ตอนที่ 6 ติดใจแต่ทำปากแข็ง
ตอนที่ 6 ติดใจแต่ทำปากแข็ง
“ถ้าพี่สิงห์ไม่ติดใจ พี่สิงห์ก็ต้องปล่อยให้หงส์ได้พักบ้าง”
ดวงตาของสิงหนาทกวาดมองร่างเปลือยเปล่าที่ยังยืนท้าทายสายตานิ่ง หงส์นรีมองตาสายตานั้นแล้วพลันยกมือขึ้นปิดบังสัดส่วนอันอวบอิ่มทั้งบนและล่าง
“หันหน้าไปนะ”
สิงหนาทเลิกคิ้วขึ้น มุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ
“ทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งของเธอด้วย ในเมื่อเธอต่างหากที่ยืนให้ฉันมองอยู่ได้นานสองนาน”
“อ๊าย...พี่สิงห์! คนผีทะเล”
หงส์นรีบ่นอุบ แล้วหมุนตัวหันหลังให้เขาเสียเอง แต่ด้านหน้าก็ไม่ต่างกับด้านหลัง แผ่นหลังเปลือยเนียนสีน้ำผึ้งตลอดจนหนั่นเนื้อตึงแน่นอย่างสะโพกงอนช้อย ทำให้สิงหนาทรู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาดื้อๆ ลำคอแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายติดๆ กันหลายครั้ง เธอจะรู้มั้ยนะว่าเธอกำลังยั่วยวนเขาอยู่ หรือเธอรู้และตั้งใจยั่วเขากันแน่
หญิงสาวตัดสินใจจะเดินหนีเข้าห้องน้ำ แต่สิงหนาทไวกว่าเขาก้าวยาวๆ ไม่กี่ก้าวก็คว้าหมับเข้าที่เอวบาง
“จะไปไหน เธอลืมไปแล้วเหรอว่าฉันบอกว่ายังไง”
“ไม่ลืม แต่หงส์...อยากพัก”
“พักก็ได้ แต่ต้องหลังจากช่วยฉันทำลูกให้เสร็จก่อน”
“พี่สิงห์! ทำไมใจร้ายกับหงส์นัก”
“เธอทำให้ฉันเป็นแบบนี้เองนะหงส์นรี คราวก่อนฉันยังจำได้ไม่ลืม ที่ฉันให้เวลาเธอทำใจ แต่เธอกลับใส่ยานอนหลับให้ฉันกิน”
“ก็...ก็...หงส์ยังไม่พร้อม”
“แล้วตอนนี้ล่ะ เธอจะบอกว่าไม่พร้อมอีกหรือไง เธอเป็นคนเลือกฉันเองนะ เพราะฉะนั้นถ้าเลือกแล้วต้องยอมรับในสิ่งที่ฉันเป็นด้วย”
ร่างบางถูกพลิกกลับมาเผชิญหน้า ดวงตากลมโตสบเข้ากับดวงตาคมจัดดุดันของสิงหนาท ไม่คิดว่าสิ่งที่เธอทำเพื่อตัวเองจะทำให้เขาติดใจโกรธแค้นเธอถึงเพียงนี้ แล้วเธอผิดด้วยเหรอที่ทำแบบนั้น ในเมื่อคนที่เสียหายคือเธอไม่ใช่เขา
“พี่สิงห์ แต่หงส์เจ็บนะคะ”
“มันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิงอยู่แล้ว ครั้งแรกก็ต้องเป็นแบบนี้กันทุกคน แต่ครั้งต่อไป รับรองว่าเธอจะยิ่งต้องการมัน”
ชายหนุ่มจบคำพูดด้วยการบดจูบลงบนกลีบปากนุ่ม ร่างหนาเบียดร่างบางให้ถอยหลังไปจนชิดฝาผนัง กักเก็บร่างนุ่มไว้ด้วยมือสองข้างที่เท้าผนัง มือบางผลักบ่ากว้างที่บดเบียดเข้าหา แต่เรี่ยวแรงที่มีเพียงน้อยนิดหรือจะสู้เรี่ยวแรงมากมายของราชสีห์อย่างเขา
หงส์นรีพลิกหน้าหนีจูบเร่าร้อนที่ตามติดรุกไล่ไปทั่วดวงหน้าคมหวาน ลมหายใจกรุ่นกลิ่นแอลกอฮอล์กระทบกับปลายจมูกโด่งรั้นขึ้นน้อยๆ มันปลุกความรู้สึกบางอย่างของหญิงสาวให้ลุกกระพือ ปลายลิ้นสากร้อนตวัดดูดรัดเรียวลิ้นนุ่มแสนหวาน เรียกร้องให้หญิงสาวต้องเปล่งเสียงครางและหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ดอกบัวงามสะท้อนขึ้นลงตามแรงหายใจที่เริ่มรุนแรงขึ้น มือหนากดท้ายทอยไม่ให้ดวงหน้างามสะบัดหนี กักปลายคางไว้ด้วยอุ้งมือใหญ่ที่กดประคองให้อยู่นิ่ง
ต้นขาแกร่งแทรกเบียดต้นขานุ่มให้แยกออกจากกัน เบียดสะโพกสอบเข้าไปหว่างกลางเรียวขานุ่ม ขยับสะโพกสอบคลึงเคล้าจุดอ่อนไหวที่สุดในร่างกายหญิง ความแข็งแกร่งที่ผงาดล้ำถูกกดเข้าหาความอ่อนไหว
“พี่สิงห์ หงส์...”
เสียงร่ำร้องครวญครางกระเส่าถูกดูดกลืนลงลำคอหนา มือบางที่พยายามจะผลักอกกว้างเปลี่ยนเป็นโอบต้นคอแกร่ง สติความนึกคิดถูกหลงลืมในที่สุด เมื่อต้นขาอวบยกขึ้นตวัดโอบเอวหนา แล้วหญิงสาวก็ทะยานไปตามแรงฉุดกระชากจากเพลิงพิศวาส
สิงหนาทอ้าปากงับปลายคางแหลมเล็ก หยอกเย้าให้หญิงสาวขนลุกซู่ด้วยการลากปลายลิ้นร้อนลงแอ่งชีพจร ขบเม้มผิวกายเนียนนุ่มแรงๆ จนเป็นรอยแดงจ้ำๆ มือใหญ่ช้อนสะโพกผายยกขึ้นจนทรวงอกอวบใหญ่อยู่ระดับเดียวกับใบหน้า เรียวปากหนาดูดกลืนปลายถันสีน้ำตาลอ่อน เรียกเร้าให้หงส์นรีหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
“พี่สิงห์คะ พี่สิงห์”
ชายหนุ่มอุ้มร่างบางทั้งที่ร่างกายยังคงเชื่อมต่อกัน หมุนกายและหงายหลังลงไปบนที่นอน กดท้ายทอยหงส์นรีลงมาจูบปิดกั้นเสียงร้องครวญคราง
ยิ่งออกแรงโหมกระหน่ำบทรักอันเร่าร้อนมากเท่าใด สิงหนาทก็ยิ่งรู้สึกถึงความไม่อิ่มเอมมากขึ้นเท่านั้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อน ผู้หญิงอื่นได้แล้วแค่ครั้งเดียวก็เบื่อ เหมือนของหวานที่ชิมครั้งเดียวก็เอียน จนไม่อยากแตะต้อง แต่หงส์นรีกลับเป็นของหวานจานโปรด ที่ได้ชิมรสชาติของเธอมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งติดใจ
สิงหนาทผลักร่างบางให้นั่งตัวตรง มือหนาประคองสะโพกผายไว้ทั้งสองมือ หยัดสะโพกโถมกายเข้าใส่จนร่างบางสะท้านไปทั่วร่าง
หงส์นรีรู้สึกสมองหมุนคว้างใบหน้างามแหงนเงยขึ้น ริมฝีปากนุ่มห่อเผยอ ใจดวงน้อยราวกับติดปีกและโบยบินเหมือนผีเสื้อแสนสวย ความรู้สึกที่สิงหนาทปลุกปั่นมันรุนแรงจนยากจะทานทนไหว หญิงสาวสะบัดใบหน้าจนพวงผมกระจายเต็มแผ่นหลัง เพิ่มความงามแสนเซ็กซี่ให้กับเธอโดยไม่รู้ตัว แต่สิงหนาทรู้ว่าตอนนี้บนร่างแกร่งกำลังมีนางฟ้าตัวน้อยมอบความสุขให้เขาจนแทบกระอัก
ไม่นานต่อมาหงส์นรีก็เกร็งกระตุก พร้อมกับร่างแกร่งที่หยัดสะโพกขึ้นเป็นจังหวะสุดท้าย ความต้องการผลิตทายาทถูกปล่อยไว้ในกายสาวอย่างรุนแรง ความเหนื่อยหอบเรี่ยวแรงหดหายทำให้หงส์นรีต้องทิ้งตัวลง
ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบเส้นผมชื้นเหงื่อ เขารู้ว่าเธอกำลังหมดแรงเพราะถูกเขาดูดเรี่ยวแรงไปหมด ใจหนึ่งอยากรั้งเธอมากอด อีกใจครุ่นคิดถึงข้อตกลงระหว่างสองตระกูล
‘แค่ฉันมีความรู้สึกที่อ่อนโยนกับเธอแบบนี้ก็น่าจะพอแล้ว หงส์นรี’
คิดได้ดังนั้นสิงหนาทก็ผุดลุกขึ้นสวมกางเกงและถือเสื้อเดินออกไปจากห้องหอ
หงส์นรีได้แต่มองตามหลังร่างสูงใหญ่ที่เดินจากเธอไป น้ำตาจวนเจียนจะไหล แต่เธอก็เก็บกักมันเอาไว้ และสำนึกไว้ว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้น เธอกับเขายังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน อย่าคิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้หงส์นรีถอดใจนะถึงแม้มันจะบั่นทอนความมั่นใจของเธอลงได้มากกว่าครึ่ง
“พี่สิงห์หนีหงส์ให้ตลอดรอดฝั่งนะคะ เพราะหงส์ไม่มีวันยอมปล่อยพี่สิงห์ไปได้ง่ายๆ พี่สิงห์มีศักดิ์ศรี หงส์ก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันค่ะ”
หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ดวงตากลมคลอไปด้วยหยาดน้ำตายังคงมองบานประตูห้องที่ถูกปิด หลังจากร่างสูงออกไปพ้นแล้ว
หลังจากคืนนั้นสิงหนาทก็ทำตัวหายเข้ากลีบเมฆ เขาออกไปทำงานตั้งแต่รุ่งสาง กลับมาก็ดึกดื่นเที่ยงคืนทุกวัน และที่สำคัญเขาไม่เคยเข้าไปหาหงส์นรีในห้องหออีกเลย หญิงสาวไม่ได้โกรธหรอก แต่รอเวลาที่เธอจะเรียกร้องเอาจากเขาบ้างต่างหาก อย่าคิดจะชิงพรหมจรรย์ไปจากเธอ แล้วหนีหายไปได้ง่ายๆ สิงหนาทยังรู้จักหงส์นรีน้อยไป
“คุณหงส์คะ มีแขกมาขอพบค่ะ”
หงส์นรีทำหน้าฉงนให้กับสาวใช้ที่เข้ามาบอก เธอวางพู่กันที่กำลังระบายสีบนภาพวาดลง ในยามที่ไม่มีอะไรทำ หญิงสาวก็ฆ่าเวลาด้วยการวาดภาพตามที่ใจรัก เธอกล่าวขอบใจสาวใช้และลุกขึ้นเดินลงไปพบแขกที่ว่า
หญิงสาวชะงักเท้าเมื่อเห็นร่างสูงของกายสิทธิ์ยืนรออยู่ในห้องรับแขก
“พี่สิทธิ์”
ชายหนุ่มหันมาทันทีที่ได้ยินเสียงหญิงสาวในดวงใจ
“หงส์ พี่ดีใจจังที่ได้พบหงส์”
“พี่สิทธิ์มาได้ยังไงคะ แล้วรู้ได้ไงว่าหงส์อยู่ที่นี่”
“พี่ก็ถามกับอาดำเกิงไง หงส์แต่งงานทำไมไม่บอกพี่สักคำ”
“ขอโทษนะคะ หงส์...ไม่คิดว่าจะต้องแต่งงานเร็วขนาดนี้”
หญิงสาวเดินนำออกไปที่สนามหญ้าหน้าบ้าน และทรุดตัวนั่งในซุ้มดอกเห็ด ซึ่งทำจากไม้สักทองราคาแพง บรรยากาศบริเวณนี้ร่มรื่นเพราะอยู่ใกล้ซุ้มกล้วยไม้ และน้ำตกจำลองเล็กๆ เสียงของน้ำตกที่ได้ยินนั้นช่างชุ่มฉ่ำหัวใจ ธรรมชาติทำให้จิตใจที่เครียดเขม็งผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ดูเหมือนหงส์ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่เลย”
“ฮิ ฮิ...พี่สิทธิ์ดูยังไงคะ หงส์มีความสุขดีออกค่ะ ว่าแต่พี่สิทธิ์มาหาหงส์ถึงนี่มีธุระอะไรกับหงส์หรือเปล่า”
“อ๋อ...พี่ตั้งใจมาเยี่ยมหงส์โดยเฉพาะจ้ะ แล้วนี่พี่เอาของโปรดที่หงส์ชอบมาฝากด้วย”
กายสิทธิ์ยื่นถุงเกายุก ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองของจ.ตรัง และหาทานที่ไหนไม่ได้นอกจากที่ตรังที่เดียว
“ว้าว...ดีจริง หงส์กำลังนึกอยากอยู่พอดี ขอบคุณพี่สิทธิ์มากนะคะ ที่นึกถึงหงส์และจำได้ว่าหงส์ชอบหรือไม่ชอบอะไร”
“พี่จำได้ทุกอย่างเกี่ยวกับหงส์”
หงส์นรีรู้สึกตื้นตันที่กายสิทธิ์ให้ความสำคัญกับเธอมากขนาดนี้ แล้วพลันนึกไปถึงใครอีกคน ถ้าเขาเป็นแบบนี้บ้างสักนิดก็ยังดี แต่คงยาก
“พี่สิทธิ์มาก็ดีแล้วค่ะ ไปดูหนังกับหงส์นะคะ”
เธอชวนเขาเพราะอยากขอบคุณที่เขามีน้ำใจกับเธอ และคิดว่ามันไม่เสียหายที่เพื่อนจะไปเที่ยวกับเพื่อน หงส์นรีถูกเลี้ยงดูมาอย่างอิสระ บิดามารดาไม่เคยห้ามปรามเวลาที่เธอจะไปไหนกับใครหรือทำอะไร เพราะหงส์นรีไม่เคยทำให้พวกท่านผิดหวัง การเรียนของเธอก็คว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาได้ แต่ไม่ได้ใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาประกอบอาชีพ เนื่องจากต้องช่วยบริหารธุรกิจสวนยางพาราของบิดา
“ตกลงจ้ะ ดีใจจังที่หงส์ชวน”
หงส์นรีแอบเบือนหน้าหนี ถ้าอยากให้เธอดีด้วยก็อย่าทำน้ำเน่าใส่เธอแล้วกัน
“เดี๋ยวหงส์ไปแต่งตัวก่อนนะคะ”
“ครับ”
หงส์นรีกำลังเลือกชุดด้วยการเอาชุดสวยมาทาบตัว ความจริงไม่ได้ไปกับคนสำคัญไม่จำเป็นต้องแต่งตัวสวยๆ ก็ได้ แต่เพราะความเป็นคนชอบแต่งตัวอยู่แล้ว ทำให้หญิงสาวไม่ลืมที่จะทำให้ตัวเองสวยตลอดเวลา แต่ต้องสวยแบบพอเหมาะพอดีนะ ถ้าสวยเว่อร์อย่างที่หลายคนทำ เธอก็ไม่เอาเหมือนกัน
“แต่งงานไม่กี่วัน ผัวไม่อยู่ เมียมีชู้มาหาถึงบ้านเลยเหรอ”
หญิงสาวหันขวับมามองอย่างตกใจ ทำไมวันนี้สามีที่ชอบประชดประชันของเธอถึงได้กลับบ้านแต่หัววันนะ
“ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วได้ล่ะคะ”
หงส์นรีถามเพราะสงสัยจริงๆ ปกติไม่ดึก สิงหนาทไม่มีทางเข้าบ้าน เขาทำราวกับประตูบ้านเปิดปิดเป็นเวลา คือเช้าตรู่กับเที่ยงคืน แต่ถ้าเขาชอบทำแบบนั้น หญิงสาวก็ไม่ห้าม อยากทำอะไรตามใจเขาเถอะ อย่าให้ถึงเวลาของเธอบ้างแล้วกัน
“ถ้ากลับช้า ก็ไม่รู้น่ะสิว่าเมียกำลังมีชู้”
“พี่สิงห์จะมาสนใจหงส์ทำไมคะ หงส์จะมีเพื่อนหรือมี...ชู้ ก็ไม่เห็นจะต้องมาสนใจเลยนี่คะ เพราะหงส์เองก็ไม่ได้สนใจ ว่าพี่สิงห์จะออกไปมีชู้ หรือนอนกับใครมาบ้าง”
“หงส์นรี! นี่เธอกล้าเถียงฉันเหรอ ฉันเป็นผัวเธอนะ”
สิงหนาทตะคอกใส่เสียงดัง แต่หงส์นรีไม่คิดจะกลัวหรอก
“ค่ะ หงส์ไม่มีวันลืม และหงส์ก็เป็นเมีย ไม่ใช่นางบำเรอ ที่พี่สิงห์คิดจะนอนด้วยเมื่อไหร่ หรือคิดจะทิ้งให้โดดเดี่ยวเมื่อไหร่ก็ได้”
“ฉันไปทำงาน เธอก็รู้ แต่นี่...เธอกำลังจะออกไปกับชู้”
ต้นแขนบางถูกมือหนาบีบแน่น จนหญิงสาวต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“พี่สิทธิ์เป็นเพื่อนที่ดีค่ะ และหงส์ก็ไม่คิดจะลดขั้นให้เหลือแค่ชู้”
“เธอกำลังจะบอกว่า มันมีความสำคัญกับเธอมากกว่าความเป็นชู้งั้นเหรอ”
หงส์นรีสะบัดต้นแขนออกจากการเกาะกุม เธอเดินหนีไปยืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เห็นใบหน้าคมในกระจกส่องเงาดูถมึนทึงบูดเบี้ยวจนน่าหัวเราะ
“พี่สิงห์อย่ามายัดเยียดความชั่วให้หงส์เลยค่ะ หงส์แค่จะออกไปกับเพื่อนที่เขาสนใจหงส์มากกว่า...ผัว”
หญิงสาวถอดเสื้อผ้าลำลองที่ใส่อยู่บ้านออกต่อหน้าต่อตาสิงหนาท ชายหนุ่มถึงกับกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก ทำไมเมียเขาช่างยั่วให้หัวปั่นเสียจริงๆ
“ถ้างั้นพี่ไปด้วย”
หงส์นรีคิดว่าตัวเองหูฝาดหรือไม่ก็อื้ออึงจนฟังผิดเพี้ยนไปมาก เขานี่นะจะไปกับเธอ แถมยังเรียกแทนตัวเองว่าพี่อีกต่างหาก นี่ตะวันจะขึ้นทางทิศตะวันตกหรือเปล่านี่ สามีของเธอถึงได้สมองกลับแบบนี้
“อย่าเลยค่ะ ไปกับหงส์ไม่สนุกหรอก”
“จะไป” เขาหันหลังจะเดินออกไปจากห้อง แล้วชะงักหันกลับมาบอก “แต่ไม่ใช่เพราะหึงหวงอะไรหรอกนะ แค่เพราะไม่อยากเป็นไอ้งั่งให้เมียหลอกได้หลอกดีเท่านั้น”
หงส์นรีมองร่างสูงที่เดินออกไปจากห้องอย่างงงๆ วันๆ หนึ่งนอกจากทำงานแล้ว สิงหนาทเคยคิดอย่างอื่นบ้างไหม นอกจากคิดว่าเธอหลอกลวงเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแบบนี้ ทำงานบริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ก็เครียดมากพอแล้วนะ ยังมีเรื่องให้เก็บไปเครียดได้อีกเหรอ แบบนี้สักวันคงได้ประสาทกินกันบ้าง
“ชิ...อยากไปก็ตามใจ ตาบ๊อง”
หงส์นรีเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของกายสิทธิ์ก็อยากขอโทษเขายิ่งนัก แม้เธอจะไม่คิดจะให้ความสำคัญกับกายสิทธิ์มากเกินกว่าคำว่าพี่ชาย แต่เธอก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจเขาแบบนี้ เขาจะรู้ไหมนะว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ หากแต่สามีสมองกลับของเธอต่างหากที่รบจะมาด้วย
เมื่อไปถึงโรงภาพยนตร์ สิงหนาทก็เลือกนั่งระดับเฟิร์สคลาสซึ่งจะจัดเก้าอี้เป็นโซฟาสำหรับคู่รักแต่ละคู่ แยกออกเป็นสัดส่วนและสามารถปรับนอนได้พร้อมทั้งมีเครื่องดื่มไว้บริการ เขาจ่ายค่าบัตรสำหรับเขาและหงส์นรี ส่วนค่าบัตรของคนที่สามอย่างกายสิทธิ์นั้นก็ให้ชายหนุ่มหน้าตี๋จ่ายเอง หงส์นรีต้องหันไปยิ้มแหยๆ ให้กายสิทธิ์ที่ดูจะพูดไม่ออกไปทุกขณะ แต่เธอก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ กลับกลายเป็นว่าชายหนุ่มหน้าตี๋ต้องแยกไปนั่งต่างหากอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย
หนังที่หงส์นรีเลือกดูนั้นเป็นหนังรักโรแมนติก สำหรับกายสิทธิ์นั้นไม่มีปัญหาเพราะไม่ว่าหญิงสาวจะดูอะไร เขาก็พร้อมจะดูด้วยเสมอ แต่ชายหนุ่มอีกคนที่รบจะมาด้วยนี่สิ หญิงสาวแอบเห็นสิงหนาทยกมือปิดปากหาววอดอยู่หลายครั้ง ท่าทางอยากเอาชนะของเขาทำให้หญิงสาวต้องกลั้นเสียงหัวเราะ
หนังดำเนินไปได้ชั่วครู่เธอก็เห็นบุคคลที่เป็นสามีคอพับคออ่อน
‘โธ่เอ๊ย...นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็นั่งหลับ ชิ!’
แล้วหงส์นรีก็สะดุ้งโหยง เมื่อจู่ๆ ศีรษะของคนข้างๆ ก็เอียงลงมาซบบ่าของเธอ หญิงสาวคิดว่าเขาคงหลับไม่รู้สึกตัว จึงปล่อยให้นอนแบบนี้ แต่เพียงครู่เดียว ลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดซอกคอระหง หญิงสาวจึงต้องก้มลงมองคนที่คอพับคออ่อน เห็นเขาหลับตานิ่งอยู่เช่นเดิมก็ถอนใจ
“ถอนใจทำไม ผัวขอซบหน่อยไม่ได้หรือไง”
“พี่สิงห์ไม่ได้หลับเหรอคะ”
“เปล่า แต่นอนแบบนี้มันสบายกว่า”
หงส์นรีอยากถามว่ามันสบายตรงไหน ในเมื่อเก้าอี้ก็แยกกันและสามารถปรับเอนนอนได้ตามใจชอบ ถ้าเขาอยากสบายจริงๆ ก็นอนได้ไม่มีใครว่า แต่กลับเอนศีรษะมาพิงบ่าเธอเสียแบบนี้ ไม่ถามเธอสักคำเลยเหรอว่าหนักมั้ย แต่เธอก็ได้แค่คิด ไม่อยากพูดออกมาเพราะจะเป็นการต่อความยาวสาวความยืดให้คนที่ดูหนังด้วยกันรำคาญมากกว่า
“ไม่เห็นสนุกตรงไหนเลย น่าเบื่อจะตายชัก”
เสียงบ่นดังมาจากคนที่นั่งซบเธอจนเมื่อย
“งั้นพี่สิงห์ก็ออกไปก่อน หรือจะกลับบ้านไปเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวหงส์กลับกับพี่สิทธิ์เอง”
สิงหนาทผงกศีรษะขึ้น แล้วกระซิบข้างหูเล็กๆ ที่น่ากัดนักในสายตาของเขา
“เรื่องอะไรพี่จะปล่อยให้เธอพลอดรักกับชายชู้ง่ายๆ ฝันไปเถอะ”
หงส์นรีตวัดสายตาเขียวปั๊ดให้สามี อยากตบหน้าหล่อๆ นั่นสักฉาดสองฉาด ถ้าไม่เสียดายว่าหน้าหล่อๆ จะเป็นปื้นด้วยฝ่ามือของเธอแล้วล่ะก็ หงส์นรีจะไม่เสียเวลาคิดเลยสักนิด คำก็ชู้สองคำก็ชู้ เดี๋ยวนังหงส์ก็มีชู้จริงๆ ซะเลย
หญิงสาวข่มความโกรธไว้ในใจ โมโหไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้นั่งเงียบปล่อยให้เขาพล่ามไปคนเดียวไม่ดีกว่าเหรอ อยากพูดอะไรก็พูดไป ถ้านังหงส์ทนไม่ได้ขึ้นมาเมื่อไหร่แล้วคุณสามีจะรู้สึก
เมื่อเธอไม่โต้ตอบ ความเงียบก็เข้าครอบงำอีกระลอกมีแต่เสียงจากภาพยนตร์เท่านั้นที่ดังลั่น แต่ได้เพียงครู่ใหญ่ๆ ร่างบางก็ผวา เมื่อมีมือใหญ่มาโอบบ่าบอบบางของเธอ หญิงสาวหันไปมองคนข้างกายที่นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ราวกับกำลังสนใจหนังที่เขาบอกว่าน่าเบื่อเสียเต็มประดา เธอผลักมือนั้นออกแต่พอมันหลุดมันก็ดีดกลับมาใหม่เหมือนติดสปริงยังไงยังงั้น
“เอามือออกไปนะคะพี่สิงห์”
“ทำไม ผัวจะกอดเมียไม่ได้เหรอ”
“เมียที่ไม่ต้องการ ไม่จำเป็นต้องกอดหรอกค่ะ”
“จริงอยู่ที่ไม่ต้องการ แต่จำเป็นต้องกอด เพราะหน้าที่ที่ต้องทำลูกให้”
“แต่นี่มันในโรงหนัง ไม่ใช่ที่บ้าน”
“อ๋อ...พี่ก็ไม่บ้าจะทำอะไรเธอตอนนี้หรอกนะ แค่...ไม่อยากเสียเวลาเล้าโลมเธอที่บ้านน่ะ ถ้าเธอพร้อมเสียที่นี่เลยก็ดี”
“พี่สิงห์!! อย่าให้หงส์หมดความอดทนนะคะ”
“ทำไม เธอหมดความอดทนแล้วทำไม”
หงส์นรีชักฉุนขึ้นมาจริงๆ เธอพยายามสกัดกั้นอารมณ์กรุ่นโกรธเอาไว้ เพราะหากเธอทนไม่ได้เป็นฝ่ายขอเลิกก่อน ตระกูลฤทธิ์ทองคำก็จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งล่อง นอกจากเธอจะต้องเสียตัวให้เขาแล้ว เธอยังจะต้องเสียเงินจำนวนหลายร้อยล้านให้เขาอีกด้วย เพราะฉะนั้นเธอต้องอดทนไว้
สิงหนาทเห็นหญิงสาวเงียบก็ได้ใจ เขาปล่อยมือจากการโอบมาเป็นตะปบลงที่ต้นขาอ่อน หญิงสาวหันไปส่งตาดุๆ ปรามการกระทำของเขา หงส์นรีใส่กางเกงขาสั้นก็เลยมีผ้าห่มคลุมขา แต่มือหนากลับซุกเข้าไปใต้ผ้าห่ม เธอตะครุบมือซนนั้นไว้ แต่เขาก็ออกแรงดื้อรั้นกอบกุมเนินสาวทั้งที่ยังมีกางเกงขาสั้นปิดบัง
“พี่สิงห์!!!”
หญิงสาวจะลุกขึ้นหนีออกไปจากโรงภาพยนตร์ แต่ถูกปรามด้วยสายตาและมืออีกข้างที่ดึงต้นแขนให้นั่งนิ่ง
“อยู่เฉยๆ อยากให้คนอื่นรู้รึไง หรือชอบป่าวประกาศ”
หงส์นรีนับหนึ่งถึงร้อยในใจ ทนๆๆๆ เธอต้องทนให้ได้ หญิงสาวหลับตาพิงพนักเพื่อสะกดกั้นอารมณ์ แต่การทำแบบนั้นเหมือนเปิดทางให้สิงหนาทส่งมือซุกซนสร้างความสยิวมากขึ้น
มือใหญ่คลึงเนินเนื้ออวบอิ่มเรื่อยๆ ละเลียดทีละนิดราวกับกำลังลิ้มรสอาหารชั้นยอด มุมปากกระตุกยิ้มพอใจที่ได้รู้ถึงแรงสั่นสะท้านจะร่างบาง ปลายนิ้วเรียวใหญ่รูดซิบกางเกงและปลดกระดุมออก สอดฝ่ามือเข้าไปในแพนตี้ตัวน้อยสัมผัสความนุ่มที่แท้จริง
หงส์นรีกัดริมฝีปากแน่นความรู้สึกประดังประเดกันเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งความกรุ่นโกรธ ความสยิวซ่าน ความหวาดผวา มือบางจับมือหนาแต่ไม่ได้ออกแรงห้ามปรามเลยแม้แต่น้อย การปลุกปั่นของเขากำลังทำให้เธอต้องคล้อยตามอย่างหน้าไม่อาย หญิงสาวถอนหายใจรุนแรงราวกับเหนื่อยใจ ก่อนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เมื่อปลายนิ้วแกร่งกดไปตามรอยแยกของกุหลาบสาว
“พี่สิงห์”
เสียงครางแผ่วๆ ดังออกมาเรียกให้ชายหนุ่มยิ้มกริ่มอย่างพอใจ เรียวขาเสลาแยกออกอย่างห้ามใจไม่อยู่ เปิดทางให้ปลายนิ้วแกร่งกรีดไล้กายสาวได้ถนัดยิ่งขึ้น
หงส์นรีหอบหายใจหนักหน่วง หัวสมองหมุนคว้างความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมลายหายไป เสียงครางแผ่วพร่าที่ดังออกมาไม่ขาดสาย ทำให้สิงหนาทต้องกระซิบบอกเสียงนุ่ม
“อย่าส่งเสียงดังนะ เดี๋ยวคนอื่นรู้ว่าเรากำลังทำอะไรกัน”
ได้ผลชะงัด หญิงสาวกัดริมฝีปากกลั้นเสียงครางไม่ให้เล็ดลอดออกมา แต่เธอห้ามสะโพกไม่ให้พลิ้วไหวไปตามปลายนิ้วที่สอดเข้าหา และขยับอยู่ภายในกายสาว เกสรนารีถูกสะกิดถี่ๆ จนหยาดน้ำหวานรินรดเรียวนิ้วช่ำชองจนเปียกชุ่ม เธอใกล้จะถึงฝั่งฝัน หากแต่จู่ๆ ไฟในโรงภาพยนตร์ก็สว่างพรึ่บ บอกให้รู้ว่าหนังที่ฉายอยู่นั้นจบลงแล้ว
สิงหนาทดึงมือออก พร้อมทั้งรูดซิบติดกระดุมกางเกงให้อย่างรวดเร็ว เขาเองก็ลืมตัวลืมใจไม่ได้ดูเวลาว่าหนังจะจบแล้ว ที่จริงต้องบอกว่าไม่ได้ดูเลยตั้งแต่ต้นก็ว่าได้ หงส์นรีลุกพรวดขึ้นแล้วจ้ำอ้าวออกไปจากโรงหนังด้วยใบหน้าแดงก่ำ
