ตอนที่ 4 คนขี้หวง
“เฮียซื้อชานมไข่มุกมาให้” อารัณที่ลงไปซื้อของกับตุลย์ และต้นกล้ายื่นแก้วชานมไข่มุกให้กับไอริณ
“ขอบคุณค่ะ” ไอริณยิ้มแล้วยื่นมือไปรับมาดูดทันที เขาไม่เคยลืมเธอเลย ขนาดไม่ได้ลงไปด้วยกันก็ยังซื้อของติดมือมาฝาก
“แล้วกิจกรรมภายในคณะเอาไง เห็นปีสามกับปีสี่ให้ปีสองคุมปีหนึ่งเหรอ” ต้นกล้าถามเพื่อน ๆ ในกลุ่มเพราะอาทิตย์หน้าจะมีกิจกรรมรับน้องและแข่งขันกีฬากันระหว่างคณะ
“น่าจะใช่นะ บังคับปีสองให้ทำกิจกรรมพร้อมกับปีหนึ่งเลย เพราะต้องจับบัดดีกับรุ่นน้อง” มิลินพยักหน้ารับ
“ว่าจะโดดสักหน่อย” ตุลย์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ
“อีกสิบนาทีมีสอบนะ ไม่อ่านหนังสือกันหรือไง ทำไมยังจับกลุ่มคุยกันอยู่ได้” อารัณที่ไม่ได้สนใจกิจกรรมมองหน้าเพื่อนทั้งสี่คน โดยเฉพาะไอริณที่นั่งกระดิกเท้าดูดชานมไข่มุกด้วยความเพลิดเพลิน
“อ่านไปก็ทำไม่ได้อยู่ดี ยังไงอาจารย์ก็ออกคนละเรื่องกับที่อ่านมา เอาเป็นว่าเป็นไปตามกรรม” เมื่อต้นกล้าพูดจบคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย ยกเว้นไอริณที่ได้ของชอบแล้วก็ไม่สนใจอะไรเลย
“น้องไอเลิกดูดชานมก่อนแล้วอ่านหนังสือสอบก่อน” อารัณเดินไปนั่งเคียงข้างน้องสาวบนเก้าอี้หน้าห้องสอบ
“ไข่มุกอร่อยมากค่ะ ส่วนอ่านหนังสือน้องไออ่านจนปวดหัวตุบ ๆ แล้ว ขอพักก่อนน้า”
เมื่อได้ยินดังนั้นอารัณก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อ่านหนังสือทีไรไอริณปวดหัวบ่อยเหลือเกิน
“แล้วนี่ทำไมไม่เอาเสื้อเฮียปิดที่ขา เห็นไหมว่ากระโปรงมันร่นขึ้นมา เดี๋ยวโป๊หรอก” อารัณหยิบแจ็กเกตหนังของตัวเองในกระเป๋าออกมาปิดต้นขาของไอริณที่นั่งอยู่ในท่าไขว่ห้าง
“ก็มันเกะกะนี่คะ”
“งั้นก็ใส่กระโปรงที่มันยาวกว่านี้สิ ดูน่ารักกว่าด้วย” อารัณชี้ไปยังมิลินที่ใส่กระโปรงพลีตยาวคลุมเข่า เขาไม่เคยชอบกระโปรงของไอริณเลย แต่ทำอะไรไม่ได้ในเมื่อเธอไม่ค่อยเชื่อฟังที่เขาพูดจนบางครั้งเขาก็อยากจับเธอมาฟาดสักทีสองที
“ใส่แบบนี้แหละค่ะ น้องไอใส่แล้วสวย” เธอไม่ใช่เด็กเรียนแสนเฉิ่ม หรือคนเรียบร้อยขนาดที่จะใส่กระโปรงยาวให้เหงื่อออกเล่น
“น้องไอใส่อะไรก็สวย ไม่จำเป็นต้องใส่สั้น”
“แต่น้องไออยากใส่แบบนี้ แล้วมันก็ไม่ได้สั้นมากด้วยค่ะ เฮียลองมองไปรอบ ๆ ดูสิ คนอื่นก็ใส่แบบนี้กันทั้งนั้นแหละ แต่ดูผ่าน ๆ นะ ห้ามจ้องนาน”
อารัณถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เขาไม่อยากคุยกับเธอต่อแล้ว เพราะเถียงไปก็สู้เหตุผลร้อยแปดของหญิงสาวไม่ได้อยู่ดี
“น้องไอแบ่งให้ค่ะ” ไอริณพูดพลางยื่นชานมไข่มุกไปให้
“ขี้เกียจเอาไปทิ้งเองใช่ไหม” อารัณรู้ทันแต่ก็รับแก้วชานมที่เหลือน้ำเพียงอึกเดียวและไข่มุกอีกสองสามเม็ดมาถือไว้
“ไม่ใช่สักหน่อยค่ะ เฮียอย่ามาใส่ร้ายน้องไอนะ” ไอริณรีบปฏิเสธเสียงแข็ง ทั้งที่ความจริงเป็นอย่างที่เขาพูด
“รีบท่องสูตรได้แล้วเผื่อฟลุกผ่าน” เขามักจะผ่านด้วยคะแนนท็อปของคลาสก็จริง แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาก็ต้องซ่อมเหมือนกับคนอื่น ๆ
“ฮ่า ๆ เฮียรัณอย่าทำหน้าแบบนี้ซี่” ไอริณหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อเห็นสีหน้าของอารัณหลังรู้ผลสอบ
ซึ่งอารัณยังคงทำได้คะแนนได้อันดับหนึ่งตามคาด ส่วนไอริณก็ต้องซ่อมตามเดิม เพียงแต่ครั้งนี้คะแนนดีกว่าครั้งที่ผ่านมาเล็กน้อยทำให้ซ่อมน้อยกว่าปกติ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ต้องซ่อมคนเดียวอยู่ดี เพราะถ้าไม่มีคนคอยช่วยเหลือเธออาจจะต้องซ่อมอีกรอบ
“อีกไม่กี่คะแนนจะผ่านอยู่แล้ว ทำไมไม่ทำให้ผ่านไปเลยล่ะ”
“ถ้าทำได้น้องไอคงทำไปแล้ว แต่ได้คะแนนเท่านี้น้องไอก็ดีใจมากแล้วล่ะ ถ้าอาจารย์ให้ผ่านห้าสิบเปอร์เซ็นต์น้องไอก็ผ่านนะ” สอบครั้งนี้ผ่านที่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ทำให้ยากที่เธอจะทำถูกได้ถึงขนาดนั้น
“อืม เก่ง คะแนนดีกว่าครั้งที่ผ่านมาเยอะ” อารัณวางฝ่ามือลงบนศีรษะของน้องสาว ก่อนที่ตุลย์ ต้นกล้า และมิลินที่ไปดูผลสอบจะเดินตามมาสมทบ อารัณหันไปมองหน้าเพื่อนก็เห็นว่าสองหนุ่มส่ายหน้าอย่างปลง ๆ ส่วนมิลินนั้นยิ้มแป้น ซึ่งก็เดาได้ไม่ยากว่าใครต้องซ่อมบ้าง
“กินส้มตำกันป้ะ ฉันอยากกิน” มิลินหันไปชวนเพื่อน ๆ ในกลุ่ม
“ได้ดิ” ตุลย์พยักหน้าเอาด้วย ทั้งห้าจึงขับรถไปที่ร้านส้มตำหน้ามหาวิทยาลัย
“ถามจริงนะรัณ ทำไมมึงเก่งแบบนี้วะ อิจฉาฉิบหายเลย นั่งเรียนข้างกันแต่กูไม่เคยเห็นมึงสอบตกเลยสักครั้ง” ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟต้นกล้าก็ถามคนที่นั่งตรงข้าม
“ไม่รู้เหมือนกัน” อารัณยักไหล่ตอบ อาจจะเป็นเพราะเขาสนใจเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็กและได้เรียนรู้งานมาจากพ่อแม่มาบ้างแล้ว ทุกอย่างที่อาจารย์สอนเขาจึงสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งที่เคยเจอได้
“นั่นสิ ขนาดไอริณเป็นฝาแฝดแท้ ๆ ยังเก่งไม่ได้ครึ่งของเฮียรัณเลย” หลายครั้งที่เวลาเกรดออกแล้วเธอไม่อยากให้ใครได้เห็น เพราะกลัวคนถามว่าทำไมคะแนนถึงได้ห่างกันมากขนาดนี้
“น้องไอ”
“น้องไอแค่เซ็งตัวเองนิดหน่อยค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรมาก” เธอพูดพลางส่งยิ้มให้เขา เธอภูมิใจเสมอที่มีพี่ชายที่แสนดีและเก่งขนาดนี้ เพราะถ้าเขาเป็นเหมือนเธอคงเรียนไม่จบไปด้วยกัน
“พัก ๆ เลิกคุยเรื่องเครียดแล้วมากินส้มตำกันดีกว่าเว้ย” ตุลย์ไม่อยากได้ยินเรื่องการสอบอีกจึงแจกน้ำอัดลมและเบียร์ให้กับเพื่อนคนละกระป๋อง
“เฮียขอดื่มนะ” อารัณเอ่ยปากขออนุญาตไอริณขณะรับเบียร์มาถือไว้
“อย่ากินเยอะนะคะ”
“ครับ” เมื่อได้คำอนุญาตแล้วเขาก็จัดการเปิดกระป๋องและกระดกขึ้นดื่ม ไม่นานอาหารอีสานที่สั่งก็ทยอยมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ
“มีอะไรไม่เผ็ดบ้างไหมลิน” อารัณหันไปถามคนที่นั่งอีกข้าง
“ไม่นะ มีแต่เผ็ดซี้ด นายชอบกินอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไอริณกินเผ็ดไม่ได้” อารัณตอบกลับก่อนจะเรียกพนักงานและสั่งเพิ่มไปอีกสามเมนู
“เฮ้ย เราลืมไปเลย ขอโทษนะไอริณ” มิลินชะโงกหน้าไปขอโทษเพื่อนสาว
“ไม่เป็นไร ๆ” ไอริณมองดูอาหารสีแดงแต่ละจานตรงหน้าที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะลองชิมด้วยซ้ำ
“เฮียสั่งตำไทยไปให้แล้ว รอแป๊บหนึ่งนะ”
“เฮียกินก่อนเลยค่ะ ไม่ต้องรอกินพร้อมน้องไอหรอก”
“ไม่เอา เฮียรอกินพร้อมน้องไอดีกว่า” นั่งรอไม่นานอาหารที่สั่งเพิ่มไปก็มาเสิร์ฟ อารัณจึงเริ่มลงมือกินอาหารไปพร้อมกับไอริณ
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ดูแลเอาใจใส่กันมากกว่าพี่น้องทั่วไปตกอยู่ในสายตาของเพื่อน ๆ ถ้าไม่ติดว่าเป็นฝาแฝดกันทุกคนต้องแซวสองคนนี้แน่นอน
“น้องไอลองชิมนิดหนึ่งได้ไหมคะ” ไอริณกินอาหารของตัวเองจนหมดแล้วจึงหันไปจ้องยำวุ้นเส้นในจานของอารัณที่สีดูไม่ค่อยจัดจ้านมากนักด้วยความสนใจ
“มันเผ็ด เห็นไม่มีสีแดงเหมือนจานอื่นแต่แสบปากนะ น้องไอกินไม่ได้หรอก”
“แค่นิดเดียวเอง”
“ไม่ได้ น้องไอกินเผ็ดแค่คำเดียวก็น้ำตาคลอแล้ว เดี๋ยวปวดท้องหรอก”
“ก็ได้ ไม่กินก็ได้”
“กินไอติมไหม เดี๋ยวเฮียไปซื้อให้”
“กินค่ะ เอารวมหลาย ๆ รสชาตินะ”
“เป็นไอนี่ดีเนอะ มีพี่ชายคอยซื้อนู่นซื้อนี่ให้”
ไอริณยิ้มกับคำพูดของมิลิน เธอได้ยินคนอื่นพูดประมาณนี้จนชินแล้วเพราะอารัณมักจะดูแลเธอดีแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ขนาดโตแล้วยังคอยดูแลสม่ำเสมอ
“ไอเคยอึดอัดบ้างไหม อยากไปไหนก็ต้องมีคนคอยตามตลอด” ต้นกล้าเลิกคิ้วขึ้นถามด้วยความอยากรู้
“ไม่นะ เราไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นเลย” ไอริณส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน เธอรู้สึกปลอดภัยมากกว่าที่ได้อยู่กับเขา
“เอาจริงนะ ถ้าทั้งสองคนไม่ได้เป็นฝาแฝดกัน บอกเลยว่าพวกเราจะเชียร์ให้คบกัน คงโรแมนติกมาก” มิลินพูดเสริมด้วยท่าทางเพ้อฝัน
“ถ้าเรามีแฟนก็อยากได้แบบนี้เหมือนกัน สาวคนไหนได้หัวใจเฮียไปครองคงเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดเนอะ”
“แล้วไอไม่อยากมีแฟนบ้างเหรอ หรือใครมายุ่งด้วยก็โดนรัณจัดการหมด”
“ไม่อะ ไอชอบตอนที่อยู่กับเฮียสองคนมากกว่า ไม่เคยคิดเรื่องมีแฟนเลย แค่แกล้งแหย่เฮียเล่นมากกว่า”
“ถ้าไอริณอยากมีแฟนก็บอกนะ เรามีคนอยากแนะนำให้รู้จักเยอะเลย”
“คงต้องรอให้เฮียอนุญาตก่อนแหละ”
“อย่าคิดจะหาใครมาให้ไอริณรู้จัก เดี๋ยวถึงเวลาก็มีเอง” อารัณที่มาทันได้ยินมิลินพูดพอดีก็จึงรีบปฏิเสธ แล้วยื่นไอศกรีมให้ไอริณ
“โอ๊ย จะหวงอะไรขนาดนั้น ยังไงสักวันไอก็ต้องมีแฟน นายเองก็เหมือนกัน”
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้ น้องไอยังไม่ได้คิดเรื่องแฟนใช่ไหม” อารัณก้มลงถามน้องสาว
“ใช่ค่ะ น้องไอไม่กล้ามีหรอก” ไอริณส่งยิ้มหวานให้อย่างเชื่อฟัง
“ดีมาก”
