ตอนที่ 3 ติวสอบ
“เฮียรัณพาน้องไอไปซื้อเครปหน่อยสิคะ” ไอริณหันไปหาคนด้านข้างที่กำลังนั่งทำรายงานในไอแพดอยู่ ทั้งที่เป็นงานคู่แต่อารัณอาสาทำคนเดียว แล้วสั่งให้เธอหาแค่ข้อมูลและรูปประกอบนิดหน่อย
“นั่งเฉย ๆ ไม่ทำงานแล้วหิว เฮียนั่งทำงานคนเดียวไม่เห็นหิวเลย” อารัณหันไปแซวน้องสาวแต่ก็ยอมวางไอแพดในมือลงเพื่อมือพาเธอไปซื้อเครป
“ตัวติดกันยิ่งกว่าแฝดสยามอีก” เพื่อนทั้งสามส่ายหน้าขำ ๆ คนหนึ่งจะไปไหนต้องชวนอีกคนไปด้วยอัตโนมัติ ยกเว้นก็แต่ไปเข้าห้องน้ำที่แยกห่างจากกันบ้าง
เมื่อมาถึงร้านไอริณก็สั่งของโปรดเหมือนทุกครั้งก่อนจะหันไปมองพี่ชาย
“เฮียรัณไม่เอาเหรอ อร่อยนะ”
“กินกับน้องไอได้ไหม”
“แล้วทำไมต้องแย่งน้องไอตลอดเลยล่ะ”
“ถ้าไม่ให้ก็ไม่เป็นไร ไม่กินก็ได้” อารัณยักไหล่ เขาไม่ชอบซื้อขนมแต่ชอบแย่งไอริณกินจนติดนิสัยไปแล้ว เพราะรู้สึกว่ารสชาติอร่อยกว่าซื้อเอง พอกินเยอะไปก็จะโดนหญิงสาวทำท่าหวงของกินใส่
“น้องไอไม่เคยแบ่งให้เฮียรัณกินด้วยเหรอคะ แบ่งตลอด” คุณพ่อคุณแม่ของเธอสอนเอาไว้ว่าต้องรักกัน มีอะไรก็ต้องแบ่งปันให้กันเสมอ
“แล้วอยากกินอะไรอีกหรือเปล่า เฮียจะได้พาน้องไอไปซื้อทีเดียว ถ้าหิวอีกไม่พามาแล้วนะ”
“ไม่แล้วค่ะ” ไอริณยื่นมือออกไปรับเครปก่อนจะกัดลงไปคำหนึ่งแล้วยื่นให้อารัณ
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าแล้วเดินนำกลับมายังโต๊ะที่ทั้งหมดใช้นั่งรวมตัวกันทำงาน โดยที่ไอริณคอยนั่งให้กำลังใจไม่ห่างและแบ่งขนมให้พี่ชายกินเรื่อย ๆ
“เจอกัน ขับรถดี ๆ” เมื่องานเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน โดยมิลินกลับพร้อมกับตุลย์ ส่วนต้นกล้าที่ขี่บิกไบค์มาก็เร่งเครื่องนำไปก่อนคันแรก
“เห็นกล้าชวนไปสนามแข่งรถ เฮียรัณคงไม่ได้คิดจะไปลงแข่งใช่ไหมคะ” ระหว่างทางกลับบ้านไอริณหันไปถามอารัณที่กำลังขับรถอยู่ สมัยยังอยู่มัธยมปลายเขาขับรถแข่งเล่นทุกเสาร์อาทิตย์ แต่พอเกิดอุบัติเหตุก็ทำให้เขาเลิกขับรถบิกไบค์แล้วเปลี่ยนมาขับรถเบนซ์แทน บิกไบค์จึงเป็นสิ่งที่เธอไม่ชอบมากที่สุดเพราะมันทำให้คนที่เธอรักอย่างอารัณเจ็บตัว
“เฮียไม่ได้แตะรถแข่งมานานแล้ว จะไปลงแข่งได้ไงกัน” วันที่ฟื้นขึ้นมาเห็นไอริณร้องไห้จนตาบวม เขาเจ็บใจที่เห็นน้ำตาเธอมากกว่าเจ็บแผลเสียอีก
“น้องไปเป็นห่วงเฮียมาก ห้ามไปแข่งเด็ดขาดเลยนะคะ”
“ครับ เฮียไม่ไปแน่นอน น้องไอไม่ต้องกังวลนะ” เมื่อรถติดไฟแดงพอดีเขาก็เอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กเพราะเห็นสีหน้าจริงจังของหญิงสาว
“โอเคค่ะ” เมื่อได้รับคำยืนยันไอริณก็ยิ้มกว้างออกมา แต่ในใจก็ยังคงกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบในครั้งนั้นขึ้นมาอีก
“แล้วคืนนี้จะมาให้เฮียติวให้ไหม อาทิตย์หน้าจะสอบแล้วนะ”
“สอบอะไรอีกคะ พรุ่งนี้ก็จะสอบอีกตั้งสองวิชา น้องไอปวดหัวไปหมดแล้วเนี่ย” เธอเรียน ๆ หลับ ๆ จนไม่ทันรู้เลยว่าอาจารย์พูดอะไรบ้างในคลาส
“ปวดหัวก็ต้องหาย เพราะถ้าพรุ่งนี้ทำไม่ได้ต้องซ่อมหนักเลยนะ”
“น้องไอไม่อยากโดนซ่อมเลยค่ะ มันเยอะ เหนื่อย” ไอริณเริ่มเบะปากงอแงออกมา
“พี่ก็ไม่อยากให้น้องไอโดนซ่อมเหมือนกัน” เพราะภาระก็คงไม่พ้นเขาที่ต้องมาช่วยเธอซ่อมด้วย
“แหะ ๆ ขอโทษค่ะ แต่น้องไอก็ทำสุดความสามารถแล้วนะ น้องไอโง่ ไม่เหมือนเฮียรัณที่เก่งทุกอย่าง” ขนาดตอนมัธยมเธอตั้งใจเรียนพิเศษทุกวันหลังเลิกเรียนและเสาร์อาทิตย์ก็ไปเรียนตั้งแต่เช้าจรดเย็น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอเก่งขึ้นมาเลยสักนิด
“น้องไอ” อารัณหันไปเรียกเสียงดุ
“ก็เรื่องจริงนี่คะ น้องไอโง่กว่าลิงอีก สอบอะไรก็ตก เรียนอะไรก็ไม่รู้เรื่อง ขนาดครูสอนใหม่ให้หลายรอบความรู้น้องไอก็ยังเท่าเดิม”
“อย่าว่าตัวเองโง่ วิชาภาษาอังกฤษน้องไอก็ทำคะแนนได้ตั้งเยอะ” ไอริณถนัดทั้งภาษาไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส และจีน แถมยังสามารถเล่นเปียโนได้ ร้องเพลงเพราะ เต้นก็เก่ง ใช่ว่าทุกคนจะต้องเรียนเก่งกันหมด เธอแค่ไม่ถนัดวิชาการ
“แต่น้องไอก็ไม่เก่งเท่าเฮียรัณ” แม้ว่าพ่อแม่จะไม่เคยพูดเปรียบเทียบ แต่ในใจลึก ๆ ทุกคนก็ต้องเคยเปรียบเทียบตัวเองกับพี่น้อง
“คนเรามีความเก่งไม่เหมือนกัน เฮียไม่ชอบที่น้องไอว่าตัวเองแบบนี้เลยนะ”
“น้องไออยากถามอะไรหน่อยค่ะ”
“ว่าไง”
“ถ้าให้เลือกระหว่างหนึ่ง เฮียมีน้องไออยู่ในชีวิต กับสอง ชีวิตนี้เฮียไม่มีน้องไอ เฮียรัณจะเลือกข้อไหนเหรอคะ” ถามจบเธอก็กลืนน้ำลายลงคอด้วยความลุ้น และคาดหวังว่าคำตอบจะเป็นอย่างที่เธอคิด
“น้องไอถามเฮียเพราะไม่รู้จริง ๆ เหรอ” อารัณจอดรถเมื่อมาถึงบ้านแล้ว ก่อนจะหันหน้าไปหญิงสาวตรง ๆ
“น้องไอก็แค่อยากได้ยินจากปากของเฮีย เพราะตั้งแต่เด็กเฮียรัณก็ดูแลน้องไอมาตลอด ใครชวนไปเล่นด้วยก็ไม่ไป โตมายังต้องดูแลน้องไออีก”
“เฮียก็ต้องเลือกข้อแรกอยู่แล้ว เฮียดีใจนะที่มีสิ่งมีชีวิตที่น่ารักน่าเอ็นดูอย่างน้องไอ เราโตมาด้วยกันจนเฮียไม่อยากจากน้องไอไปไหน เฮียอยากดูแลน้องไอไปตลอดชีวิตเลยด้วยซ้ำ” แม้เขาจะอยากเห็นแก่ตัวให้ไอริณอยู่ด้วยกันไปตลอดก็คงไม่มีทางทำได้ เพราะสักวันเธอก็ต้องแยกออกไปมีครอบครัว แค่คิดว่าต่อไปจะไม่มีเสียงใส ๆ คอยคุยจ้ออยู่ข้าง ๆ ก็ทำเอาเขาแอบใจหายอยู่เหมือนกัน
“แล้วใครบอกว่าน้องไอจะไปไหนล่ะคะ น้องไอต้องอยู่กับเฮียรัณสิ” ในตอนที่เธอเจ็บป่วยและพ่อแม่ไม่อยู่บ้านก็มีเพียงเขาที่คอยดูแลไม่ห่าง เธอจึงติดพี่ชายมากกว่าพ่อแม่ด้วยซ้ำ
“แต่น้องไอก็พูดตลอดว่าจะมีแฟน โตขึ้นก็ต้องทิ้งเฮียอยู่แล้ว”
“ก็แค่พูดแหย่เล่นเฉย ๆ น้องไอยังอยากตามเกาะติดเฮียรัณอยู่ค่ะ”
“ให้จริงเถอะ อย่าให้เห็นนะว่าขึ้นปีสามก็มีแฟนแล้ว”
“ขี้หวง เฮียรัณเองก็ด้วยเถอะ ห้ามหนีน้องไอไปมีแฟนก่อนเข้าใจไหมคะ”
“ว่าเฮียขี้หวง น้องไอเองก็เหมือนกันแหละ” อารัณส่ายหน้าก่อนจะเดินลงไปเปิดประตูรถให้ไอริณ เมื่อเดินเข้าบ้านมาถึงห้องครัวก็เห็นโน้ตแปะอยู่หน้าตู้เย็นว่าพ่อกับแม่บินไปทำงานที่ต่างประเทศกันสองอาทิตย์
ก๊อก ๆ
“น้องไอขอเข้าไปนะคะ” ไอริณเปิดประตูเข้าไปในห้องที่ตกแต่งด้วยโทนมืดแต่เป็นระเบียบเรียบร้อยของอารัณ ซึ่งแตกต่างจากห้องของเธอที่มีของเยอะแยะเต็มไปหมด
อารัณเงยหน้ามองไอริณที่ใส่ชุดนอนสีชมพูประจำตัวเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เขาที่พื้น
“เดี๋ยวเฮียขอทดสอบน้องไอดูก่อนนะ”
“โห นี่เฮียรัณทำแบบฝึกหัดให้น้องไอโดยเฉพาะเลยเหรอคะ”
“จะได้ฝึกทำ แล้วเฮียจะได้รู้ว่าน้องไอทำได้ขนาดไหน” เขาสร้างโจทย์ใหม่ขึ้นมายี่สิบข้อในไอแพดแล้วส่งให้ไอริณได้ลองทำดูก่อน
“ถามจริงนะคะ เรื่องนี้เราเคยเรียนกันด้วยเหรอ” ไอริณเงยหน้าขึ้นไปถามอย่างสงสัย
“เพิ่งเรียนไปเมื่อวันก่อนเองนะ”
“ทำไมน้องไอไม่คุ้นเลย ยากอะ ไม่อยากสอบ ไม่อยากเรียนแล้ว อยากเกาะเฮียรัณกินมากกว่า”
“แต่น้องไอต้องทำให้ได้เพราะมันต้องใช้สอบ ถ้าน้องไอทำยี่สิบข้อนี้ไม่ได้คงได้ซ่อมแน่ ๆ”
ผ่านไปสามชั่วโมงไอริณที่ผมเผ้าชี้ฟูจากการทึ้งหัวตัวเองก็หันไปมองอารัณด้วยแววตาท้อแท้
“ข้อสิบหกนี้คือยังไงอะ มันมีเศษส่วนแล้วน้องไอต้องทำยังไง”
“น้องไอลองทำเองก่อน เฮียบอกแล้วไงว่าต้องสลับข้างสูตร”
“ก็เฮียให้ทำโจทย์ยากนี่นา”
“ไม่ยากเลย บางข้อเฮียก็เอามาจากตัวอย่างที่อาจารย์สอน”
“ผิดที่น้องไอไม่รู้เรื่องเองสินะ ปวดหัว อยากนอนแล้วค่ะ รอซ่อมพรุ่งนี้เลยก็ได้”
“เดี๋ยวเฮียช่วยซ่อม พรุ่งนี้น้องไอก็ทำให้เต็มที่ เฮียเคยอธิบายอะไรไปก็พยายามนึกเข้า งั้นวันนี้ไปนอนได้ ดึกแล้ว” อารัณปิดหนังสือและเก็บของเมื่อเห็นว่าจะเที่ยงคืนแล้ว
“น้องไอขอโทษนะคะที่ไม่เข้าใจที่เฮียสอนเลย”
“อืม แต่น้องไอก็ตั้งใจที่สุดแล้ว ข้อง่าย ๆ ที่ไม่มีอะไรซับซ้อนน้องไอทำได้หมด ยกเว้นแต่การคำนวณที่มีสูตรเฉพาะที่ต้องไปจำสูตรเพิ่มเอา ได้แค่นี้ก็เก่งแล้ว”
“เก่งจริงเหรอ”
“น้องไอของเฮียเก่งที่สุดแล้ว”
“ฝันดีนะคะ”
“ฝันดีเหมือนกันครับ”
