1 ฉาวโฉ่ NC++
ท่อนเนื้ออวบอูมสวมปลอกป้องกันภัย กำลังจมหายเข้าไปในโพรงหวานล้ำลึก...เสียงดังก้องกึก เนื้อแน่นจากสะโพกเนียน สะเทือนไหวเป็นจังหวะเร่งเร้า
แม่สาวเอวบาง อยู่ในท่าโก้งโค้ง...แอ่นสะโพกขึ้นสุด ซบใบหน้าลงไปกับหมอนใบใหญ่ เอี้ยวสายตาหันมามองคนกัดฟัน ขบสันกรามแน่น
ความปรารถนาที่จะมีเขามาอยู่ในกาย มันเหมือนความฝันที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ เธอตะโกนก้องกรีดร้อง ถามตัวเองผ่านเสียงครวญครางอันแสนหฤหรรษ์ว่า...
จริงหรือ?
เธอกำลังรัดรึงเขาด้วยโพรงอุ่นร้อนของตัวเองจริงๆ หรือ?
“อื้อ...ดีมากเลยค่ะทิน...ดีมาก” เธอร่ำร้องบอกเขา พร้อมเสยสะโพกเข้าหาจังหวะเน้นหนัก ในขณะที่เขาเริ่มจะผ่อนลง
ฝ่ามือเรียวใหญ่ฟาดลงไปบนสะโพกเด้งสู้มือนั้น อย่างนึกหมั่นเขี้ยว ในความเปรี้ยวเข็ดฟัน...จนเธอยิ่งร่อนเอวใหญ่
หญิงสาวถูกพลิกให้นอนหงาย เขาผลักเรียวขางามให้แยกออกจากกันจนสุด จังหวะที่เขานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า เธอก็เห็นลอนหน้าท้องแน่นเครียดเกร็งเข้า
เกิดความรู้สึกอยากจะลูบไล้ แต่ทำได้แค่เลียริมฝีปากบางไปมา
ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ กัดริมฝีปาก ประสานสายตากับคนที่ใช้มือกดลงที่ต้นขาขาวเนียนแบบไม่รีบร้อน
“ไหวนะ” ถามเหมือนจะใส่ใจ แต่น้ำเสียงช่างเย็นชาเหลือแสน
“เอาเข้ามาเลยค่ะทิน เอ็มไหว...” ตอบรับเสียงพร่ากระเส่า แอ่นสะโพกขึ้นจนสุด รับเอาความเต็มแน่น จากเอ็นอุ่นร้อนที่พองคับตึงแน่น
หญิงสาวสูดปากช้าๆ แต่ไม่ยอมละสายตาไปจากใบหน้าหล่อเหลา ที่ยิ่งอยู่ในภวังค์แห่งห้วงเสน่หา ก็ยิ่งดูหล่อเหมือนมีมนตร์ฉาบ
เธอได้ยินคนพูดถึงกิตติศัพท์ ความเด็ดของเขามานาน แถมยังเฝ้าฝันที่จะได้ลิ้มลองสักครั้ง...
“อื้อ..!” เวลานี้เธอได้ลิ้มรสชาตินั้นแล้ว รสชาติเปรี้ยวหวาน เผ็ด มัน แถมยังขมปร่าๆ นิด ที่ใครๆ เขาก็ต่างเลื่องลือกัน
ทินกร ภักดีศาลไม่ใช่คนกินไม่เลือก แต่แสนจะเลือกแล้วเลือกอีก
กว่าจะถูกเลือก เธอก็หมดไปไม่น้อยอยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น...เธอจะกินเขาตั้งแต่หัวสุดหาง จนถึงกลางตลอดตัวให้ได้เลย!
หญิงสาวพลิกให้เขาไปอยู่ใต้ร่าง ขึ้นคร่อมแบบไม่ยอมที่จะหลุดห่างจากเจ้าท่อนเนื้ออวบตึงนั้น เนิ่นนานจนเกินไป
ไม่ว่าขนาดช่วงตัวของมันจะยาวแค่ไหน แต่เธอก็พยายามที่จะกดข่มลงไปจนหมด ความอึดอัดคัดแน่นทำเอาเธอแทบจะร้องไห้ สองมือบีบสองเต้าตัวเองสลับไปมา
เพราะเขาไม่ยอมแตะต้องเธอเลยแม้ส่วนเดียว
เขาไม่จูบ ไม่เล้าโลม ไม่ทำอะไรทั้งนั้น...นอกจากสอดสวมเข้ามาในกาย
แต่ก็ไม่เป็นไร แค่ ‘ได้’ เขา เธอก็พอใจแล้ว!
หญิงสาวขยับสะโพกเป็นจังหวะที่คิดว่าเขาจะพอใจ มือบางวางไว้บริเวณหน้าท้องแน่นเครียด ความแน่นของมันเหมือนพลังงานชั้นดี ที่ทำให้เธอมีแรงในการโยกต่อ
ลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่นอนอยู่ข้างใต้ก็ด้วย เขาหลับตา ส่งเสียงครางต่ำออกมาเป็นระยะ
เธอขยับต่อไปอย่างใจเย็น มือนุ่มเริ่มลูบไปตามท่อนแขนที่วางอยู่ข้างลำตัว เหมือนอ่อนล้า
ท่อนแขนนุ่มแน่น แน่นพอๆ กับท่อนเนื้อที่เธอกำลังพยายามใช้กึ่งกลางเรียวขา ดูดกลืนมันอยู่ในตอนนี้
“อ๊า!” เธอร้องตะโกนลั่น เมื่อชายหนุ่มลืมตาโพลงขึ้นมา แล้วสอดสวมประสานจังหวะ มาจากเบื้องล่าง
ปุ่มกระสันภายนอกและภายในได้รับการเสียดสีเข้าพร้อมกัน จนหญิงสาวต้องดิ้นพล่าน ซบใบหน้าลงบนอกเขา แต่กระนั้น เขาก็ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว
ส่งพลังชุดใหญ่เข้าไปเติมเต็มมากขึ้นกว่าเดิม...
“พี่เสี้ยวคะ” เสียงประตูหน้าห้องดังขึ้น พร้อมกับน้ำเสียงหวานที่ถ่ายทอดตามมา
“อาฮะ” คนรีบถอดหูฟัง คว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลง เงยหน้ามองเลขาหน้าห้อง ด้วยทีท่าอึกอัก
“พี่เสี้ยวไม่สบายเหรอคะ หน้าแดงแจ๋เลย” ลมเปลว ภูรักษ์ ว่าเชิงห่วงใย ก่อนค่อยๆ วางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะของหัวหน้าสาว
“เหรอ...อ้อ สงสัยพี่จะจ้องหน้าจอนานไปหน่อย วันนี้ก็อากาศร้อนด้วย ก็เลยหน้าแดงน่ะ” คนที่ทำอะไรก็มักจะให้เหตุผลอันสมควรเป็นอาวุธประจำตัวเสมอ รีบแก้ต่างที่คิดว่าลูกน้องสาวน่าจะเชื่อ
พร้อมหยิบเอาแฟ้มนั้นขึ้นมาเปิดดูอย่างกระตือรือร้น
“เหรอคะ เดี๋ยวเปลวปรับแอร์ให้นะคะ” ว่าพร้อมกุลีกุจอ ทำท่าจะเดินกึ่งวิ่งบนส้นสูงสีเข้ากันกับชุดไปหยิบรีโมตเครื่องปรับอากาศ
“ไม่ต้องหรอกจ้ะเปลว!” เรียกเสียงดัง จนฝ่ายนั้นเบรกจนศีรษะแทบทิ่ม
“เดี๋ยวพี่ปรับเอง เปลวรีบกลับไปทำงานเถอะ ถ้าตรวจเสร็จแล้ว พี่จะเรียกอีกที”
“อ้อ...ก็ได้ค่ะพี่เสี้ยว” แล้วเด็กสาวรุ่นใหม่ไฟแรงที่มาทำงานเป็นเลขาให้เจ้าของและผู้บริหารของ Smart coaching company ก็เดินกลับออกไปแต่โดยดี แม้จะมีความแปลกใจเพียงไหน
แปลกใจตั้งแต่ท่าทีของผู้บริหาร ที่เธอเคาะประตูเรียกอยู่นานสองนานก็เหมือนจะไม่ได้ยิน
แปลกตั้งแต่ที่เธอเปิดประตูเข้าไปแล้ว รายนั้นก็ยังคงจ้องหน้าจอโทรศัพท์แบบตาไม่กะพริบอยู่
“แปลกจริงๆ” แต่ต้องพ้นออกมาจากห้องนั้นมาแล้วแหละ ถึงกล้าที่จะปล่อยความสงสัยออกมาเป็นคำเบาๆ ได้
จันทร์คืนแรม เลิศล้ำ ถอนหายใจออกมาอย่าง โล่งอก ก่อนหยิบโทรศัพท์ที่คว่ำหน้าจออยู่ขึ้นมา
จดจ้องเข้าไปในใบหน้าขาวเนียนของผู้ชายในคลิป
นายทิน
ใช่ เธอจำใบหน้านั้นได้ จำเสียงกระเส่า...ยามเร่าร้อนได้อย่างมิรู้ลืม
ซ้ำร้ายกว่านั้น ความใหญ่โตที่กำลังสอดสวมเข้าไปในเรือนกายของหญิงอื่น
ไม่สิ แกต่างหากที่เป็นหญิงอื่น
เธอจดจำความอึดอัดในคราที่มันเข้าไปในกายตัวเองได้
อึดอัดปนหฤหรรษ์
เสียงกรีดร้องของเธอที่ดังกว่าผู้หญิงคนนี้ ปลิวแล่นเข้ามาในโสตประสาท
อื้อ...เธอจำต้องหนีบเรียวขาให้แน่นเข้า เพื่อผ่อนคลายความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามา
เป็นเขาจริงๆ เหรอ?
ถามตัวเองขณะกดให้คลิปที่จบลง เริ่มเล่นใหม่อีกครั้ง
เรือนกายของเขาดูแข็งแรงและแกร่งกว่าในตอนนั้น ผิวขาวเนียนใส ดูกร้านแดดกร้านลมมากขึ้น ความใหญ่โตของส่วนต่างๆ บนเรือนร่างชาย บ่งบอกว่าเขาได้เป็นหนุ่มใหญ่สมตัวแล้ว
เป็นเขาได้ยังไง
เธอคิดว่าผู้ชายอย่างทินกร ไม่ใช่คนโง่
เขาไม่น่าจะโง่พอ ที่จะทำลายตัวเอง ด้วยการปล่อยคลิปพวกนี้ออกมา
“ไม่หรอก ผู้ชายคนนี้ไม่เคยสนใจว่าใครจะมองตัวเองยังไงด้วยซ้ำ”
เธอจดจำได้ จดจำได้ถึงรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับความเป็นเขา
“แต่ก็ไม่แน่หรอก เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน...” ภาพเด็กหนุ่มผู้ชอบสร้างความวุ่นวายในรั้วโรงเรียนหวนย้อนเข้ามา จนเธอรู้สึกใจสั่นพร่า
เหมือนมีเขามานั่งตรงหน้า เพียงแค่ ‘กล้า’ ไปแตะต้องวันเวลาเก่าๆ
“แต่ก็ไม่แน่หรอก อาจจะชอบสร้างความเดือดร้อนเหมือนเดิม...” พอว่ามาถึงตรงนี้ หญิงสาวก็สะดุด แววตาวูบไหว
‘ถ้านายไม่สร้างความเดือดร้อนในวันนั้น เราสองคนคงไม่ได้รู้จักกันในวันนี้’ น้ำเสียงอันสดใสของตัวเองในความทรงย้ำ หวนย้ำเข้ามา
จันทร์คืนแรมคว้าเอาแก้มน้ำดื่มเย็นๆ ขึ้นกระดกรวดเดียว เพื่อชโลมความขม ที่ปร่าไปทั้งลำคอ...
ให้ตายเถอะ นี่เรากำลังแอบหวัง ว่าอยากจะให้มีอีกสักความเดือดร้อน ที่จะนำให้เราได้มาพบกันอีกครั้ง อย่างนั้นน่ะหรือ?
เธอเกลียดความรู้สึกนี้ของตัวเองที่สุดเลย
ความรู้สึกที่ พอรู้ว่าเป็น ‘เขา’ เธอก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่ในทันที แม้รู้ดีว่าแสนอันตราย!
