2 ทายาทหมื่นล้าน
มวลความรู้สึกทั้งหมดของผู้เป็นใหญ่ กระจุกตัวกันอยู่ที่หัวคิ้ว สาดสะท้อนผ่านแววตาดุขรึม ประกาศกร้าว จ้องมองคนเฉยเมย ที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่สีครีมดิ้นทอง ตรงกันข้ามกับตัวที่ตัวเองนั่งอยู่
คำตวาดก่อนหน้า ยังคงกรุ่นอยู่ในห้องโถงใหญ่ แต่ก็ทรงพลังพอที่จะไม่ทำให้ใคร กล้าเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา
เพ็ญแข ภักดีศาล หันมองหน้าสามีที บุตรชายที อย่างรู้สึกลำบากใจ
“ตาทิน ขอโทษคุณพ่อเขาสิลูก” ส่งเสียงว่าเชิงกระซิบ รู้สึกกระอวนใจทุกครั้ง ในคราที่สองพ่อลูกจะต้องมาเผชิญหน้ากัน
ดวงตาคมขรึมสะท้อนแววความเรียบ โปรยปรายไปด้วยความโกรธไม่แพ้ เหมือนกับแววตาของผู้เป็นใหญ่ ราวกับเป็นดวงตาคู่เดียวกัน
ทินกร ภักดีศาล เหมือน อาทิตย์ ภักดีศาล จนแทบจะต้องเซ็นกำกับว่า สำเนาถูกต้อง ทุกครั้ง ที่มีใครพบเห็น
ไม่ว่าจะเป็นเส้นผมดกที่ทำให้เป็นสีน้ำตาลเข้ม ไว้ทรงเซิร์ฟคัท ไถด้านข้างแบบไล่เฟด แต่ไว้ช่วงบนยาวสักหน่อย ตามด้วยเซ็ตแบบลวกๆ...
สันจมูกโด่ง พุ่งทะยานท่ามกลางคิ้วเข้ม เหมือนกันอย่างไร้ที่ติ
หากทินกรไม่ได้อายุอ่อนกว่าบิดาถึง 30 กว่าปี เขาก็สามารถที่จะเป็นฝาแฝดของอีกฝ่ายได้
ยิ่งวันนี้ที่เขารู้ว่าตัวเองถูกเรียกมาเพื่ออะไร ก็ยิ่งจัดเต็มใหญ่ สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินขนาดพอดีตัว รับกับกางเกงยีนสีขาว เอาเสื้อเข้าในกางเกงรัดด้วยเข็มขัดหนังแบรนด์เดียวกัน
ซึ่งเป็นชุดเก่ง ที่อาทิตย์มักจะสวมในวันหยุด เพื่อไปตีกอล์ฟและสังสรรค์กับเพื่อนฝูง โดยที่ทินกรได้แอบดูก่อนแล้ว ว่าวันนี้เขาสวมชุดพวกนี้เป็นโทนสีอะไร
การแต่งตามแบบคัดลอกมาทั้งดุ้น ทำให้ผู้เป็นใหญ่ยิ่งเดือดปุด
“ผมทำอะไรผิดเหรอครับ”
ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น จ้องเข้าไปในดวงตาของบิดาเชิงท้าทาย จนผู้เป็นมารดาร้อนใจหนัก วิ่งเข้าไปนั่งเคียงข้างบุตรชาย พร้อมกระซิบกระซาบ
“ตาทิน...ขอโทษคุณพ่อ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
“ไม่ครับ” เขาสวนกลับด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น แววตาแสดงความมีสติทุกประการ
“ผมจะขอโทษ ก็ต่อเมื่อผมทำผิดเท่านั้น”
“แกจะไม่ผิดได้ยังไง! แกทำให้บอร์ดบริหารร้อน ตั้งแต่เห็นคลิปแกว่อนเน็ต คนวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว แกอย่าลืมสิ ว่าบริษัทเพิ่งประกาศตัวทายาทเพียงคนเดียวของภักดีกรุ๊ปไป แกจะทำอะไรแกต้องระวังกว่านี้!” อาทิตย์จ้องใบหน้าที่ละม้ายคล้ายตนด้วยความรู้สึกอยากจะฆ่าให้ตาย และเสียดายที่ทำให้คนอย่างมันเกิดมา
“เหรอครับ” มุมปากหยักหลุบลงเล็กน้อย แสงไฟเหลืองอ่อนจากแชนเดอเรียในห้องรับแขกใหญ่กลางบ้าน สะท้อนยิ้มขันเข้าไปในดวงตาชายหนุ่ม
“รู้ด้วยเหรอครับ ว่าจะทำอะไรก็ต้องรู้จักระวัง”
ประโยคนี้ทำให้ดวงตาของอาทิตย์ยิ่งลุกโชน หนุ่มใหญ่วัย 59 ปีอย่างเขา ยังมีความหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว ในแบบฉบับที่สาวน้อยสาวใหญ่เห็นก็พากันตาลุกวาว
“ตาทิน พูดอะไรออกมาน่ะลูก...” เพ็ญแขสะกิดบุตรชาย สลับกับมองหน้าสามีผู้เป็นใหญ่ที่ขบสันกรามแน่น จนเหมือนจะสามารถแตกหักออกมาเป็นเสี่ยงๆ
“รีบขอโทษคุณพ่อเดี๋ยวนี้เลยนะ”
นอกจากจะไม่ได้ทำตามที่มารดาร้องขอ ทินกรก็ยังไม่ละสายตาออกจากใบหน้าโกรธขึ้งนั้นแม้เพียงสักนิด ประกาศการยืนยันคำพูดของตัวเอง แบบกร้าวแกร่งไม่แพ้กัน
“ที่ผ่านมา ฉันคงจะใจดีกับแกมากไป” แววตาของอาทิตย์มืดดำลง จนเพ็ญแขรู้สึกเย็นยะเยือก เส้นขนตามแนวสันหลังลุกเกรียว ตามประสาคนที่ยอมสามีมาตลอด ทุกเรื่อง ทุกอย่าง
“ตาทิน รีบขอโทษคุณพ่อเดี๋ยวนี้!” กุลีกุจอสั่งบุตรชายเสียงเข้ม
หากแต่ทินกรไม่ได้เดือดร้อนหรือติงไหว
“เหรอครับ สิ่งที่คุณทำ เรียกว่าใจดีแล้วเหรอครับ” ยังคงพูดกลั้วรอยยิ้ม เหน็บแนมผู้เป็นบิดา จนมารดาแทบจะร้องไห้
“ตาทิน! พอได้แล้ว”
“ต่อจากนี้ ฉันขอสั่งตัดเงินเดือนแก แกไม่ใช่ทายาทของภักดีศาลอีกต่อไป!” เหมือนมีพายุใหญ่ หอบซัดเข้ามากลางห้องโถง
“คุณพี่คะ คุณพี่! เดี๋ยวก่อนค่ะ” เพ็ญแขรีบลุกวิ่งตามสามีออกไป พร้อมหันมามองบุตรชายแบบละล้าละลัง ว่าจะไปจัดการบุตรหรือสามีก่อนดี
“ตาทิน อย่าเพิ่งไปไหนนะ เดี๋ยวแม่กลับมาคุยด้วย!” ว่าแล้วก็รีบวิ่งตามสามีไป เพื่อที่จะขอโอกาสให้บุตรชายอีกครั้ง
คล้อยหลังพายุใหญ่ ทินกรก็ถอนลมหายใจออกมา แววตาอ่อนแสงลงเล็กน้อย
แปะ แปะ แปะ!
ตามด้วยเสียงปรบมือของคนที่หลบอยู่ โผล่ออกมาด้วยทีท่าชะเง้อชะแง้ ส่งยิ้มแป้นเด่นกว่าเสื้อไหมพรมคอเต่าสีเหลืองสดที่สวมมา
“ทำไมถอนหายใจล่ะ ประสบความสำเร็จขนาดนี้ ต้องดีใจสิ” เหมือนวาด ปานวุฒิ เลขาของเพ็ญแข เดินมาทรุดลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับทายาทหมื่นล้าน กระทำการไขว่ห้างอย่างแสนสบายใจ ราวกับพายุใหญ่ไม่ได้เคลื่อนผ่านห้องนี้มาก่อน
“หึ”
ถ้อยคำเดียวที่เปล่งออกมา พอให้ลูกกระเดือกใหญ่ได้ขยับ เป็นคำตอบที่ชัดพอให้เหมือนวาดได้พยักหน้า
“ผลออกมาเป็นอย่างนี้ แล้วจะทำยังไงต่อไปดีคะ” เลขาสาวไม่ได้คาดหวังคำตอบ พร้อมลอบสังเกตแววตาเรียบ ที่ฉายความครุ่นคิดออกมาชัด แต่แน่ล่ะ ว่าไม่สามารถที่จะเดาได้เลย ว่าเขากำลังคิดอะไร
“ตามนั้น”
“ยอมถูกตัดเงินจริงเหรอคะ?” เลขาสาวผู้อยู่ในชุด กางเกงวอร์มสีขาวกับเสื้อไหมพรมคอเต่าสีเหลืองสด ถึงกับต้องยืนขึ้น
“แล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้คะ งานการอะไรก็ทำไม่เป็นสักอย่าง พี่ไม่มีให้ยืมนะ” เหมือนวาดอายุมากกว่าเขาแค่ 5 ปี แต่เพราะเต็มไปด้วยความสามารถ เพ็ญแขจึงเลือกให้มาทำงานด้วย
“ไปละ ใส่ชุดแบบนี้ แล้วรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวยังไงไม่รู้” แล้วทายาทหมื่นล้านผู้แสนเย็นชา ก็ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง เดินขึ้นไปยังโถงบันไดราวสีเหลืองทองทรงโค้ง ทะยานสู่ชั้นบนของคฤหาสน์หลังใหญ่
“เฮ้อ” แล้วการถอนหายใจก็ต้องเป็นของเลขาสาวในที่สุด “มีงานใหญ่และยากมาให้ทำอีกแล้วสิน่า!”
ตลอดการทำงานให้เพ็ญแขมาราวๆ 7 ปีกว่า มีปัญหามากมายให้คอยตามแก้ ไม่ใช่แค่กับบุตรชายเพียงคนเดียวแต่หมายรวมถึงปัญหาอื่นๆ ที่ผู้หญิงอย่างเพ็ญแขต้องเผชิญ
ตำแหน่งสะใภ้ของภักดีศาล ไม่ได้ง่ายอย่างที่ใครๆ คิด
ตำแหน่งภรรยาของอาทิตย์ ไม่ได้เลิศหรูอย่างที่ใครๆ เข้าใจ
โดยเฉพาะ ตำแหน่งมารดาของทายาทหมื่นล้าน...นอกจากจะไม่น่าภาคภูมิใจ แล้วยังมีแต่ความวุ่นวายอีกด้วย!
เพ็ญแขกลับเข้ามายังคฤหาสน์อีกครั้งในเวลาบ่ายคล้อย พร้อมเรียกตัวเลขาสาวให้เข้าพบเป็นการด่วน
“อะไรนะ ตาทินไม่อยู่แล้วอย่างนั้นเหรอ!” แต่พอมาถึง ก็ต้องปวดประสาท เพราะบุตรชายผู้ก่อเรื่องดันไม่ยอมอยู่เคลียร์ปัญหา
“ใช่ค่ะ ถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมบอกว่าจะไปที่ไหน” เลขาสาวผู้แสนชิลล์ว่าเชิงเหนื่อยอ่อน แต่ก็วางเอกสารที่คิดว่าเจ้านายอยากจะเห็น เรียงเอาไว้ให้อย่างรู้ใจ
“นี่โชคดีนะที่คุณพี่ยอมให้โอกาสอีกครั้ง ไม่อย่างนั้นเป็นเรื่องใหญ่แน่”
เรื่องใหญ่ที่ว่า ไม่ใช่เพราะทินกรจะไม่มีเงินใช้หรอก ปัญหามันจะมากไปกว่านั้น...
“จริงค่ะ เห็นพายุทอนาโดอยู่รำไรกันเลยทีเดียว” คนรู้ใจเสริมให้อย่างรู้สึกขยาด เพราะเคยเห็นพายุลูกนั้นมาแล้วหนหนึ่ง และไม่ปรารถนาที่จะได้พานพบอีก ตราบชั่วชีวิตนี้
“เราสองคนจะต้องทำยังไงก็ได้ ให้ตาทินเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำตัวให้เหมาะสมกับการจะเป็นทายาทหมื่นล้านของภักดีศาล และไม่ไปเหลวไหลแบบนั้นอีก”
“โห ไม่ใช่เราทำกันมาหมดทุกทางแล้วเหรอคะ จะทำให้คุณทินเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไปเปลี่ยนแกนโลก ไม่ง่ายกว่าเหรอคะ” เหมือนวาดว่าพร้อม หยิบเอาห่อช็อกโก แลตก้อนเล็ก ที่พกติดตัวเอาไว้ตลอดเวลามาคลี่ออก ป้อนเข้าปากตัวเองไป หวังว่าความหวานของช็อกโกแลตจะทำให้ตัวเองหายเครียดได้
“เธอว่าลูกชายฉันเหรอ” เลขาสาวถูกเจ้านายค้อนวงใหญ่ จนต้องรีบฉีกยิ้มจนตาปิดเชิงเอาใจ
“วาดล้อเล่นค่ะ ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยค่ะคุณแข” โชคดีที่เพ็ญแขไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง แถมเห็นอกเห็นใจ เลี้ยงดูลูกน้องทุกคนด้วยความเป็นกันเองมาเสมอ
“เพราะตั้งแต่รู้จักกับคุณทินมา ก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีใครมีอิทธิพลกับคุณทินเลยค่ะ ไม่เคยเห็นคุณทินเชื่อฟังใคร แม้แต่คนเดียว...หรือว่าคุณแข เคยเห็นคะ?”
คำถามนี้ทำเอาเพ็ญแขชะงัก
“คนที่ตาทินเคยเชื่อฟังเหรอ...” เปรยออกมาเชิงครุ่นคิด
“เหมือนจะมีอยู่สองคนนะ...”
“จริงเหรอคะ!” เหมือนวาดหันขวับ เชิงตื่นเต้น จับต้นขาของผู้เป็นเจ้านาย ด้วยความล้นหวังล้นเปี่ยม
“สองคนนั้นเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน วาดจะไปกราบขอร้องให้เขามาช่วยพูดกับคุณทินให้เองค่ะ” แล้วตามด้วยการพูดไปเขย่าขาเพ็ญแขไป จนฝ่ายนั้นต้องโวยวายออกมา
“โอ๊ย ฉันจะเวียนหัวก็เพราะเธอนี่แหละ พอก่อนๆ ฉันขอตั้งสติก่อน”
“ก็คนมันตื่นเต้นนี่คะ นี่ไม่รู้มาก่อนเลยนะคะ ว่ามีคนที่ทำให้คุณทินเชื่อฟังได้ เขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ?” ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางไปในโทนเกาหลี เปล่งประกายไปด้วยความหวัง
“คนที่พอจะทำให้ตาทินเชื่อฟังได้ ก็น่าจะมีแต่ผู้หญิงสองคนนั้น” แววตาหวนย้อนความหลังของเพ็ญแขดูมีความไม่สบายใจฉายปน จนเหมือนวาดหน้าเสียตามไปด้วย
“สองคนนั้นคือแฟนเก่าเหรอคะ?”
