ตอนที่ 2 พี่ชายที่แสนดี
แปดปีต่อมา
“กระโปรงจะสั้นอะไรขนาดนั้นน้องไอ” อารัณยืนกอดอกมองน้องสาวที่นั่งแต่งหน้าอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในชุดนักศึกษา กระโปรงทรงเอที่แหวกจนเห็นต้นขาขาวทำให้เขาอดท้วงไม่ได้
“ใครเขาก็ใส่แบบนี้กันค่ะ เฮียรัณจะให้ใส่ยาวเกินเข่าเลยเหรอคะ”
“ถึงตาตุ่มเลยได้ยิ่งดี”
คำตอบของเขาทำให้ไอริณถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาแล้วทาลิปสติกเป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจะเดินควงแขนพี่ชายลงไปรับประทานอาหารเช้า
“ลงมากันได้แล้วเหรอทั้งสองคน คุณพ่อออกไปทำงานแต่เช้าแล้ว”
“ครับ ผมก็รอน้องไอแต่งตัวนั่นแหละ ไม่รู้จะสวยไปให้ใครมอง”
“บ่นแต่ก็รอน้องไอตลอด” ไอริณเบะปากใส่แล้วเดินเข้าไปนั่งประจำที่ข้าง ๆ พี่ชาย
หลังจากกินข้าวเช้ากันเสร็จไอรดาก็เดินออกไปส่งลูกทั้งสองคนที่รถ วันนี้เธอหอบงานมาทำที่บ้านจึงไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้าออฟฟิศ
“ขับรถช้า ๆ นะรัณ แล้วก็ฝากดูแลน้องไอด้วยนะ”
“น้องไออายุยี่สิบแล้วนะคะคุณแม่ จะมาฝากให้เฮียรัณดูแลอะไร อายุก็เท่ากันด้วย”
“เพราะน้องไอตัวเล็กไงจ๊ะ กินเยอะ ๆ สิจะได้โตเร็ว ๆ แต่ตอนนี้รีบไปเรียนได้แล้ว เดี๋ยวก็สายกันพอดี”
เมื่อไอริณเปิดประตูไปนั่งบนรถ อารัณจึงสตาร์ตรถออกจากบ้านทันที
“หึ ยี่สิบแล้วแต่ยังเหมือนเด็กสองขวบอยู่เลย”
“เด็กสองขวบที่เฮียรัณชอบแอบหอมแก้มใช่ไหม คุณแม่เอารูปมาให้น้องไอดูแล้ว ตอนนั้นน้องไอน่ารักมากล่ะสิ”
“ไม่รู้ จำไม่ได้ รู้แต่ว่ามีเด็กแก้มเหมือนซาลาเปาชอบร้องไห้เสียงดังทั้งวัน”
“ถึงน้องไอจะมีแก้มซาลาเปา น้องไอก็ไม่ให้เฮียรัณหอมหรอก จะเก็บไว้ให้แฟนในอนาคต”
อารัณที่ได้ยินอย่างนั้นก็ละสายตาจากถนนเบื้องหน้าไปจ้องเขม็งคนข้างตัวทันที
“น้องไอไม่กลัวหรอก เดี๋ยวอีกไม่นานน้องไอจะเปิดตัวแฟนน้า หล่อมาก ๆ เลยด้วย” ไอริณแกล้งแหย่พี่ชายขี้หวงเล่น ทั้งที่ความจริงเธอยังไม่เคยมีแฟนสักคน เพราะมีอารัณตามติดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พอผู้ชายเข้าใกล้หน่อยก็โดนเขาไล่ตะเพิดไปซะก่อน
“อย่าดื้อน้องไอ ถ้าเฮียรู้ว่าแอบคุยกับผู้ชายคนไหนจะโดนเฮียฟาดไม่ใช่น้อย ๆ เลย ตั้งใจเรียนดีกว่านะ” อารัณขู่เนื่องจากรู้ว่าเธอแค่ล้อเล่น
“ชาตินี้น้องไอจะหาแฟนได้ไหมคะ ใครเข้ามาจีบเฮียรัณก็ไม่อนุญาตสักคน”
“ก็ไม่ต้องมี ชาตินี้อยู่กับเฮียไปทั้งชาติเลย”
หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาอย่างเซ็ง ๆ พลางแอบตั้งปณิธานไว้ว่าถ้าเขามีคนที่ชอบเธอก็จะขัดขวางเหมือนกัน
ณ มหาวิทยาลัย
“เฮียรัณจะถือกระเป๋าของน้องไอตั้งแต่เด็กยันโตเลยเหรอคะ” ไม่ว่าจะใบเล็กใบใหญ่เขาก็จะอาสาถือให้ตลอด แม้แต่กระเป๋าสีชมพูที่ไม่เข้ากับเขาเลยสักนิดอารัณก็ยังสะพายให้
“อืม อยากถือให้ หรือน้องไอจะเก็บไว้ให้แฟนในอนาคตถือให้แทนล่ะ”
“ไม่เห็นต้องพูดเสียงเข้มเลย” ไอริณยู่ปากใส่แล้วเดินเข้าไปในห้องเรียนโถงใหญ่ที่มีนักศึกษาเข้ามากว่าครึ่งห้องแล้ว
“ทางนี้ ๆ” เพื่อนในกลุ่มกวักมือเรียกไอริณและอารัณ ทั้งคู่เรียนคณะเดียวกันจึงมีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน
“มาช้าจังอะ” ต้นกล้าถามอารัณที่ปกติจะมาแต่เช้า
“ไอริณตื่นสาย”
“ก็เฮียรัณชวนน้องไอดูหนังดึกอะ ผิดที่เฮียรัณนั่นแหละค่ะ” ไอริณรีบแก้ตัวให้ตัวเองถูกทันที
“เหรอ เฮียบอกให้นอนตั้งนานแล้วเถอะ น้องไอนั่นแหละที่ดื้อไม่ยอมนอนเอง”
“ไปห้องน้ำกันไหม อาจารย์ยังไม่เข้า” ตุลย์หันไปถามต้นกล้าก่อนจะหันไปมองอารัณ
“ไปกันสองคนเลย ไม่ต้องชวนเฮียรัณไปด้วย” ไอริณแยกเขี้ยวตอบเพราะรู้ว่าชวนไปสูบบุหรี่กันมากกว่า
“ไม่ได้ถามไอริณสักหน่อย ถามอารัณ”
“ไอริณว่าไงก็ว่างั้นแหละ” อารัณจึงต้องตอบเพื่อไม่ให้เถียงกันต่อ
“สักหน่อย” ตุลย์ชวนอีกครั้ง
“สักหน่อยก็ไม่ได้ อยากมากก็ไปกับต้นกล้านู่น เฮียรัณห้ามไปนะ” ไอริณกอดแขนอารัณแน่นไม่ยอมปล่อย
“ไม่ต้องชวน ไปไม่ได้ น้องไอไม่อนุญาต จบไหม” อารัณตอบอีกครั้ง ตุลย์จึงเลิกเซ้าซี้แล้วเดินออกไปจากห้องพร้อมกับต้นกล้า
“เชื่อฟังกันดีจริง ๆ” มิลินมองเพื่อนฝาแฝดทั้งสองพลางส่ายหน้า
“อย่าให้น้องไอรู้นะคะว่าเฮียรัณแอบสูบบุหรี่ น้องไอไม่ชอบ”
“รู้แล้ว ไม่ได้คิดจะสูบสักหน่อย”
“ดีมากค่ะ ถ้าน้องไอรู้นะน้องไอจะไม่รักเฮียรัณ และจะไปรักผู้ชายคนอื่นแทน”
“มันเป็นอะไรนักหนาน้องไอ อยากมีแฟนมากเลยใช่ไหม” อารัณมองหน้าไอริณที่เอาแต่พูดว่าจะมีแฟนหลายครั้งจนเขาเริ่มคิดจริงแล้วว่าเธอกำลังคุยกับใครอยู่
“ทำไมต้องเสียงแข็งใส่ด้วย แค่แหย่เล่นเอง” ไอริณเบะปากเมื่อโดนดุ
“ก็รู้ว่าเฮียไม่ชอบที่น้องไอพูดเล่นแบบนี้ หรือมีแฟนแล้วจริง ๆ แอบคุยไว้ใช่ไหม”
“ไม่ใช่สักหน่อยค่ะ น้องไอจะไปแอบคุยกับใครตอนไหนได้วัน ๆ ก็ตัวติดกับเฮียตลอด”
“ให้จริงเถอะ ถ้าเฮียรู้ระวังมันจะได้ไปนอนแดกน้ำเกลือที่โรงพยาบาลละกัน”
“ชิ ทำไมต้องโหดด้วย”
“ก็เพราะน้องไอดื้อ ถ้าจะมีแฟนก็ต้องพามาให้เฮียดูก่อนว่าผ่านไหม” ส่วนเขาจะอนุญาตหรือไม่ก็ค่อยว่ากันอีกที
“ไม่ผ่านค่ะ น้องไอรู้อนาคต เฮียรัณไม่ยอมให้น้องไอมีแฟนง่าย ๆ หรอก”
“ก็รู้ดีนี่ งั้นเลิกคิดเรื่องมีแฟนได้แล้ว อยู่กับเฮียนั่นแหละ ตอนแก่ค่อยมี” เขากลัวว่าแฟนในอนาคตของไอริณจะไม่ทะนุถนอมเธอเหมือนที่เขาคอยเฝ้าประคบประหงมมาตั้งแต่เด็ก ๆ
“งั้นก็ให้น้องไออยู่โสดไปเลยดีกว่าค่ะ” พูดจบไอริณก็ถอนหายใจใส่แรง ๆ
“ก็ไม่ได้อยากให้มีแฟนอยู่แล้ว”
“เลิกกะหนุงกะหนิงเหมือนอยู่ด้วยกันแค่สองคนสักทีเถอะ อาจารย์เข้าแล้ว” มิลินหันไปบอกกับเพื่อนก่อนจะโทรตามตุลย์และต้นกล้าเข้าห้องเรียน
เมื่อเริ่มเรียนไปได้สักพักอารัณก็เห็นน้องสาวถอนหายใจออกมาหลายครั้ง
“เป็นอะไร”
“ไม่อยากเรียนแล้ว ไม่เข้าหัวเลย ทำไมน้องไอไม่เก่งเหมือนเฮียรัณบ้าง” ไอริณพิงศีรษะไปที่ต้นแขนของอารัณด้วยความท้อ
“ตั้งใจเรียน” มือลูบศีรษะเล็กแต่ตายังจ้องมองไปบนกระดานที่อาจารย์กำลังเขียนอยู่
“ตั้งใจแล้วแต่ก็เรียนไม่รู้เรื่องอยู่ดี ปวดหัว”
“ค่อย ๆ ทำความเข้าใจไป เดี๋ยวก็เรียนรู้เรื่องเอง” อารัณก้มลงมองสีหน้าบูดบึ้งของไอริณ เธอเป็นคนหัวช้ามาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว อาจารย์สอนไปถึงไหนต่อไหน เธอก็ยังไม่เข้าใจตั้งแต่ขั้นพื้นฐานอยู่ดี
“ไม่เอาแล้วค่ะ ไม่เรียนแล้ว ไปตามล่าหาความฝันดีกว่า”
“เฮียจะฟ้องคุณแม่ว่าน้องไอไม่ตั้งใจเรียน”
“ถ้าเลิกเรียนแล้วปลุกด้วยนะคะ ห้ามแกล้งทิ้งน้องไอไว้คนเดียว” ฝ่ามือไปลูบที่ศีรษะยิ่งเป็นการกล่อมให้ไอริณง่วงนอนมากขึ้น เธอจึงค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง
“ไม่เคยทำแบบนั้นอยู่แล้ว”
เมื่อจบคลาสเรียนทั้งหมดก็มาข้าวเที่ยงกินด้วยกันใต้ตึกคณะ ไอริณอาสานั่งจองโต๊ะเช่นเคย เพราะปกติถ้าคนเยอะอารัณจะไปซื้อข้าวให้เธอจนติดเป็นนิสัย ตั้งแต่โตมาจึงนับครั้งได้ที่ไอริณจะต้องไปต่อแถวซื้อข้าวเอง
“จะกินอะไร”
“เอาเหมือนเฮียรัณค่ะ”
“ดูแลกันดีขนาดนี้ ใครไม่รู้คงคิดว่าเป็นแฟนกันหมดแล้ว” ต้นกล้ามองทั้งไอริณและอารัณสลับกันไปมา ครั้งแรกที่เจอกันเขาก็คิดว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน เพราะใบหน้าไม่ได้ความคล้ายคลึงกันเลย
“เฮียรัณของเราใจดีใช่ไหมล่ะ ใครเห็นก็อิจฉากันหมด” ไอริณบอกด้วยความภาคภูมิใจที่มีอารัณดูแลดีจนเหมือนเป็นเจ้าหญิง รอไม่นานอารัณก็เดินถืออาหารจานโปรดของเธอกลับมา
“ไปยืนต่อแถวมานานไหม ทีหลังให้น้องไอไปซื้อเองมั่งก็ได้ น้องไอเกรงใจเฮียนะ”
“เกรงใจอะไร เฮียเต็มใจทำให้น้องไอทุกอย่าง”
“หรือจริง ๆ เฮียอยากไปยืนเบียดกับสาว ๆ กันแน่คะ โอ๊ย มันเจ็บนะคะ ดีดมาทำไมเนี่ย” ไอริณยิ้มให้ก่อนจะโดนดีดที่หน้าผากเกลี้ยงเกลาเสียงดังแปะ
“หึ สมน้ำหน้า”
