มาอ้างให้เป็นความผิดของเธอ
“เหอะ นอกจากเราผู้หญิงอย่างเธอก็ไม่มีใครเอาแล้วแหละวะ มีดีแค่หน้าตาสวย ๆ ส่วนลีลาคงจืดชืดน่าดู” ต้นน้ำพูดพร้อมกับสายตาที่ไล่มองดูนับดาวตั้งแต่หัวจรดเท้า
ผัวะ!
“แม่งเอ๊ย กูฟังมาตั้งนานละ ผู้ชายอย่างมึงนี่โคตรหน้าตัวเมียฉิบหาย” จิณณวัตที่ยืนทนฟังอยู่นานก็ทนไม่ไหวจนต้องเอาหมัดไปอุดปากเสีย ๆ ของอดีตแฟนนับดาว
“เจเจ!”
“มึงเป็นใครวะไอ้สัตว์” ต้นน้ำที่หน้าหันไปตามแรงต่อยก็หันไปมองคนที่ทำให้มุมปากของเขามีเลือดไหลออกมา
“กูเป็นใครไม่ต้องเสือกหรอก แต่มึงอะทำตัวเหี้ยฉิบหาย ด่าเหี้ยยังสงสารเหี้ยเลยว่ะ” จิณณวัตมองหน้าอย่างเอาเรื่อง ไม่อยากเชื่อว่านับดาวจะไปคว้าคนแบบนี้มาเป็นแฟนได้
“อย่านะเจเจ” นับดาวที่เห็นว่าจิณณวัตทำท่าจะเข้าไปต่อยอีกรอบก็รีบห้ามไว้
“เป็นห่วงมันเหรอ” จิณณวัตถามเธอด้วยความโกรธ
“เปล่า แต่ฉันไม่อยากให้นายไปยุ่งกับคนประเภทนี้” นับดาวส่ายหน้า ต่อให้ไปต่อยจนสลบ ยังไงคนแบบนี้ก็คงคิดไม่ได้อยู่ดี
“ไอ้เวรนี่ใครดาว”
“เขาเป็นใครไม่ต้องรู้หรอก รู้แค่ว่าต่อจากนี้ฉันจะไม่รู้จักคนอย่างเธออีกต้นน้ำ ฉันขออวยพรให้เธออยู่กับผู้หญิงคนใหม่ของเธอให้มีความสุขมาก ๆ นะ แล้วก็อย่าพลาดไปเอาใครจนท้องป่องล่ะ เพราะฉันสงสารเด็กที่เกิดมามีพ่ออย่างเธอ” นับดาวอวยพรจบก็รีบดึงมือจิณณวัตให้ออกจากห้องนั้น
เมื่อทั้งสองคนขึ้นมานั่งบนรถแล้วจิณณวัตก็หันไปมองนับดาวทันที
“อยากร้องก็ร้องออกมาเถอะ ไม่ต้องกลั้นไว้หรอก ร้องครั้งนี้ให้พอใจไปเลยจะได้ไม่ต้องร้องอีก” เขาพูดพร้อมกับยื่นทิชชูให้เธอ
แม้ก่อนจะเดินออกมาเธอจะทำเป็นเก่งขนาดไหน แต่ก็คงเสียใจไม่น้อยที่ถูกหักหลังโดยคนที่เธอเชื่อใจมาหลายปี
“ฮืออ ฉันไม่คิดเลยว่าแค่เรื่องเซ็กซ์ที่ฉันให้แฟนตัวเองไม่ได้ มันจะทำให้ฉันต้องโดนนอกใจ” นับดาวร้องไห้โฮออกมาทันทีเมื่อทนไม่ไหว
“มันก็แค่ข้ออ้าง ผู้ชายเหี้ยยังไงมันก็เป็นเหี้ยอยู่วันยังค่ำ ถ้าไม่คิดจะปรับปรุงตัว พี่ไม่ผิดเลย”
“ฉันโคตรเจ็บเลยเจเจ ฮึก เจ็บมากด้วย” นับดาวเบะปากบอก
“รสชาติของชีวิตก็แบบนี้ ผมให้พี่นับดาวคนสวยร้องอีกแค่แป๊บเดียวนะคะ ไม่ให้ร้องนาน เดี๋ยวตาบวมแล้วจะไม่สวย”
“ฮึก ทำไม ไม่สวยแล้วจะไม่คุยกันอีกเลยหรือไง” นับดาวถามอย่างหาเรื่อง
“เปล่าสักหน่อย แต่ถ้าคนสวยตาบวมจากการเสียน้ำตาให้กับคนอย่างมันเยอะ ผมคนนี้ก็จะเสียใจไปด้วยไงคะ มันไม่เห็นจะหล่อเลย หาใหม่ดีกว่าค่ะ ผมขอส่งตัวเองเข้าประกวด” จิณณวัตพูดทีเล่นทีจริงพลางยกยิ้มให้กวน ๆ
“หึ นายไม่น่าไว้ใจกว่าอีกนะเจเจ” เธอยอมรับว่าจิณณวัตหน้าตาดีกว่าต้นน้ำหลายเท่า เท่าที่เจอกันมาหลายครั้งก็พอจะรู้ว่าเขาเป็นคนคุยเก่ง รู้จักเอาใจผู้หญิง และมักชอบพูดด้วยถ้อยคำหวาน ๆ และนั่นยิ่งเสริมเสน่ห์เข้าไปอีก
“ผมบอกคนสวยแล้วไงคะว่าไม่ลองก็ไม่รู้”
“บางทีฉันก็คิดว่าฉันคงจืดชืดอย่างที่พวกนั้นบอกจริง ๆ” ตอนนี้เธอหมดความมั่นใจในตัวเองไปแล้ว พอลองมาย้อนคิดดูเธอก็แทบไม่ได้แต่งตัวสวยออกไปที่ไหน นอกจากไปส่งขนม ส่วนใหญ่จะหน้ามันเยิ้มอยู่หน้าเตาอบ ผู้ชายที่ไหนเห็นเข้าคงหมดอารมณ์กันพอดี
“จะไปสนใจคำพูดของพวกมันทำไมคะ”
“ก็มันจริงนี่” นับดาวถอนหายใจออกมาแล้วดึงทิชชูขึ้นมาซับน้ำตาจนเกลี้ยง
“มันยังไม่เคยลองมันเลยบอกว่าจืดชืดไงคะ”
“ฉันเองก็อยากรู้ว่าตัวเองจืดชืดอย่างที่พวกนั้นว่า หรือไม่ได้จืดชืดอย่างที่นายพูดปลอบอยู่กันแน่” นับดาวพูดพร้อมกับสบตาชายหนุ่มอย่างจริงจัง
“หมายความว่ายังไงคะ” จิณณวัตถามอย่างสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเธอ
“ถ้าอยากรู้มันก็ต้องลองใช่ไหม งั้นนายช่วยเปิดประสบการณ์ให้ฉันหน่อยสิเจเจ” ใช่ว่าเธอจะไม่อยากยอมให้แฟนตัวเองทำ แต่ตอนนั้นเธอแค่กลัวถูกฟันแล้วทิ้งต่างหาก
“แน่ใจเหรอคะ” เขาถามอย่างตกใจ
“อืม มันดูง่ายใช่ไหม” นับดาวเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมใจกล้าขึ้นมา ทั้งที่เธอเคยปฏิเสธแฟนเก่าทุกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเสนอตัวให้คนตรงหน้า อาจจะเป็นเพราะยังไงก็ไม่ใช่แฟนกัน แค่ลองทำดู ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องมานั่งเสียใจที่ถูกทิ้ง
“ไม่หรอกค่ะ แต่ผมคิดว่าตอนนี้คนสวยแค่อาจจะไม่โอเคกับคำพูดพวกนั้น เอาเป็นว่านอนพักก่อนดีกว่า ตื่นมาแล้วยังไงค่อยว่ากันอีกที” จิณณวัตไม่อยากฉวยโอกาสในช่วงที่เธอยังจิตใจไม่มั่นคงจนอาจจะพูดออกมาไม่ทันคิด
“นายไม่อยากได้ฉันแล้วเหรอเจเจ” นับดาวถามอย่างงุนงง นึกว่าเขาจะรีบตะครุบโอกาสซะอีก
“เปล่าค่ะ อยากได้มากเลยค่ะ แต่ตอนนี้คนสวยกำลังรู้สึกไม่ดีอยู่ ไปนอนพักดีกว่านะ จะให้ผมไปส่งที่ไหนดีคะ ที่ร้านหรือที่บ้าน”
“คอนโดของนายได้ไหม”
“อะไรนะ เอาใหม่อีกทีได้ไหมคะ” เขาถามซ้ำเพราะไม่แน่ใจว่าเมื่อกี้ฟังผิดไปหรือเปล่า
“คอนโดของนาย ฉันอยากไปนอนที่คอนโดของนายเจเจ” นับดาวย้ำชัดถ้อยชัดคำ
“แน่ใจนะคะ” เขาสบตาเธอนิ่ง
“อืม แล้วไปได้ไหมล่ะ” นับดาวเองก็สบกลับแบบไม่มีแววลังเลแม้แต่น้อย
“ได้สิคะ อยากไปผมก็จะพาไป” จิณณวัตพยักหน้าแล้วสตาร์ตรถเพื่อขับตรงไปยังคอนโดของตัวเอง ในเมื่อเป็นความต้องการของเธอ เขาก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
“ฉันไม่อยากเชื่อว่าหน้าตาอย่างฉันจะทำให้นายสนใจได้” แม้จะขึ้นชื่อว่าเคยเป็นดาวคณะมาก่อน แต่จิณณวัตเองก็สามารถควงผู้หญิงที่สวยกว่าเธอได้ทีละโหลเลยด้วยซ้ำ
“สวยแบบนี้แบบนี้ นิสัยแบบนี้ ใครก็สนใจค่ะ” นับดาวนับว่าเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์คนหนึ่ง ทั้งทำกับข้าวเป็น ทำขนมเก่ง มีธุรกิจเป็นของตัวเอง และยังเป็นคนขยันมาก จนยิ่งรู้จักเขาก็ยิ่งสนใจเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ
“แต่คงไม่มีใครคิดจริงจังด้วยหรอก” นับดาวยิ้มออกมาบาง ๆ
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ”
“รวมถึงนายด้วยเจเจ ฉันรู้ว่านายก็ไม่ได้คิดจะจริงจังกับฉันหรอก”
“....”
“นายก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ชายพวกนั้น ที่เห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่น”
“ตัดสินคนอื่นง่ายไปหรือเปล่าคะ”
“ก็นายมันเจ้าชู้” พูดจบเธอก็เบ้ปาก ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีแต่ผู้ชายเจ้าชู้รอบตัว
“แล้วคนเจ้าชู้จะรักเดียวใจเดียวไม่ได้เลยหรือไงคะคนสวย”
“อาจจะได้ แต่คงไม่ใช่นาย” นับดาวตอบกลับก่อนจะเบือนหน้าหนี
“คนสวยคิดอย่างนั้นเหรอคะ” จิณณวัตหันไปถาม แล้วหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าต่อ
“แล้วมันถูกไหมล่ะ” เธอกอดอกเถียงแล้วมองใบหน้าด้านข้างของเขา
“ก็ทั้งถูกและทั้งผิดล่ะมั้ง ผมบอกแล้วไงว่าต้องลองก่อนถึงจะรู้ เราก็ทำความรู้จักกันไปผมถึงจะตอบได้เต็มปาก”
“แต่ตอนนี้นายไม่ได้คิดจะจริงจังกับฉันนี่”
“คนสวยเองก็ยังไม่ได้คิดจะจริงจังกับผมเหมือนกัน เราทั้งคู่ต่างก็รู้สึกเหมือนกันนี่คะ”
“....” คำตอบของเขาเล่นเอาเธอถึงกับพูดไม่ออกเลย
“เอาเป็นว่าเราค่อย ๆ รู้จักกันไปดีกว่านะ ไม่ต้องรีบค่ะ”
จิณณวัตขับรถไปเรื่อย ๆ เมื่อเสียงของอีกฝ่ายเงียบไปเขาจึงหันกลับไปมองก็เห็นว่าเธอหลับปุ๋ยไปแล้ว เขาขับรถสลับกับมองนับดาวระหว่างทางไปด้วยแล้วแอบอมยิ้มเล็ก ๆ
เธอคงไม่รู้ว่าแม้ภายนอกเขาจะทำเป็นใจเย็นอยู่ได้ แต่ในใจเขาอยากเป็นเจ้าของเธอจะแย่
