EP.6 ตัดใจซะ?
EP.6
เฟลมิตาสตันท์ไปจนพูดอะไรไม่ออก ร่างกายเธอแข็งทื่อราวกับถูกแม่มดสาปก็ไม่ปาน เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอชอบ หรือเพราะที่ผ่านมาเธอแสดงออกมากเกินไป?
“เงียบแบบนี้แปลว่าใช่จริงๆ สินะ”
ทศราชกังขังคนตรงหน้าด้วยสายตาพิฆาตที่พยายามจะจับพิรุธของเธอ อันที่จริงแล้วเขาแค่พูดแกล้งเธอไปงั้น ไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา
ถึงเขาจะไม่ค่อยได้สนใจเพศตรงข้ามจนทำให้ไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ แต่นั่นไม่ใช่กับเฟลมิตา แววตาของเธอมันฟ้องทุกครั้งเวลาที่มองว่ากำลังคิดอะไรที่เกินเลยกับเขา
เพียงแค่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สนใจก็เท่านั้น
“คะ…คือเฟลม…เฟลม…” หญิงสาวได้แต่หลุบตามองพื้นไม่กล้าสู้หน้ากับเขา เธอทั้งเขินและทั้งไปต่อไม่ถูกเมื่อโดนจี้ถาม
“หึ” ร่างสูงแค่นเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะถอยออกห่างและเลิกมองเธอด้วยสายตาจับผิด จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
ก็คำตอบมันชัดเจนออกขนาดนี้ว่าเธอแอบชอบเขาอยู่
“มะ…หมายความว่ายังไงคะ?” เธอเงยหน้าขึ้นถามเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ก็หมายความว่าเธอชอบฉัน ไม่ต้องพูดก็รู้”
“….” เฟลมิตาก้มหน้างุดอีกครั้ง เมื่อเขาพูดถึงเรื่องน่าอายอีกแล้ว
“แต่ฉันขอเตือนนะ” ทศราชเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ เขามีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยเพราะลึกๆ ก็ไม่ได้อยากที่จะพูดดับฝันคนตัวเล็ก แต่การตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะกระทำ
“ตัดใจซะเถอะ…เพราะฉันไม่ได้คิดอะไรกับเธอ”
เฟลมิตาเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้งแบบอัตโนมัติ ความเจ็บแปลบที่จี๊ดขึ้นมาในอกมันกลบความเขินอายในตอนแรกไปจนสิ้น
หัวใจดวงน้อยเหมือนแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
ก่อนหน้านี้เธอก็พอจะรู้ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอ แต่ก็ไม่นึกเลยว่าเขาจะออกตัวปฏิเสธถึงเพียงนี้
ร่างบางยืนมองทศราชที่หลังตัดความหวังของเธอเสร็จก็หยิบงานขึ้นมาทำทันที โดยไม่ได้สนใจเลยว่าขอบตาของเธอกำลังร้อนผ่าวและมีหยดน้ำใสๆ ตีรื้นขึ้นมาคลอ
‘ไอ้คนใจร้าย!’
เฟลมิตาต่อว่าเขาในใจแล้ววิ่งออกจากห้องทำงานตรงไปยังห้องน้ำเพื่อระบายความเสียใจที่อัดแน่นอยู่เต็มอก คล้อยหลังที่คนตัวเล็กเดินออกไปแล้วทศราชก็อดไม่ได้ที่จะมองตามแผ่นหลังของเธอไปด้วยความรู้สึกประหลาดในใจ
“ทำไมต้องรู้สึกผิดด้วยวะ”
เขาพึมพำกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจ เขาควรจะโล่งอกที่ได้บอกความจริงกับเธอไปตรงๆ ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้มานั่งพะวงถึงความรู้สึกของเธอกันล่ะ
“ตั้งสติหน่อย เฟลมเป็นแค่น้อง” เพราะลึกๆ ก็กลัวว่าจะหวั่นไหวให้กับความน่าสงสารของเฟลมิตา เขาจึงพยายามเรียกสติของตัวเองแล้วกลับมาโฟกัสที่งานกองพะเนิน
ภายในห้องน้ำ
หลังจากปลดปล่อยความเสียใจจนเริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้ว เฟลมิตาก็เดินออกมาล้างคราบน้ำตาออกจากใบหน้าแบบลวกๆ เธอมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกด้วยแววตามุ่งมั่น ขณะที่ถ้อยคำใจร้ายของทศราชยังดังก้องอยู่ในหัว
‘ตัดใจซะเถอะ เพราะฉันไม่ได้คิดอะไรกับเธอ’
“หึ! ไม่ได้คิดอะไรงั้นเหรอ!” เธอล้อเลียนคำพูดเขาด้วยความหมั่นไส้พลางล้างมือของตัวเองด้วยความรุนแรง ก่อนจะหยิบแป้งตลับและลิปสติกขึ้นมาเติมหน้าเพื่อเพิ่มความมั่นใจ
“มีคนสวยขนาดนี้มาชอบยังมัวมาเล่นตัวอยู่ได้! แต่เฟลมไม่ยอมแพ้พี่ทศหรอกนะ เฟลมจะทำให้พี่ทศรักเฟลมให้ได้เลยคอยดูสิ!”
เธอกล่าวให้กำลังใจตัวเองและทำท่าฮึ้บเพื่อเตรียมสู้กับผู้ชายใจแข็งอย่างทศราช น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน แล้วนับประสาอะไรกับใจคน
หาเรื่องใกล้ชิดและรุกเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีเหรอที่เขาจะไม่หวั่นไหวกับเธอบ้าง
เอาล่ะ ต้องมีสักวันที่เป็นของเธอ!
หลังจากเติมหน้าและสำรวจตัวเองจนมั่นใจว่าดูดีแล้ว เฟลมิตาก็เดินออกจากห้องน้ำกลับไปยังห้องทำงานของทศราช
สิ่งแรกที่เธอทำเมื่อเปิดประตูเข้าไปคือการยิ้มหวานใส่เขาเพื่อโปรยเสน่ห์ ทำเอาทศราชที่ตอนแรกรู้สึกสงสารเธอลึกๆ ต้องถอนหายใจออกมายาวๆ ทั้งโล่งอกและเหนื่อยหน่ายในเวลาเดียวกัน
หญิงสาวเดินไปทิ้งตัวนั่งรอเขาทำงานบนโซฟาแล้วหยิบนิตยสารขึ้นมาอ่านเพื่อฆ่าเวลารอไปทัวร์บริษัท
สี่สิบนาทีผ่านไป
แฟ้มเอกสารที่ถูกเซ็นจนครบแล้วถูกรวบเก็บมารวมกันแล้ววางแยกไว้อีกกอง ทศราชหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมติดกระดุมเสื้อสูทที่อยู่ตรงกลาง
“เสร็จแล้ว” เขาเอ่ยบอกคนตัวเล็กที่นั่งหัวเราะกับรายการตลกในยูทิวบ์
“ฮ่ะๆ ขออีกห้านาทีได้ไหมคะจะจบแล้ว” เธอบอกปัดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเลยว่าเขากำลังไม่พอใจมากแค่ไหน
“ฉันไม่ได้มีหน้าที่มารอเธอนะ”
“แค่ห้านาทีก็ไม่ได้จริงๆ เหรอคะ”
“ไม่”
“…ก็ได้ค่ะ!”
ร่างเล็กมุ่ยหน้าอย่างจำยอมแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายด้วยความไม่ชอบใจ อีกนิดเดียวก็จะจบแล้วแท้ๆ แถมรายการนั้นก็เป็นรายการโปรดของเธอเสียด้วย
“เร็วๆ” ทศราชเร่งเร้าเธอเสียงแข็ง ก่อนจะเดินนำเธอออกไปยืนรอที่หน้าห้อง เฟลมิตารีบหยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามเขาไป
จากนั้นทศราชก็พาเธอไปเดินทัวร์บริษัทแผนกต่างๆ ส่วนไหนทำอะไรและแต่ละแผนกอยู่ที่ไหนบ้าง แม้เฟลมิตาจะเคยมาเล่นที่บริษัทนี้อยู่บ่อยครั้งแต่ตอนนั้นเธอก็ยังเด็กเกินกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“ขอบคุณมากเลยนะคะที่พาเฟลมมาทัวร์บริษัทก่อนเริ่มงาน”
เธอระบายยิ้มหวานพร้อมกล่าวขอบคุณเขาอย่างจริงใจ ถึงทศราชจะพาเธอทัวร์บริษัทเพราะถูกคุณย่าบังคับ แต่ตลอดการเดินไปยังแผนกต่างๆ เขาก็ให้คำแนะนำและบอกข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับบริษัทให้เป็นอย่างดี
ไม่รู้ว่าวันนี้เขาจะประทับใจในตัวเธอหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ เธอประทับใจในตัวเขามาก
“ฉันทำตามหน้าที่” ทศราชตอบอย่างขอไปที ภายนอกอาจจะดูเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำขอบคุณของเฟลมิตา แต่หากเธอไม่ได้ขอบคุณ เขาก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเป็นยังไง
“ถึงจะทำตามหน้าที่ก็เถอะค่ะ แต่เฟลมก็ต้องขอบคุณ เพราะพี่ทศอธิบายงานทุกอย่างได้ชัดเจนและเข้าใจง่ายมากๆ”
“ฉันต้องกลับไปทำงานแล้ว” เขาบอกพลางก้มลงมมองนาฬิกาข้อมือที่บ่งบอกเวลาบ่ายโมงตรง
“งานของเฟลมก็คือการได้อยู่กับพี่ทศไงคะ”
“….” คิ้วหนาของทศราชกระตุกเข้าหากันจนยุ่งเป็นปม “หมายความว่ายังไง?”
“คุณย่ายังไม่ได้บอกเหรอคะว่าจะให้เฟลมมาเป็นเลขาส่วนตัวของพี่”
….
