ตอนที่ 1 ฝาแฝด
“เฮียรัณขา~” เสียงหวานใสเอ่ยเรียกพี่ชายฝาแฝดของตัวเองหลังจากที่เพิ่งกลับมาจากการเรียนพิเศษ
เมื่อได้ยินเสียงเรียกอารัณ เด็กหนุ่มวัยสิบสองขวบจึงเดินไปหาน้องสาวที่ห้องนั่งเล่นทันที
“ว่าไง วันนี้น้องไอไปเรียนเปียโนมาใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ วันนี้น้องไอเล่นเพลงใหม่ได้ด้วย เฮียรัณอยากลองฟังไหมคะ” ไอริณยิ้มอย่างภาคภูมิใจให้กับพี่ชาย
แม้จะอายุเท่ากันแต่ทั้งคู่ก็ถูกเลี้ยงมาให้ดูแลกันแบบพี่น้องมากกว่าเพื่อน เด็กทั้งสองมักจะตัวติดกันตลอดเวลา พ่อแม่ส่งให้เรียนโรงเรียนเดียวกัน คุณครูก็จัดให้อยู่ห้องเดียวกัน แต่หลังเลิกเรียนบางวันเด็กทั้งสองจะแยกกันไปเรียนพิเศษตามความสนใจ
“อยากฟัง เฮียชอบเวลาน้องไอเล่นเปียโน” อารัณพยักหน้าหงึกหงักพลางมองใบหน้าจิ้มลิ้มของไอริณ ที่ใครเห็นก็ต่างไม่เชื่อว่าทั้งคู่จะเป็นฝาแฝดกัน เพราะสีผมและใบหน้าแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
“น้องไอก็ชอบเวลาที่เฮียรัณเล่นกีตาร์กับร้องเพลงไปด้วยค่ะ เท่มากเลย” ไอริณตอบขณะกวาดสายตามองหาอะไรบางอย่างรอบห้องนั่งเล่น จนอารัณนึกขึ้นมาได้
“หาเครปเย็นอยู่เหรอ” อารัณเอ่ยถามเพราะไอริณมักจะฝากเขาให้ซื้อเครปเย็นมาให้หลังเลิกเรียนพิเศษ
“ใช่ค่ะ เครปเย็นน้องไออยู่ไหนเหรอคะ” ไอริณแบมือไปตรงหน้า
“เฮียไม่ได้ซื้อมาให้ครับ วันนี้ครูปล่อยช้า แล้วร้านเครปก็คนเยอะมาก”
พอไอริณได้ยินอย่างนั้นก็หน้าหงอยลงทันทีที่วันนี้ไม่ได้กินของโปรด ทำเอาคนมองยกยิ้มขึ้นมาอย่างนึกเอ็นดู
“จริงเหรอคะ โกหกน้องไอหรือเปล่า เฮียรัณจะแกล้งน้องไอใช่ไหม” ไอริณยังไม่ยอมแพ้จึงถามย้ำเพื่อยืนยันว่าไม่ได้โดนหลอก
“ไว้วันหน้าเฮียจะซื้อมาให้น้องไอสองกล่องเลย โอเคไหม”
“ก็ได้ค่ะ” ไอริณพยักหน้าเบา ๆ ด้วยจิตใจห่อเหี่ยวก่อนจะเดินหนีไปหาของกินในครัว
อารัณที่เห็นอย่างนั้นก็เดินตามไปด้วยเพราะกลัวจะโดนน้องสาวงอน
“งอนเฮียเหรอ”
“ไม่ได้งอนค่ะ” ไอริณส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นก่อนจะหยิบเค้กช็อกโกแลตที่คุณแม่ซื้อไว้ให้เมื่อวานออกมา
“แน่ใจนะ”
“ค่ะ แต่ถ้าครั้งหน้าเฮียรัณไม่ซื้อมาให้น้องไออีก น้องไองอนแน่นอน”
“ครับ เฮียสัญญาว่าจะไม่ลืมแล้ว” อารัณรีบสัญญาทันทีแล้วเดินตามไปนั่งเฝ้าเด็กหญิงกินเค้กพร้อมกับนั่งดูการ์ตูนเจ้าหญิงเป็นเพื่อนเธอ ก่อนจะถูกแม่เรียกให้ไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวมากินข้าวเย็นกัน
เช้าวันต่อมา
“วันนี้น้าเชิดอาจจะไปรับลูกสองคนช้าหน่อย ตอนเย็นไม่มีเรียนพิเศษกันด้วย อารัณดูแลน้องหน่อยนะ” แม่ของทั้งสองคนเอ่ยบอกกับลูกชายและลูกสาว
“ครับ เดี๋ยวผมจะดูแลน้องให้เอง คุณแม่ไม่ต้องห่วง” อารัณรับปาก ถึงคุณแม่ไม่สั่งเขาก็คอยดูแลไอริณอยู่แล้ว
“นี่เงิน เอาไปซื้ออะไรกินกันตอนรอรถนะ อย่าชวนกันเล่นซนล่ะ” คุณพ่อของทั้งสองคนพูดพลางยื่นเงินให้
ทั้งอารัณและไอริณก็ยกมือไหว้แล้วรับเงินมาเก็บใส่กระเป๋าสตางค์
“คุณพ่อคุณแม่ก็ตั้งใจทำงานนะคะ อย่าลืมของฝากน้องไอด้วยนะคะ” ไอริณยิ้มให้พ่อกับแม่ที่มักจะต้องออกไปทำงานนอกสถานที่เสมอ บางทีก็บินไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศนานหลายสัปดาห์ ทำให้ไอริณและอารัณสนิทกันมาก
ระหว่างเดินทางไปโรงเรียนอารัณก็หันไปหาน้องสาวที่กำลังนั่งกินข้าวเหนียวหมูปิ้งอยู่บนรถ
“น้องไอทำการบ้านวิทยาศาสตร์เสร็จแล้วใช่ไหม”
“ทำเสร็จแล้วค่ะ แต่น้องไอไม่เข้าใจเลย” ไอริณถอนหายใจออกมาเมื่อพูดถึงเรื่องการบ้าน พี่ชายของเธอเรียนเก่งมาก แตกต่างจากเธอที่ไม่ว่าคุณครู เพื่อน หรือแม้แต่อารัณจะอธิบายกี่รอบเธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“ทำไม่ได้ก็ลอกเฮีย เดี๋ยวเสาร์อาทิตย์เฮียติวให้”
“โอเคค่ะ น้องไอดีใจที่เฮียรัณทั้งหล่อทั้งเก่ง ในอนาคตน้องไออยากมีแฟนแบบเฮียรัณจังเลย” ไอริณยิ้มกว้างและพูดออกมาด้วยความไร้เดียงสา
“ตัวแค่นี้คิดจะมีแฟนแล้วเหรอ คุณพ่อบอกว่าอนุญาตให้น้องไอมีแฟนได้ตอนอายุสามสิบ”
“ไม่เอาหรอก น้องไอจะมีแฟนตอนขึ้นมอหนึ่ง เอาหล่อ ๆ เท่ ๆ ไปเลย”
“ผ่านด่านเฮียกับคุณพ่อไปก่อนเถอะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นไอริณจึงเบะปากให้กับความหวงของคุณพ่อและพี่ชาย
“ถ้าเฮียรัณไม่ให้น้องไอมีแฟน น้องไอก็จะห้ามไม่ให้เฮียรัณมีเหมือนกัน”
“เฮียก็ยังไม่อยากมีแฟนสักหน่อย ต่อให้น้องไอไม่ห้าม เฮียก็ไม่มีอยู่ดี” อารัณยักคิ้วใส่อย่างกวนประสาท
“ให้จริงเถอะ น้องไอไม่เชื่อหรอก”
จากนั้นทั้งสองคนก็โต้ตอบกันไปมาจนมาถึงหน้าโรงเรียน อารัณสะพายกระเป๋านักเรียนของตัวเองไว้บนบ่า และถือกระเป๋านักเรียนของไอริณให้ด้วย ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินขึ้นห้องเรียน
“เฮียรัณไม่ต้องถือกระเป๋าให้น้องไอแล้วก็ได้นะคะ น้องไอสะพายไหว”
“เฮียก็ถือไหว น้องไอเดินตัวเปล่าถือแค่กระบอกน้ำกับกล่องข้าวนั่นแหละ”
คาบเรียนในช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยที่อารัณนั้นเรียนเข้าใจทุกวิชา ส่วนไอริณงงทุกวิชา เวลาที่อาจารย์สุ่มเรียกก็มักจะโดนไอริณเสมอ แต่คนที่นั่งข้าง ๆ ของเธอคืออารัณที่แอบกระซิบบอกคำตอบ ทำให้เธอสามารถตอบถูกได้ทุกข้อจนพอจะมีคะแนนเก็บอยู่บ้าง
“วันนี้ไปเล่นเตะบอลด้วยกันเปล่ารัณ” เพื่อนชายในห้องเดินเข้ามาชวนอารัณ
“ไม่เอาอะ พวกนายไปกันเถอะ” อารัณส่ายหน้าปฏิเสธทำให้เพื่อนกลุ่มนั้นเดินจากไป ก่อนที่เขาจะก้มหน้ากินข้าวต่อ
“ทำไมเฮียรัณไม่ไปเตะบอลกับเพื่อน ๆ ล่ะคะ”
“อยากอยู่กับน้องไอมากกว่า”
“น้องไอโตแล้ว อยู่คนเดียวได้ ที่สำคัญน้องไอก็มีเพื่อนด้วยนะ” เธอตอบกลับด้วยความไม่ชอบใจกับเหตุผลของเขา
“เฮียไม่อยากไปเอง ไม่ใช่ว่าเพราะอยากอยู่กับน้องไออย่างเดียว”
“งั้นก็แล้วแต่เฮียรัณค่ะ”
ทั้งสองคนนั่งกินข้าวด้วยกันจนอิ่มจากนั้นก็ลุกไปเดินเล่นสวนดอกไม้ข้างตึกเรียน
“ดอกไม้สวยจังเลยค่ะเฮียรัณ” พูดจบเด็กหญิงก็วิ่งไปดูดอกไม้ในแปลงที่กำลังผลิดอกออกมาอย่างสวยงาม
“อย่าวิ่งน้องไอ เดี๋ยวล้ม”
ไอริณไม่สนใจฟังแถมยังวิ่งเล่นไปรอบ ๆ จนครบทุกแปลงโดยไม่ระมัดระวัง
ตุ๊บ!
“โอ๊ยย”
เมื่อได้เสียงร้องอารัณก็รีบวิ่งเข้าไปหาไอริณที่ล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น
“เฮียบอกแล้วไงว่าอย่าวิ่ง ทำไมน้องไอไม่ฟังเฮียเลย” อารัณย่อตัวลงถามน้องสาว
ไอริณที่โดนดุก็เงียบและเบะปากเตรียมจะร้องไห้เมื่อเริ่มเจ็บที่แผล
“อย่าร้องนะน้องไอ”
ไอริณรีบกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมาแล้วช้อนดวงตาที่มีน้ำคลอเบ้ามองไปยังพี่ชาย
อารัณดูแผลที่หัวเข่าก็เห็นว่าถลอกนิดหน่อยจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาปัดฝุ่นบนแผลให้ แล้วก้มลงไปเป่าให้เธอเบา ๆ
“แค่เข่าถลอกนิดหน่อย ไม่เจ็บหรอก”
“ฮึก! แต่มันแสบ เหมือนเลือดจะออกด้วยค่ะ” ไอริณบอกด้วยน้ำเสียงสะอื้นเบา ๆ ทั้งที่พยายามกลั้นน้ำตาเต็มที่แล้ว แต่บางหยดก็ไหลลงมาอาบแก้มอยู่ดี
“เดี๋ยวเฮียพาไปทำแผลที่ห้องพยาบาล” เด็กชายพยุงตัวของน้องสาวขึ้นขี่หลัง เขาอยากจะดุก็ดุไม่ลงเมื่อเห็นน้ำตาของเธอเพราะเมื่อไหร่ที่ไอริณร้อง เขาก็มักจะคิดว่าตัวเองดูแลเธอได้ไม่ดีพอ
เมื่อมาถึงห้องพยาบาลอารัณจึงพาไอริณไปนั่งที่เตียง โดยมีมือเล็กจับเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“เฮียรัณห้ามทิ้งน้องไอนะคะ อยู่กับน้องไอก่อน”
“เฮียไม่ไปไหนอยู่แล้ว เฮียจะอยู่ให้กำลังใจน้องไอตรงนี้แหละ” เขาบีบมือเธอเบา ๆ เพื่อปลอบโยน
ความอบอุ่นนี้ทำให้ไอริณที่กลัวห้องพยาบาลเริ่มหายกลัวเพราะมีพี่ชายอยู่เป็นเพื่อน
ไม่นานครูประจำห้องพยาบาลที่เตรียมอุปกรณ์ทำแผลเสร็จก็เดินมานั่งเก้าอี้ตรงหน้าเด็กหญิง
“ฮึก! ฮืออ แสบ” ไอริณที่ถูกแอลกอฮอล์เช็ดแผลร้องออกมาทันที
อารัณคอยลูบหัวปลอบไอริณเอาไว้จนคุณครูปิดปลาสเตอร์ลายแมวสีชมพูเสร็จเรียบร้อย
“ขอบคุณครับคุณครู”
“ทีหลังก็อย่าซนอีกนะ เดี๋ยวเจ็บตัวแบบนี้อีก”
“ค่ะ” ไอริณตอบเสียงอ่อย
“ยังแสบแผลอยู่ไหม” เมื่อครูสาวเดินออกไปแล้วอารัณจึงเอ่ยถามพร้อมกับใช้นิ้วเกลี่ยซับน้ำตาให้น้องสาว
“นิดหน่อยค่ะ”
“ทีหลังก็อย่าดื้ออีกเข้าใจไหม”
“น้องไอขอโทษที่ดื้อค่ะ” ไอริณพยักหน้าหงึกหงักด้วยความสำนึกผิด
“เฮียไม่ได้จะว่าอะไร ขอแค่น้องไอสัญญาว่าจะไม่ทำให้ตัวเองเจ็บตัวอีก เพราะเฮียไม่ชอบ”
“น้องไอสัญญาค่ะเฮียรัณ แต่เฮียรัณต้องสัญญากับน้องไอนะคะว่าจะไม่บอกพ่อแม่”
“เฮ้อ ก็ได้”
“ขอบคุณมากค่ะ” ดวงหน้าเล็กยิ้มกริ่มแล้วอ้าแขนไปกอดพี่ชายแน่น
