
บทย่อ
ยังไม่ทันเลิกกับแฟนก็มีเด็กมาบอกว่ารอเสียบซะงั้น
ตอนที่ 1 ไปเจ้าชู้ที่อื่น
ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ร่างเล็กหุ่นเพรียวบาง ประกอบกับใบหน้าสะสวยที่ถูกประดับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บ่งบอกว่าเธอเป็นคนที่เข้าถึงง่ายและเป็นมิตรจนทำให้คนในบริเวณนั้นต่างเหลียวหลังมอง เธอเดินเข้าไปภายในโรงอาหารของคณะแพทยศาสตร์แล้วตรงดิ่งไปยังโต๊ะประจำ
“วันนี้คนสวยมีอะไรมาขายครับเนี่ย” เมื่อเห็นสาวสวยคนคุ้นเคยชายหนุ่มคนหนึ่งในโต๊ะก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม พลางมองดูสิ่งที่อยู่ในตะกร้าสานสีน้ำตาลของเธอ
นับดาว พงศ์คุณทรัพย์ หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปี หลังจากที่เรียนจบมาแล้วสองปีเธอก็มีธุรกิจส่วนตัวเล็ก ๆ เป็นของตัวเองคือ ร้านคาเฟที่เปิดอยู่ข้าง ๆ กับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ซึ่งเป็นที่ที่เธอเรียนจบ ความจริงหญิงสาวเริ่มเปิดร้านตั้งแต่ยังเรียนอยู่ปีสามด้วยซ้ำ
นับดาวเป็นสาวฮอตตั้งแต่สมัยเรียน เธอเป็นถึงดาวคณะคหกรรมศาสตร์ มีหนุ่มตามขายขนมจีบมากมาย จนกระทั่งขึ้นปีสองถึงมีหวานใจเป็นหนุ่มคณะแพทย์ที่ตอนนี้ก็ยังคบกันอยู่
“ขายอะไรกัน เอามาให้ต้นน้ำต่างหาก” นับดาวมุ่ยหน้าใส่เมื่อโดนแซว
“โหย อิจฉา ๆ” นักศึกษาแพทย์ชั้นปีหกซึ่งเป็นเพื่อนของต้นน้ำ แฟนหนุ่มของนับดาวต่างก็ส่งเสียงร้องโห่ร้องอย่างหมั่นไส้ในทันที
“แล้วนี่ต้นน้ำไปไหนเหรอ” นับดาวสอดส่ายสายตามองหาไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นแฟนหนุ่ม ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้เจอเขามาหลายวันแล้ว
“ไม่รู้สิ นี่พวกเราก็หามันอยู่” หนึ่งในกลุ่มเพื่อนตอบ
“ช่วงนี้สอบกันหนักมากเลยเหรอ เห็นต้นน้ำบอกว่าเวลานอนแทบไม่มีเลย” นับดาวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเห็นใจ
“ใช่ ช่วงนี้ขึ้นวอร์ดน่ะ ต้องทำรายงานเยอะแยะด้วย เวลากินข้าวยังหายาก” เขาพูดในขณะที่มือหนึ่งตักข้าว อีกมือพิมพ์รายงานส่งอาจารย์ไปด้วย
“ก็ว่าที่คุณหมอนี่เนอะ ใกล้จะจบแล้ว สู้ ๆ ล่ะ งั้นเราไปก่อนดีกว่า รบกวนฝากขนมให้กับต้นน้ำด้วยนะ” นับดาวพยักหน้าเข้าใจแล้วยื่นขนมปังกับสลัดไปให้เพื่อนสนิทของแฟนหนุ่ม
เธอเดินออกจากคณะแพทย์เพื่อกลับขึ้นรถด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี หญิงสาวอดรู้สึกเซ็งไม่ได้ที่ไม่เจอหน้าเขามาสามอาทิตย์แล้ว โทรหาไม่ถึงห้านาทีก็ต้องวางสายเพราะเขาบอกว่ายุ่งมาก และวันหนึ่งก็แชตคุยกันเพียงสามสี่ครั้งเท่านั้น
“เดินหน้าหงอยมาเชียว” วิลันดา เพื่อนของนับดาวที่นั่งรออยู่ในรถหน้าตึกคณะเอ่ยทักเมื่อเห็นสีหน้าแบบนี้ของเพื่อนมาสักพักแล้ว
“ไม่เจออีกแล้ว” นับดาวเบะปากบอก
“เอาน่า ปีนี้ปีสุดท้ายด้วย คงจะเรียนหนักแหละ อยากมีแฟนเป็นหมอเอง ต้องเข้าใจเขาหน่อยนะ”
“รู้แล้ว ก็แค่บ่นไปงั้นแหละ แล้วนี่นิชาให้ไปรับที่ไหนนะ” นับดาวรู้ดีว่าเขาแทบจะไม่มีเวลานอนด้วยซ้ำ แต่เธอแค่น้อยอกน้อยใจที่ออกมาเจอกันสักห้านาทีก็ยังไม่ได้
“บริหาร แอ๊วเด็กอยู่แถวนั้น ให้เด็กไปรับแต่ขากลับต้องพึ่งเพื่อน ดีจริง ๆ” วิลันดาบ่นกระปอดกระแปดถึงเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มขณะสตาร์ตรถ
“แต่พอนิชาโทรให้ไปหา เธอก็ตอบตกลงทันทีเลยนะหวาน ว่าแต่เพื่อนไปแอ๊วเด็ก เธอก็ไม่เบาเหมือนกันแหละ” นับดาวแซว เธอรู้ดีว่าจุดประสงค์ของเพื่อนทั้งสองคือมาส่องเด็ก ๆ ในมหาวิทยาลัย ไม่ได้มาเป็นเพื่อนเธอเหมือนอย่างที่บอกหรอก
“อย่ามาทำเป็นรู้ดีค่ะ”
คณะบริหารธุรกิจ
สองหนุ่มที่มีส่วนสูงและรูปร่างไล่เลี่ยกัน มักเดินไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดจนบางครั้งมีคนถึงขั้นเอาทั้งคู่ไปจิ้นต่าง ๆ นานา แต่ความจริงแล้วทั้งสองคนเป็นหนุ่มฮอตประจำคณะบริหาร และยังเป็นเสือตัวพ่อที่เดินไปไหนมาไหนก็มีแต่สาว ๆ ที่รู้จักเข้ามาทักทาย
“วันนี้เดี๋ยวพี่นิชามาชวนไปวันงานเกิด มึงไปเปล่า” กุมภา หนุ่มหล่อเจ้าของผมสีน้ำตาลแดงที่มีรอยยิ้มทรงเสน่ห์เอ่ยถาม
“จัดวันไหน” ชายหนุ่มผมสีดำถามกลับ เขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อนึกถึงนิชา เธอเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักและค่อนข้างสนิทสนม
“พรุ่งนี้”
“ต้องไปอยู่แล้วสิ ไม่ไปก็โดนลากให้ไปอยู่ดี”
“ดีมาก กูไม่อยากไปคนเดียว เดี๋ยวเหงา” กุมภายิ้มเมื่อเพื่อนรักตอบตกลง
“คนอย่างมึงปิ๊งใครก็จับเขาแดกหมด ไม่ต้องกลัวเหงาหรอก”
“ด่ากูก็เหมือนด่าตัวเองแหละไอ้เหี้ยเจ” กุมภาตอกกลับ สาเหตุที่ทั้งสองคนคบกันมาได้ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้นก็ด้วยเพราะนิสัยที่คล้ายกันราวกับพี่น้อง
เจเจ หรือจิณณวัต ฉันทพิบูรณ์ อายุยี่สิบสองปี เรียนคณะบริหารธุรกิจปีสุดท้าย หนุ่มหล่อสุดฮอตที่เป็นถึงนายแบบนิตยสารแฟชั่นและเดือนมหาวิทยาลัย อีกทั้งความฉลาดก็ยังไม่แพ้ความหล่อและความเจ้าชู้ที่ทำเอาเหล่าสาวน้อยสาวใหญ่ถึงกับเสนอตัวให้เขาอยู่เสมอ
“ไฮ หนุ่มหล่อสองคนรอพี่นิชาคนสวยอยู่ใช่ไหมคะ” ก่อนที่ทั้งสองคนจะพูดคุยอะไรกันต่อ เสียงหวานใสของบุคคลมาใหม่ก็เอ่ยทักขึ้น
“ครับ แต่มาช้าจังเลยนะครับคุณพี่นิชา เสื้อผ้านี่ก็ยับจังเลยน้า” กุมภาตอบกลับกวน ๆ ขณะมองดูรุ่นพี่สาวด้วยสายตาดูแคลน
“หุบปากไปจ้า มันเป็นสไตล์ พรุ่งนี้คลับโซนวีไอพีของแกปิดเลี้ยงเพื่อฉลองวันเกิดฉันด้วย” นิชาถลึงตาใส่กุมภา ก่อนจะหันมาคุยกับจิณณวัตผู้เป็นเจ้าของคลับ
“ไม่ฟรีนะบอกก่อน” จิณณวัตรีบดักคอ
“รู้ค่า เดี๋ยวโอนไปให้นะ พรุ่งนี้มากันด้วยล่ะ อ้าว เพื่อนฉันมารับแล้ว” นิชากวักมือเรียกเพื่อนสาวที่กำลังเดินเข้าตึกมาพอดี
“เพื่อนหรือเด็กคนไหนทำเสื้อพี่ยับกันแน่ครับ” กุมภาแซวยิ้ม ๆ
“ไม่ต้องเสือกเนอะ” นิชาสวนกลับ
“นิชา ทำไรอยู่ พวกเรามารอนานแล้วนะ” เสียงหวานของหญิงสาวในชุดเดรสลายดอกทิวลิปสีชมพูขาวอย่างนับดาวพูดขึ้น พวกเธอรออยู่หน้าตึกคณะสักพักก็ไม่เห็นนิชา นับดาวจึงอาสาออกมาตาม
“แหม รอนิดรอหน่อยก็ต้องมาตามด้วย” นิชาหันไปมองนับดาวที่กอดอกมองอยู่ข้าง ๆ
“ก็เธอชักช้า ฉันต้องรีบกลับไปอบเค้กต่อ คืนนี้ต้องส่งขนมให้ลูกค้า”
“จ้า ๆ นี่กุมภาแล้วก็เจเจ รุ่นน้องในคณะฉัน ส่วนนี่เพื่อนฉันชื่อนับดาว คนนี้พวกนายไม่ค่อยเห็นหรอก เป็นเจ้าของคาเฟที่ฉันเคยแนะนำไง” นิชาแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน
“สวัสดีครับพี่นับดาวคนสวย” กุมภารีบยกมือไหว้พลางส่งยิ้มหวานให้
“สวัสดีค่ะ” นับดาวรับไหว้และยิ้มตอบตามมารยาท ก่อนที่สายตาจะเลื่อนไปสบกับดวงตาคู่คมของคนที่นิชาบอกว่าชื่อเจเจ เขาเองก็มองมายังเธอนิ่งโดยไม่พูดอะไร และก็เป็นนับดาวที่ยอมแพ้ด้วยการหันหน้าหนีเมื่อทั้งคู่เหมือนเล่นเกมจ้องตากันอยู่
“ไปละ อย่าลืมพรุ่งนี้นะ เดี๋ยวถึงห้องแล้วฉันโอนเงินไปให้” นิชาลารุ่นน้องทั้งสอง ก่อนจะเดินตามนับดาวออกไป
โดยมีสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองแผ่นหลังเล็กของเจ้าของเดรสลายทิวลิปนั้นจนลับสายตา เมื่อรู้สึกตัวเขาก็หันมาเจอกับดวงตาของคนด้านข้าง
“จ้องอะไรขนาดนั้น สนใจเหรอวะ” กุมภาเอ่ยถาม
“ไม่ต้องยุ่ง”
“ไม่ยุ่งไม่ได้ คนนั้นอะสวยจริง แต่มึงไม่มีสิทธิ์ครับเพื่อน”
“ทำไม” จิณณวัตขมวดคิ้ว
“มีเจ้าของแล้วน่ะสิ คบกับนักศึกษาแพทย์ปีหก อดแดกครับคนนี้ ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ” กุมภาเคยได้ยินข่าวเรื่องแฟนของนับดาวสมัยที่เธอยังเรียนอยู่ที่นี่
“เหรอ” จิณณวัตเพียงตอบกลับเพียงสั้น ๆ ก่อนที่จะเดินแยกออกไปคนเดียว
“อย่าทำตัวเลวไปแย่งเมียเขามานะเพื่อน กูอายคน” กุมภาตะโกนไล่หลัง เมื่อไม่เคยเห็นจิณณวัตจะมองตามสาวคนไหนขนาดนั้น และที่สำคัญผู้หญิงที่ชื่อนับดาวเป็นไทป์ของเพื่อนรักเขาร้อยเปอร์เซ็นต์เลย
จิณณวัตไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของกุมภา ระหว่างเดินเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วค้นหาช่องแชตของนิชา
หนึ่งวันต่อมา
“จะไม่ไปจริงเหรอ” นิชาหันไปมองนับดาวที่ปฏิเสธการลงไปเต้นด้านล่าง
“ไม่เอาอะ ไปกันเลย” นับดาวส่ายหน้าไปมายืนยัน
“งั้นก็นั่งรอไปก่อนละกัน แล้วก็อย่าดื่มเยอะล่ะ เดี๋ยวผัวแกมาด่าฉันอีก” นิชาลุกขึ้นเดินไปพร้อมกับวิลันดายังโซนด้านล่างที่ยิ่งดึกคนก็ยิ่งมาก
“ไปกันเถอะ” กุมภาลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นสาว ๆ มากมายมากันเต็มร้าน
“มึงไปเลย กูขี้เกียจ” จิณณวัตบอกเพื่อนสนิท
“กูเตือนละนะว่าอย่าทำให้กูอายคน” กุมภาหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด
“กูไม่ได้จะทำอะไร มึงรีบไปเถอะ เดี๋ยวสาวที่มึงเล็งไว้ก็โดนคาบไปก่อนหรอก” เขาสะบัดมือไล่กุมภาอย่างรำคาญที่เพื่อนตัวดีช่างจับผิดกันเก่งจริง ๆ
“เออ ๆ” พูดเพียงเท่านั้นกุมภาก็เดินลงไปทันที
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ ของนับดาวดังพอจะทำให้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหันมามอง ตอนนี้เธอกำลังยกแก้วในมือขึ้นดื่มไม่หยุด
“พอได้แล้ว” จิณณวัตเอ่ยห้าม แล้วส่งสายตาให้พนักงานหยุดชงเหล้า
“อย่ามายุ่งน่า” นับดาวตวัดสายตาไม่พอใจใส่
“อกหักหรือไง” จิณณวัตเลิกคิ้วขึ้นถาม
“บอกว่าอย่ายุ่งไง!”
“ทำไม มันไม่มีเวลาให้คนสวยอย่างพี่เหรอ เรียนหมอหนักหรือว่าติดผู้หญิงใหม่กันแน่” จิณณวัตพูดแหย่ด้วยรอยยิ้มโดยไม่ได้สนใจสีหน้าหงุดหงิดของคนตรงหน้า
แต่ประโยคนั้นกลับทิ่มแทงใจคนฟังเข้าอย่างจัง จนนับดาวแทบอยากจะลุกไปจิกหัวเขาโขกกับโต๊ะ
“ปากเสีย คนยิ่งคิดมากอยู่”
“มันหายไปกี่วันแล้วล่ะ”
“ฟังภาษาคนรู้เรื่องไหมคะ ว่าอย่ายุ่ง!” นับดาวทำเสียงฟึดฟัดใส่
“พี่เองก็คิดเหมือนกันไม่ใช่เหรอว่าแฟนตัวเองอาจจะมีคนใหม่แล้ว”
“....” นับดาวกับริมฝีปากล่าง คนตรงหน้าราวกับอ่านใจเธอได้
“ต่อให้เรียนหนักขนาดไหน มันก็ต้องมีเวลาให้แฟนตัวเองบ้างไม่มากก็น้อย ไม่ใช่หายไปเลย ผู้ชายด้วยกันก็พอเดาออกว่าเทกันแล้วค่ะ” จิณณวัตพูดตามตรงแบบไม่ถนอมน้ำใจอีกฝ่าย เพราะถ้าเป็นคนสำคัญจริง ๆ ยังไงก็หาเวลาให้ได้
“ฉันไปถามเพื่อนเขามาแล้ว คนอื่นก็บอกว่าเรียนหนักจริง ๆ” นับดาวเชิดหน้าตอบกลับ แต่แววตาแสดงความไม่มั่นใจออกมาอย่างชัดเจน
“แน่ใจว่าคนสวยอยากเชื่อว่าเป็นเพราะเรียนหนัก”
“เชื่อสิ เรียนหมอก็ต้องเรียนหนักอยู่แล้ว” ความจริงเธอแอบอ่านกระทู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับชีวิตของนักศึกษาแพทย์ปีหกเพื่อยืนยันความเชื่อของตัวเอง แล้วก็พบว่าทุกคนแทบไม่มีเวลานอนกันทั้งนั้น
“แต่ก็แอบคิดด้วยว่าเขาอาจจะมีผู้หญิงคนใหม่ใช่ไหม” จิณณวัตมองใบหน้าของนับดาวชัด ๆ ความสวยของเธอที่แต่งแต้มด้วยสีสันของเครื่องสำอางที่ดูจะเข้มกว่าเมื่อวานแทบทำให้เขาละสายตาไปไหนไม่ได้ ถึงตอนนี้เธอจะชักสีหน้าไม่พอใจอยู่ก็ตาม
“หายไปตั้งสองสามอาทิตย์ เป็นใครบ้างที่จะไม่คิดล่ะ” นับดาวก้มหน้าตอบ ไม่คิดว่าต้องมานั่งคุยกับรุ่นน้องของนิชาที่เพิ่งรู้จักกันเมื่อวานในเรื่องที่เธอกังวลด้วยซ้ำ
“ผู้ชายมีอีกเยอะ” จิณณวัตพูดพลางยักไหล่สบาย ๆ
“แต่ฉันคบกับเขามาตั้งหลายปี” และที่สำคัญเธอวาดฝันอนาคตไว้กับเขามากมาย และมอบความรู้สึกดี ๆ ให้ไปจนหมด
“ให้คบเป็นยี่สิบปีแต่คนนั้นนอกใจ พี่ก็ยังจะคบกันอยู่เหรอ” จิณณวัตถามกลับนิ่ง ๆ
“ไม่” ต่อให้รักมากแค่ไหน แต่ถ้านอกใจกันก็ไม่มีทางที่เธอจะยอมคบต่อ
“ก็ฉลาดอยู่นี่ นึกว่าจะโง่” เขาแย้มรอยยิ้มที่มุมปาก
“นี่เจเจ! ฉันเป็นรุ่นพี่เธอนะ!” นับดาวเสียงดังใส่เมื่อโดนด่าจากรุ่นน้องตรงหน้า หน้าตากวนไม่พอ คำพูดยังจะทำให้เธอปรี๊ดแตกอีก
“แล้วใครบอกว่าพี่เป็นรุ่นน้องผมล่ะ” จิณณวัตเอียงคอถามและส่งยิ้มกว้างให้ ท่าทางของเขาดูเหมือนจะถูกอกถูกใจเมื่อทำให้สาวสวยตรงหน้าโกรธได้
“น่าโดนตบสักทีสองที” นับดาวสะบัดหน้าหนี
“หึ ๆ จะตบด้วยอะไรเหรอคะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามต่อ
“ก็ต้องมือไหม นี่กวนเหรอ” เธอหันไปมองหน้าเขา จิณณวัตเรียกได้ว่าเป็นหนุ่มหล่อที่ดึงดูดสายตาของสาวน้อยสาวใหญ่ได้แม้เพียงยืนเฉย ๆ และยิ่งเมื่อเขาพูดจาคะขาก็ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้ดูเจ้าชู้ไม่เบา
“เปล่า ก็นึกว่าจะโดนตบด้วยปากเพราะปกติผมโดนตบบ่อย แต่ยังไม่เคยโดนใครตบแล้วสวยเท่าคนตรงหน้านี้เลย” เขาพูดด้วยรอยยิ้มโปรยเสน่ห์ที่ยังคงประดับไว้บนใบหน้า
“ไปเจ้าชู้ที่อื่น”
“เลิกกับมันเมื่อไหร่ก็บอกนะคะ เพราะเจเจคนนี้รอเสียบอยู่” พูดจบจิณณวัตขยิบตาให้หนึ่งที
“นายนี่มัน” นับดาวส่ายหน้าไปมา สำหรับเธอท่าทางและรอยยิ้มของเขาไม่ได้ชวนให้ใจสั่น แต่กลับดูกวนโมโหมากกว่า
ก่อนที่ทั้งสองคนจะพูดอะไรกันต่อนิชาวิลันดา และกุมภาเดินก็ขึ้นมาด้านบนเสียก่อน ทำให้จิณณวัตและนับดาวหยุดเถียงกัน นับดาวจึงหันไปคุยกับเพื่อนทั้งสอง โดยมีสายตาของจิณณวัตที่มองเธอยิ้ม ๆ
