4 รู้ใช่ไหมว่าฉันยังรักเธอ
“อีกอย่างนะคะ...อะไรทำให้คุณมาที่นี่. คุณปรเมศวร์!!” เธอเรียกชื่อจริงของเขา เพื่อบ่งบอกถึงความห่างเหิน ชายหนุ่มกัดกรามจนเป็นสันนูน พร้อมกับหรี่ตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ก็ฉันบอกไปแล้วไง เธอก็ได้ยิน ฉันมาที่นี่เพื่อเสนองานให้เธอทำ” เขายังยืนยันถึงจุดประสงค์ที่เป็นเรื่องของงานเท่านั้น ไม่มีความหมายอื่นแอบแฝง หญิงสาวร้อนไปทั้งร่าง เธอตัวสั่นเทาพยายามระงับความรู้สึกตัวเองก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขา
“ฉันไม่ว่างค่ะ” เธอยืนกราน
“เธอแบ่งเวลาเก่งอยู่แล้ว เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เหมือนแต่ก่อนไง” เขาบอก เธอจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองถูกเย้ยหยัน ถูกข่มเหงหรือวิพากษ์วิจารณ์
“ขอบคุณค่ะ ..แต่ฉันขออนุญาตไม่รับ”
“ฉันจะโอนเงินเข้าบัญชีเธอทันทีหากเธอรับข้อเสนอ..ฉันได้ข่าวว่าแม่เธอไม่สบาย” เธอเชิดคางขึ้นเหมือนกับจะท้าทาย
“ไม่ค่ะ” หญิงสาวที่กำลังทำท่าจะลุกขึ้น ปรเมศวร์พลางมองกระเป๋าที่เธอเริ่มกระชับขึ้นบ่า
“ทำไม” ปรเมศวร์ฉวยโอกาสคว้ากระเป๋าสะพายพร้อมเอกสารในมือของหญิงสาว มาถือไว้เพื่อกันเธอเดินหนี
“ไปกันเถอะ” ชายหนุ่มฉุดข้อมือบางของเธอ แล้วจูงไปที่รถของเขาที่จอดอยู่
“ปล่อย...ฉันนั่งรถเมล์กลับบ้านเองได้ค่ะ”
“ไหนเมื่อกี้บอกมีเรียน เธอกล้าโกหกฉันเหรอ” ชายหนุ่มมองใบหน้ารูปไข่สีซีดตรงหน้า ไล่สายตาจากคิ้วสีเข้มลงไปยังดวงตาที่กำลังร้อนจัด จนถึงคางที่เชิดขึ้นอย่างดื้อรั้น เขาไม่เคยสังเกตเห็นคางของเธอมาก่อนเลย จนกระทั่งวันนี้ ที่ได้เช็ดหมึกออกให้เธอ และเขาก็ไม่เคยสังเกตท่าทางของเธอมาก่อน
“.....”
“รถของฉันจอดอยู่ตรงนั้น” พลอยนภัสมองเห็นรถสีดำคันหรูติดแผ่นป้ายที่ประมูลจอดอยู่ แต่เธอไม่คิดที่จะโดยสารมันไป
“ฉันอยากไปรถเมล์มากกว่าค่ะ” เธอตอบ ก่อนที่จะพลิกข้อมือดูนาฬิกา
“และถ้าหากว่าฉันไปตอนนี้ ฉันก็จะเลี่ยงกับรถติดช่วงบ่ายได้ค่ะปรเมศวร์รู้สึกเหมือนกับกำลังถูกไม้ตีเข้าที่หัว แต่มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ หรืออาจพูดได้ว่าเป็นบางสิ่งที่เรียกว่า ‘ความเสียใจ’ เพียงแต่เขาพยายามโกหกว่าตัวเองไม่ได้เสียใจ ความจริงแล้วตอนนี้เขามั่นใจว่าตนกำลังได้รับความพอใจอย่างเหลือล้นต่างหาก หากสามารถพาพลอยนภัสกลับที่พักได้
“ฉันจะพาเธอกลับเอง” เขาทวนคำพูดของตนอีกครั้ง รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าที่ดูเหมือนคนเถื่อนนั่น
“.....” เธอเลิกคิ้วขึ้น แล้วหันกลับไปสบตากับเขา
“ฉันขอยืนกราน” ชายหนุ่มมองริมฝีปากอิ่มของเธอที่เม้มแน่น เรียวปากของเธอเป็นสีกุหลาบเข้ม ดวงตาของเธอเป็นประกายร้อนจัด ก่อนที่หญิงสาวจะโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วกระซิบเพื่อให้เขาได้ยินเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ฉันไม่จำเป็นต้องทำตามที่คุณสั่ง แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณด้วย” นี่เป็นอีกครั้งที่เธอปฏิเสธเขาอย่างเรียบง่าย ชายหนุ่มนิ่วหน้า
ก่อนหน้านี้เมื่อสามปีที่แล้วเธอที่ไม่เคยมีใครปฏิเสธเขาโดยสิ้นเชิงแบบนี้ ไม่มีใครพูดคำว่า ‘ไม่’ กับเขา ชายหนุ่มมองใบหน้ารูปไข่สีซีดตรงหน้า ไล่สายตาจากคิ้วสีเข้มลงไปยังดวงตาที่กำลังร้อนจัด จนถึงคางที่เชิดขึ้นอย่างดื้อรั้น
เขารู้จักเธอครั้งแรก เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่น่าสงสาร อยู่กับแม่ตามลำพังเพียงสองคน หาเงินส่งตัวเองเรียน จนเขาต้องยื่นมือเข้าไปช่วย แล้วก็เลยหลงรักเธอขึ้นมา ตอนนั้นเธออยู่เพียงแค่มัธยมปลาย เธอได้ทุน AFS ซึ่งเธอก็ไม่มีเงินที่จะไป ตอนนั้นเขาและเธอคบกันแล้ว เขาช่วยเหลือเธอได้ แต่เขาก็ไม่ช่วยเพราะไม่อยากให้เธอจากไปไหน เหมือนตัวเองทำลายอนาคตของเธอด้วยความรัก
“เธอรังเกียจฉันเหรอ?” เขาพูดเกือบจะหัวเราะเสียด้วยซ้ำ ใจหนึ่งก็รู้สึกโกรธกับความไม่ใยดีของอีกฝ่าย แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกแปลกใจและทึ่ง ซึ่งนี่เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ในตัวของมันเอง เขาพบว่าตัวเองต้องแปลกใจและทึ่งกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในหลายเรื่อง พลอยนภัสสบตาเขานิ่ง ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาเวลานี้สับสนปนเปกันไปหมด
“เปล่าค่ะ เพียงแค่ฉันไม่ไว้ใจคุณ..”
“ทำไมเธอถึงไม่ไว้ใจฉัน” หญิงสาวขยับสายกระเป๋าที่บ่าให้กระชับขึ้น เหงื่อชื้นออกมาเล็กน้อยเพราะอากาศที่ร้อน จนที่แขนรู้สึกได้ จึงไม่อยากอยู่คุยกับเขาตรงนี้ นาน ๆ ‘คนอะไรตื๊อซะมัด’
“คุณแต่งงานแล้ว”
“พลอยนภัส” เขาเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่แผ่วลง เหมือนกับจะเกลี้ยกล่อม
“นี่ฉันกำลังจะช่วยเธอนะ อย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ฉันได้อธิบายบ้างสิ” เธอเหลือบมองไปยังรถหรูของเขาที่จอดอยู่
“เย็นนี้ฉันจะกลับบ้าน พอดีแม่ไม่สบาย”
“ถ้าอย่างนั้นเธอควรให้ฉันขับรถไปส่งบ้าน” หญิงสาวหันกลับมา เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย เส้นผมดำขลับของเธอล้อมกรอบรูปหน้าสวยของหญิงสาวไว้ ชายหนุ่มชอบมองดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นที่อยู่บนใบหน้าสีซีด ชอบความดื้อดึงที่ประทับอยู่บนริมฝีปากคู่นั้น และความท้าทายที่อยู่ตรงปลายคางของเธอด้วย
“ก็ได้ ถ้าคุณจะกรุณา”
“เกือบถึงอพาร์ตเมนต์ของฉันแล้วค่ะ” เธอพูดห้วน ๆ ขณะที่ชี้นิ้วไปยังถนนที่อยู่ข้างหน้า
“เธอจะไปบ้านไม่ใช่เหรอ”
“ฉันต้องแวะเอาของ คุณส่งฉันบริเวณหน้าอพาร์ตเมนต์ก็พอ”
“พอดีหลานสาวฉันอยากได้ครูสอนภาคฤดูร้อน เธอเพิ่งย้ายจากโรงเรียนประจำและภาษาอังกฤษก็อ่อนมาก”
ใกล้ที่พักของเธอ...ใกล้เข้าไปทุกทีแล้ว อีกไม่กี่ช่วงตึก เธอก็จะออกไปจากรถคันนี้สักที
“ฉันจะจ่ายค่าจ้างให้เธอชั่วโมงล่ะ 1000 บาท บวกค่าแท็กซี่ไปกลับอีก 1000 รวมเป็นสามพัน” เธอเริ่มงงกับค่าจ้าง
“ฉันให้เธอสอนวันละสองชั่วโมงนะ ชั่วโมงละ1000 สองชั่วโมงก็สองพัน รวมค่าเดินทางอีก 1000 เป็น 3000บาท”
“เทอมนี้ฉันก็ต้องไปฝึกงานที่โรงเรียนใกล้บ้าน คุณอย่าเสียเวลาเลยค่ะ หาครูพิเศษคนอื่นให้หลานคุณดีกว่า”
“เธอไม่สงสารเด็กเหรอ แม่แกเพิ่งเสียไป ตอนนี้หลานอยู่กับแม่ฉันที่บ้าน” แต่พวกแกไม่ใช่หลานของเธอนี่ และเธอก็ไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
“ฉันวางแผนของตัวเองเรียบร้อยแล้วค่ะ” เธอพูดซ้ำอย่างใจเย็น
“แผนของเธอเปลี่ยนแปลงได้” ปรเมศวร์พูดอย่างสบายใจ นั่นทำให้พลอยนภัสต้องขนลุกไปทั้งตัว เธอไม่ไว้ใจปรเมศวร์เลยเมื่อเขาใช้น้ำเสียงแบบนั้น จะพูดให้ถูก เธอไม่เคยไว้ใจเขาเสียเลย บางทีอาจเป็นเพราะเธอไม่รู้จักผู้ชายข้าง ๆ นี้ จริง ๆ ก็ได้ ปรเมศวร์ที่เธอเคยคบหาและบูชาในความรัก จะไม่ยอมแต่งงานเพียงเพื่อมาสนับสนุนงานและอาณาจักรของครอบครัวเท่านั้น ที่ช็อกยิ่งไปกว่า เขาแต่งงานกับนิรนาทหลังจากทั้งคู่เลิกก็เลิกกันทันที นั่นเป็นสิ่งที่เขาทำจริง ๆ ผิดกับคำพูดที่เคยให้ไว้กับเธอ
