EP.7 น้อยใจ?
EP.7
“อะไรนะ” ทศราชขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ เรื่องมันควรจะจบหลังจากที่เขาพาเธอทัวร์บริษัทเสร็จแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วนี่อะไร จะให้เธอมาเป็นเลขา?
ฝันไปเถอะ
“ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ เฟลมจะเข้ามาทำงานที่นี่ในตำแหน่งเลขาส่วนตัวของพี่ทศ” เฟลมิตาบอกอย่างภาคภูมิใจ เพราะงานนี้จะยิ่งทำให้เธอได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้นไปอีกขั้น
“แต่ฉันไม่ต้องการ” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง
“ทำไมล่ะคะ เฟลมแค่จะมาช่วยงาน”
“ฉันทำเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาช่วย”
ตั้งแต่ที่ทศราชเข้ามาบริหารงานในบริษัท เขาก็คอยจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอด ไม่เคยมีเลขาหรือผู้ช่วยเลยสักคน เพราะเขาไม่ไว้ใจที่จะฝากความอยู่รอดของบริษัทเอาไว้กับคนอื่น
“ถ้าอย่างนั้นพี่ทศก็ต้องไปคุยกับคุณย่าแล้วล่ะค่ะ” เธอท้าทายเขาอย่างน้อยใจ โดยลืมไปว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่เขาจำเป็นต้องแคร์
“ฉันคุยแน่” ทศราชกระแทกเสียงกดต่ำ ก่อนจะหันหลังรีบมุ่งตรงไปยังห้องทำงานของคุณย่า ภายในใจขุ่นมัวเพราะความอวดดีของเจ้าของคำท้าเมื่อสักครู่
เฟลมิตามีอาการเลิ่กลั่กแล้วรีบวิ่งตามไปดักหน้าทศราชเอาไว้ สองมือยกขึ้นกางออกเพื่อขวางไม่ให้เขาผ่าน
“พะ…พี่ทศจะไปไหนคะ”
“จะไปคุยกับคุณย่าไง เธอท้าฉันไม่ใช่เหรอ?”
“เฟลมไม่ได้ท้านะ แต่เรื่องนี้คุณย่าเป็นคนตัดสินใจนี่คะ”
“แล้วไง ก็ฉันไม่ต้องการไง หลบไปซะ” เขาใช้สายตาดุดันจ้องเธออย่างข่มขู่
“เฟลมไม่หลบ ทำไมพี่ทศถึงต้องปฏิเสธด้วยคะ”
“เธอจะให้ฉันพูดอีกกี่รอบว่าฉันไม่ชอบ! หลบไป!”
ผลั่ก!
ความดื้อรั้นของเฟลมิตาที่ทวีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สร้างความโมโหให้ทศราชจนเขาเผลอผลักร่างเล็กอย่างแรงจนเธอเซล้มลงกับพื้น
“โอ๊ยยย! จะ…เจ็บ!” ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวจนยู่ยี่ บ่งบอกถึงความเจ็บปวด
ทศราชที่กำลังจะก้าวผ่านร่างของเธอทันทีหลังจากผลักเสร็จเป็นต้องชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับมามองเฟลมิตาด้วยแววตาวูบไหว
สาบานว่าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอเจ็บ
เฟลมิตาเงยหน้าขึ้นมองคนใจร้ายด้วยความผิดหวัง นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเขาจะกล้าทำขนาดนี้ เพียงเพราะแค่ไม่อยากได้เธอเป็นเลขา
แข้งขาที่ว่าเจ็บก็ยังไม่เท่ากับหัวใจดวงน้อยที่กำลังปวดร้าวขึ้นเรื่อยๆ กับท่าทีของคนตัวสูง เขาไม่แม้แต่จะขอโทษ หรือเดินเข้ามาช่วยเธอเลยด้วยซ้ำ
“ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย…” น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวอย่างหนัก ดวงตากลมหลุบมองพื้นเพราะทนเห็นความเฉยชาของเขาต่อไปไม่ไหว หยดน้ำใสๆ ค่อยๆ รื้นขึ้นมาคลอที่ขอบตาทั้งสองข้าง
“เฟลม…คือฉัน…”
“ฮึก! ไอ้คนบ้า!”
เขาเอ่ยขึ้นคล้ายกำลังรู้สึกผิด ดวงตาคมมองเธออย่างอ่อนใจ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ หวังจะช่วยพยุงเธอ ทว่าเธอกลับตะโกนด่าเขาและลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง ก่อนจะเดินขากะเผลกหลีกหนีไปอีกทาง
ทศราชได้แต่มองตามแผ่นหลังของเธอไปด้วยหัวใจที่สับสน ใจหนึ่งพร่ำบอกให้ตามเธอไป แต่อีกใจกลับเชียร์ให้รีบไปคุยกับคุณย่า ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องทนอยู่กับเธอไปอีกนาน
ร่างสูงถอนหายใจออกมายาวๆ อย่างลำบากใจ แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะปล่อยเธอไป แล้วรีบไปคุยกับคุณย่าเพื่อปฏิเสธเรื่องที่จะให้เธอมาเป็นเลขาส่วนตัว
เฟลมิตาวิ่งออกมาทั้งที่ขายังเจ็บจนถึงหน้าบริษัท เธอทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล มือเรียวลูบข้อเท้าตัวเองป้อยๆ ด้วยความเจ็บ
“คนบ้า คนใจร้าย ผลักกันมาได้ยังไง ฮึก” เธอใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มแบบลวกๆ และสูดลมหายใจที่ติดขัดเพราะน้ำมูกเข้าลึกๆ ด้วยสภาพน่าสงสาร
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเข้าแอปพลิเคชันไลน์แล้วส่งข้อความทักแชตกลุ่มของเพื่อนๆ เพื่อบอกว่าตนเองกลับมาเมืองไทยแล้ว เพราะตั้งแต่ลงจากเครื่องเธอก็ยังไม่ได้ติดต่อใครไปเลย
ดูสิ เธอเลือกที่จะมาหาเขาก่อนเพื่อนๆ ด้วยซ้ำ แบบนี้แล้วยังจะใจร้ายใส่กันได้ลงคออีกหรือไง
Chat Group : ชะนี นี นี นี นี
Wonderflame : ฉันกลับไทยแล้วนะ คืนนี้ไปตี้กันไหม?
Kingkaew : กรี๊ดดดดดด! ไปสิคะ เพื่อนกลับมาทั้งที
Fonz : มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่บอกวะ จะได้ไปรับสนามบิน
Wonderflame : ตั้งแต่เมื่อวานละ โทษทีที่ไม่ได้บอก
Fonz : ที่ไม่บอกเพราะพอมาถึงแกก็แจ้นไปหาพี่ทศเลยใช่ไหม?
Wonderflame : เออ
Kingkaew : แรดดดดด!
Wonderflame : ไม่เท่าแกหรอกยัยแก้ว! สรุปคืนนี้สองทุ่มเจอกันที่ร้านประจำนะ ห้ามเลท!
เฟลิมตาทิ้งท้ายข้อความไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะกดปิดแอปพลิเคชันแล้วต่อสายหาแผ่นดินให้มารับ เธอจะรีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปเที่ยว
ตอนแรกก็กะว่าจะแวะไปกินมื้อเย็นกับครอบครัวของทศราช ทว่าพอโดนเขาใจร้ายใส่แบบนั้นก็ทำเอาเธอน้อยใจมากจนไม่อยากที่จะสนใจเขาแล้ว ไม่อยากเจอหน้า ไม่อยากพูดด้วย ส่วนเรื่องการเป็นเลขาถ้าเขาไม่อยากให้เป็นมากเธอก็จะไม่เป็น
เริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วเหมือนกันที่ต้องวิ่งตามเขาอยู่ฝ่ายเดียว
คืนนี้จะเมาประชดความเสียใจให้เละเลยคอยดู!
ห้องทำงานคุณย่า
“ไม่ได้! ยังไงทศก็ต้องให้น้องมาทำงานเป็นเลขา!” คุณหญิงศรีพิจิตรยื่นคำขาดเสียงแข็งอย่างเด็ดเดี่ยว หลังหลานชายคนโตเอ่ยปฏิเสธข้อเสนอของตัวเอง
“ทำไมล่ะครับคุณย่า ที่ผ่านมาผมก็ทำได้ไม่เห็นจะต้องมีใครมาช่วย” ทศราชพยายามหาเหตุผลมาต่อรองกับท่าน แม้ลึกๆ จะพอรู้อยู่แล้วว่าไม่น่าจะได้ผล คนอย่างคุณย่าหากได้ตัดสินใจไปแล้ว อะไรก็เปลี่ยนใจท่านไม่ได้
“นั่นก็เป็นอีกสาเหตุที่ย่าอยากให้ทศมีเลขา”
“ทำไมครับ?”
“ย่าไม่อยากให้ทศทำงานหนักมากเกินไป เราควรแบ่งเวลาไปหาแฟนเพื่อมีครอบครัวบ้างได้แล้ว หรือถ้าขี้เกียจหาก็แต่งงานกับหนูเฟล…”
“พอเลยครับคุณย่า บอกกี่ทีแล้วว่าผมยังไม่อยากแต่งงาน”
เขารีบแทรกขึ้นเพราะรู้ว่าท่านกำลังจะพูดอะไร นาทีนี้ขอลืมเรื่องของเฟลมิตาออกไปชั่วขณะ บอกตรงๆ ว่าตั้งแต่ที่เธอบินกลับมาจากเมืองนอก ชีวิตของเขาก็ไม่เคยสงบสุขอีกเลยจนกระทั่งตอนนี้
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนย่าจะไม่ขัด แต่ดูตอนนี้สิ น้องๆ เราน่ะเขาแต่งงานมีลูกกันไปหมดแล้ว เหลือเรานี่แหละ”
ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาหนักๆ ด้วยความเบื่อหน่าย คิดไว้แล้วว่าสักวันท่านจะต้องเอาเหตุผลข้อนี้ขึ้นมาอ้างเพื่อกดดันให้เขามีครอบครัว
“แล้วไงครับ พวกมันรีบกันเอง”
“รีบเริบอะไร เราน่ะสามสิบแปดแล้วนะ ควรแต่งงานมีลูกได้แล้ว”
“ผมยังไม่มีความคิดนั้นในหัวครับ”
“ไม่ได้ แกต้องมี ถ้าแกไม่อยากได้หนูเฟลมจริงๆ น่าก็จะให้โอกาสแกในการเลือกผู้หญิงด้วยตัวเอง แต่ถ้าสุดท้ายแล้วแกยังไม่ยอมมีใครจริงๆ จังๆ แกต้องแต่งงานกับหนูเฟลม”
แม้คุณย่าจะอยากได้เฟลมิตามาเป็นหลานสะใภ้มากแค่ไหน แต่ท่านก็ต้องเคารพการตัดสินใจของหลานชายตัวเอง ถ้าเขาอยากเลือกคู่ครองด้วยตัวเองท่านก็ไม่ขัด มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวว่าต้องหามาให้ได้
“เฮ้อ…” ทศราชถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ชีวิตเขาเข้าหาใครเก่งซะที่ไหน แน่นนอนว่าเขาไม่อยากแต่งงานกับเฟลมิตา ถ้าจะต้องแต่งก็ขอเลือกเจ้าสาวเองดีกว่า ว่าแต่เขาจะไปหาเธอคนนั้นจากที่ไหนกันล่ะ
ดูเหมือนว่าคำสั่งของคุณย่าในครั้งนี้เขาจะขัดไม่ได้เสียด้วยสิ
