ตอนที่ 2 พนักงานธุรการคนใหม่
ตอนที่ 2 พนักงานธุรการคนใหม่
หงส์นรีมองร่างเธอในกระจกเงา เห็นหญิงสาวร่างอวบอิ่มน่าฟัดปรากฏอยู่ในนั้น วันนี้เธอแต่งกายด้วยชุดทำงานเรียบๆ นั่นคือเสื้อเชิ้ตแขนตุ๊กตาสีชมพูอมส้มปลดกระดุมลงมาอีกหนึ่งเม็ด อวดเนินอกอิ่มนวลเนียนรำไร กระโปรงสั้นครึ่งต้นขาอ่อนฟิตเปรี๊ยะผ่าข้างสูงเกือบถึงสะโพก โชว์เรียวขานวลเนียนน่าสัมผัสและยั่วให้ผู้ชายน้ำลายไหลเล่นๆ ผมสลวยเป็นลอนสีน้ำตาลแดงที่เคยถูกมัดรวบตลอดเวลา บัดนี้ถูกปล่อยให้ยาวสยายเต็มแผ่นหลัง ติดกิ๊บน่ารักๆ เหน็บปอยผมไม่ให้ลงมาปิดบังดวงตาคู่สวย ดวงหน้าใสแต่งแต้มเครื่องสำอางแต่เพียงเล็กน้อย ให้ดูเป็นสาวใสสุขภาพดีน่ารักเท่านั้น
ทั้งหมดนี้หงส์นรีไม่ได้แต่งเพื่อยั่วยวนคนอื่น เป้าหมายของเธอมีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น แต่คนอื่นจะเป็นผลพลอยได้ เธอไม่คิดจะสนใจ
หญิงสาวคว้ากระเป๋าคล้องไหล่เดินออกจากคอนโดหรูที่บิดาซื้อเอาไว้นานแล้ว สำหรับการมาพักผ่อนที่กรุงเทพฯ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาโรงแรมที่พัก
หงส์นรีเดินเลยรถสปอร์ตสีขาวของตนที่จอดในลานจอดรถใต้อาคาร ไปโบกรถแท็กซี่เพื่อจะเดินทางไปยังที่ทำงานของเธอ คงไม่ดีแน่หากจะขับรถสปอร์ตไปทำงานเป็นพนักงานธุรการของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ใกล้จะล้มละลาย ไม่ใช่สิ เวลานี้ในสายตาของคนภายนอกยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเค.เค.พี. ฐานะของเค.เค.พี.จึงยังอยู่ที่มั่นคงดังเดิม
“คุณลุงจักรคะ พนักงานธุรการคนใหม่กำลังจะเข้าไปรายงานตัวแล้วค่ะ”
เธอบอกผ่านมือถือราคาปานกลางในมือที่เพิ่งซื้อใหม่แกะกล่อง ไว้ใช้สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ จะเข้าไปกระตุกหนวดสิงห์สักทีต้องลงทุนกันหน่อย
การไปนั่งโต๊ะทำงานในตำแหน่งของพนักงานธุรการไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด ตำแหน่งเล็กๆ ที่ไม่จำเป็นต้องส่งประวัติผ่านขึ้นไปถึงท่านประธานกรรมการ ทำให้หงส์นรีได้เข้ามานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่โต๊ะทำงานของพนักงานธุรการ หญิงสาวสวยหน้าคมหวานเรียกให้สายตาทั้งหนุ่มทั้งสาวต้องหันมามอง และส่งยิ้มให้อย่างมีไมตรี มีสายตาบางคู่จากผู้หญิงบางคนเท่านั้นที่รู้สึกอิจฉาริษยา เมื่อนางนกหงส์นรีได้รับการจับตามองมากกว่าพวกเธอที่ทั้งอ่อยทั้งทิ้งหางตาให้ก็แล้ว ก็ยังไม่มีใครสนใจเท่ากับพนักงานธุรการคนใหม่นี้
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับหงส์นรี ใครดีมาเธอก็ดีตอบ ใครร้ายมาก็จะได้เห็นดีกัน
“เฮ้อ...เสร็จเสียที แฟ้มสรุปผลงานของทุกฝ่ายที่ต้องส่งให้เลขาจัดการอีกที”
สกาวใจหัวหน้าฝ่ายธุรการร้องขึ้น เรียกให้พนักงานใหม่ต้องหันไปมองเมื่อได้ยินคำว่า “เลขา”
“ทีนี้ก็เหลือแต่ต้องขึ้นไปส่ง อ้าว...หน่อยไปไหนแล้ว แหมๆ หลบเลี่ยงอู้นี่ ขยันทำกันจริงๆ”
“พี่ใจมีอะไรให้หงส์ช่วยไหมคะ”
หงส์นรีรีบอาสา การได้ขึ้นไปหาเลขาบางทีจะทำให้เธอได้เจอกับประธานหนุ่ม เธออุตส่าห์นั่งรอให้สบโอกาสเหมาะ พอมีโอกาสแล้วก็ไม่อยากปล่อยไปต้องรีบฉวยมาก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีก
“อ๋อ...ก็ดีจ้ะ งั้นหงส์ช่วยเอาแฟ้มนี่ขึ้นไปให้พี่ไพลินเลขานุการของท่านประธานที่ชั้น 15 หน่อยนะจ๊ะ”
“ได้ค่ะพี่ใจ”
หงส์นรีรีบตอบรับ และกอดแฟ้มในอ้อมแขนแน่น เธอก้าวฉับๆ ตรงไปที่ลิฟต์ ขณะนั้นก็มีร่างสูงในชุดสูทสีเทาดำเดินเร็วๆ ด้วยความรีบร้อนมาชนเธอเข้าอย่างจัง แฟ้มในมือหงส์นรีตกลงบนพื้นและร่างเธอก็เซถอยหลังเกือบล้ม ดีที่มือใหญ่คว้าต้นแขนเธอไว้ได้ทัน ความไม่ยอมคนเพราะไม่ได้ยินเสียงขอโทษทำให้หญิงสาวเงยหน้ามองคนร่างสูงอย่างเอาเรื่อง แต่แล้วคำพูดที่ตั้งใจจะต่อว่านั้นก็ถูกกลืนหายไปในลำคอ
สิงหนาทมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดเขานิ่ง ความนุ่มหยุ่นที่ปะทะอกกว้างเพราะเขากระชากเธอเข้ามาในอ้อมอก ก่อนที่ร่างบางจะล้มลงก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ให้ความรู้สึกดีได้อย่างเหลือเชื่อและสัมผัสนั้นก็บอกเขาได้ว่า เป็นของแท้ทั้งสองก้อนไม่ใช่ของเทียมที่ผู้หญิงนิยมไปทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้น กลิ่นหอมจากเรือนกายนุ่มนั้นชวนให้เขาก้มลงสูดความหอมจากพวงผมสลวยอย่างอดใจไม่อยู่ กลิ่นซากุระหอมแปลกและไม่ค่อยมีผู้หญิงที่ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้
ดวงตากลมโตจ้องมองพิจารณาคนตรงหน้า เห็นตัวเป็นๆ แบบนี้แล้วต่างกับในรูปถ่ายลิบลับ ก็ตัวจริงหล่อเหลากว่าในรูปมากมายก่ายกอง
‘นังหงส์เอ๊ย นี่หรือคือว่าที่สามีของเธอ คนอะไรหล่อชะมัดยาก คนหรือเทพบุตรกันเนี่ย’
หงส์นรีกะพริบตาปริบๆ เมื่อมือใหญ่ละจากท่อนแขนเรียวบาง เธอก้มลงเก็บแฟ้มขึ้นมาถือไว้ แต่พอหันหน้ามาอีกทีร่างสูงนั้นก็หายเข้าไปในลิฟต์แล้ว
“หนอย จะขอโทษสักคำก็ไม่มีนะ ว่าที่คุณสามีของหงส์ แต่ไม่เป็นไร หล่อๆ แบบนี้หงส์ให้อภัย หยิ่งนักใช่ไหม แล้วจะได้เห็นฤทธิ์ของนังหงส์บ้าง จะดูซิว่าจะหยิ่งไปได้สักกี่น้ำ”
หญิงสาวพึมพำและยืนอย่างรอคอยจนลิฟต์ลงมาอีกครั้ง หลังจากขึ้นไปส่งสิงหนาทเรียบร้อยแล้ว
ไม่กี่อึดใจต่อมา หงส์นรีก็มายืนอยู่หน้าห้องท่านประธานบริษัท เธอมองหาเลขาที่สกาวใจบอกก็ไม่เห็นมี สมองน้อยๆ วางแผนการให้ตัวเองเสร็จสรรพ มือบางปลดกระดุมเสื้อลงมาอีกหนึ่งเม็ด และจงใจดึงกระโปรงฟิตเปรี๊ยะขึ้นสูงอีกหน่อย หญิงสาวเคาะประตูห้องท่านประธานด้วยใบหน้ายิ้มแป้น แต่พอได้ยินเสียงทุ้มก็หุบฉับ แกล้งตีหน้านิ่งทำให้ดูซีดเซียวสลดลงราวกับคนไม่สบาย
หงส์นรีเปิดประตูเข้าไปหลังจากที่ได้รับอนุญาต ร่างสูงใหญ่ของว่าที่สามีนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นมองและพอเห็นเธอคิ้วเข้มก็ขมวดมุ่น
“เอ่อ...สวัสดีค่ะ หงส์เอาแฟ้มงานขึ้นมาให้ค่ะ พี่ใจบอกให้เอามาให้เลขา แต่ไม่เห็นใครอยู่หน้าห้องก็เลยเอาเข้ามาให้ท่านประธานเสียเลยค่ะ”
เสียงอ่อนหวานบอกเบาๆ ราวกับไม่แน่ใจว่าควรพูดดีหรือไม่ ทำให้สิงหนาทต้องคลายปมที่คิ้วลง ดวงตาคมกวาดตามองหญิงสาวตรงหน้า ครุ่นคิดว่าเธอเป็นใครทำไมเขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่คงเป็นพนักงานปลายแถวก็เลยทำให้เขาไม่เคยเห็นกระมัง
“อืม...เอาวางไว้บนโต๊ะนี่แหละ”
“ค่ะ”
สิงหนาทมองนางนกน้อยที่เขายังไม่รู้จักเดินเข้ามาวางแฟ้มบนโต๊ะ ดวงตากวาดมองร่างบางตรงหน้าตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า ถึงแม้สิงหนาทจะทำงานหามรุ่งหามค่ำมาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้เขาก็จัดว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ และตอนนี้เพลย์บอยมือฉมังก็ยังไม่สิ้นลายที่เคยมีให้เห็น
หงส์นรีหลุบตาซ่อนประกายบางอย่างไว้ ดวงตาคมที่เธอเห็นจ้องเธอไม่กะพริบ ทำให้หงส์นรีรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านี่ไม่ใช่เบาเหมือนกัน ทั้งหล่อ ทั้งหยิ่ง ทั้งเจ้าชู้อย่างนี้แหละสเป็คนังหงส์
“เธอทำงานที่นี่นานรึยัง ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้า”
นั่นไงเริ่มแสดงอาการเพลย์บอยออกมาแล้ว
“เพิ่งมาทำงานวันแรกค่ะ”
“เหรอ ชื่ออะไร อยู่แผนกไหน”
สิงหนาทหลุบตามองร่องอกนวลเนียนเบียดกันชิดที่เห็นรำไร ผู้หญิงคนนี้สวยแม้จะไม่ขาวผ่องเหมือนผู้หญิงที่เขาเคยควง แต่ผิวสีน้ำผึ้งนั้นนวลเนียนน่าลูบไล้ เครื่องหน้าคมหวานที่ดึงดูดสายตาจากผู้ชายได้ไม่ยาก ก็สะดุดตาเขาตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งกลิ่นซากุระที่เขาไม่รู้ว่าเธอใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไร ยิ่งทำให้เขาอยาก...
‘เฮ้ย...สมภารไม่กินไก่วัดนะไอ้สิงห์’
ใจของเขาค้านเพราะสิงหนาทไม่เคยคิดจะเคลมพนักงานในบริษัท ยิ่งพักหลังๆ นี้งานยุ่งมาก ผู้หญิงที่เคยควงหลายๆ คนก็หายหน้าไป ไม่ใช่เพราะเจ้าหล่อนเบื่อหรือยังไงหรอก แต่เป็นเพราะเขาไม่มีเวลาได้ออกไปปลดปล่อยอารมณ์ต่างหาก เวลานี้งานเป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องการจะทำ เกริกเกียรติไพศาลสำคัญกว่าเรื่องอื่นใด
“หนูชื่อหงส์นรีค่ะ อยู่แผนกธุรการ”
“อ้อ...นางหงส์หรอกรึนี่ ถึงว่า...สวย”
“ท่านประธานไม่มีอะไรแล้ว หนูขอกลับไปทำงานก่อนนะคะ”
หงส์นรีแสร้งทำเป็นพนักใหม่ไฟแรงแสนขยันขึ้นมา แต่ความจริงเธอมีแผนการมากกว่านี้ต่างหาก
คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ก่อนร่างสูงจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้ามาหาอย่างหมายมาด นี่เธอกำลังทำให้สมภารตะบะแตกหรือเปล่านี่ ทั้งที่ยืนเฉยๆ อยู่ตรงหน้า ก็เรียกให้เขาอยากเข้าใกล้จนใจจะขาดแล้ว
“ทะ...ท่านประธานคะ”
หญิงสาวเรียกเมื่อร่างสูงมาหยุดยืนจนชิดด้านหลัง ลมหายใจที่เป่ารดศีรษะนั้นร้อนผ่าวจนหงส์นรีเกือบเปลี่ยนใจ มันจะเร็วไปหรือเปล่าถ้าเธอยอมให้เขาเข้าถึงเนื้อตัวง่ายขนาดนี้ แต่จะเป็นไรไปล่ะ ก็เขาคือว่าที่สามีของเธอนี่นา ยิ่งเขาหลงเธอได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งเป็นผลดีกับเธอไม่ใช่เหรอ เขาจะได้ปฏิเสธว่าที่ภรรยาอย่างเธอไม่ได้ไง
“เธอใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไร ทำไมถึงได้หอมแปลกเหมือนกลิ่นดอกซากุระ”
“เอ่อ...แพดดี้ แดดดี้ค่ะ เป็นน้ำหอมแห้ง”
“หืม...หอม”
หงส์นรีเบี่ยงแก้มหนีปลายจมูกโด่งที่กดลงมาหา ปากว่าจมูกถึงเลยรึเนี่ยคุณว่าที่สามี
“อย่าค่ะท่าน หนะ...หนูจะลงไปทำงานแล้วค่ะ”
“ทำงานกับฉันไหมล่ะ ขึ้นมาทำงานบนนี้ สบายกว่าอยู่ข้างล่างเยอะเลยนะ”
ออกลายตั้งแต่ยังไม่แต่งเลยนะ แต่ก็ดีแบบนี้หงส์ชอบ
“ไม่ล่ะค่ะ หงส์ไม่อยากถูกตบ”
“ใครจะตบเธอ บนนี้ก็มีแต่ไพลินและฉัน”
“หงส์ไม่กล้าหรอกค่ะ เพิ่งมาทำงานวันแรก เดี๋ยวโดนเขม่น”
หงส์นรีเดินหนีไปเสียสองก้าว แต่แค่อึดใจเดียวเอวบางก็ถูกรวบเข้าหาร่างแกร่ง
สิงหนาทเองก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมอยากเป็นสมภารกินไก่วัดขึ้นมากะทันหัน ก็เธอสวยใสและหอมฟุ้งแบบนี้จะให้เขาอดใจไหวได้ยังไง ขอเถอะ ยิ่งตอนนี้ตรองไม่ตกว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี ลูกสาวเพื่อนพ่อจะหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ขนาดไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้มีของสวยงามอยู่ตรงหน้าก็ขอให้ได้ลิ้มรสก่อนแล้วกัน เมื่อเช้านี้เขาก็ตกปากรับคำจะแต่งงานกับแม่สาวนั่นเป็นเวลาหนึ่งปี เพื่อทำหลานชายให้ว่าที่พ่อตาได้สมใจ หนี้สินทั้งหมดที่มีจะได้ถูกหักล้างกันไป ไม่รู้ว่าจะต้องกล้ำกลืนฝืนใจขนาดไหนหากจะต้องนอนร่วมเตียงกับ...อูย ไม่อยากจะวาดภาพหน้าตาที่ดูไม่จืดของเจ้าหล่อนเลย ถ้าได้แบบนี้จะไม่บ่นเลยสักคำสิน่ะ
“ท่านประธานคะ อย่าทำแบบนี้ค่ะ ปล่อยหงส์เถอะ”
หญิงสาวเล่นตัวเล็กน้อยให้พอดูดีมีราคาหน่อย แต่ไม่รู้ว่าราชสีห์หนุ่มจะเคยเห็นค่านางในอ้อมกอดที่ผ่านๆ มาบ้างรึเปล่า หรือพอสมใจแล้วก็เขี่ยทิ้ง ชิ...น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่าล่ะมั้ง ก็พ่อหยิ่งเหลือเกินนี่นา คำขอโทษหรือขอบคุณขอบใจอะไรไม่เคยมีให้ได้ยินเลย
มือใหญ่กอบกุมทรวงอกนุ่มทั้งสองข้าง และเคล้นคลึงตามกระแสแห่งความปรารถนาที่โหมกระพือ
หงส์นรีตกใจตะปบมือใหญ่และดึงให้ออกจากทรวงสาว แหม...ไวไฟทุกอวัยวะเลยนะพ่อคู้ณ เห็นนังหงส์เป็นของหวานหรือไง ของหวานประจำบนเตียงในคฤหาสน์หลังงามน่ะหงส์ยอม แต่ของหวานชั่วคราวที่ละเลียดกินแล้วเขี่ยทิ้งน่ะ หงส์ไม่ปลื้ม
“ท่านประธาน ปล่อยค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะไม่งาม”
ร่างบางหมุนตัวเข้าหาอกกว้าง ได้กลิ่นอาฟเตอร์เชฟปะปนมากับกลิ่นลมหายใจหอมสะอาด หงส์นรีสูดกลิ่นนั้นเข้าปอด เขาเองก็ตัวหอมไม่แพ้เธอหรอกน่ะ หอมจนอยากดมมากกว่านี้ แต่...ต้องข่มใจไว้ไม่งั้นเดี๋ยวนางหงส์จะทำให้ราชสีห์ตื่น
ใบหน้างามแหงนขึ้นเตรียมประท้วงให้เขาปล่อยมือจากการกระทำอันอุกอาจ หากแต่เรียวปากที่เตรียมจะขยับแย้มกลับถูกปิดด้วยเรียวปากร้อน มือใหญ่ละจากความนุ่มหยุ่นมาประคองท้ายทอยให้ตั้งรับจุมพิตเร่าร้อนจากเขา
สาวน้อยที่ไม่เคยถูกใครจูบถึงกับมึนงง ส่วนประสาทการรับรู้ทั้งหลายชาหนึบ หูอื้ออึงได้ยินเสียงหอบหายใจมาจากที่ไกลๆ ใครกันนะที่หายใจแรงขนาดนี้ คิดได้แค่นั้นความคิดก็พลันชะงัก เมื่อเรียวลิ้นอุ่นชื้นแทรกเข้ามาล่วงล้ำในโพรงปากนุ่ม กวาดความหวานทุกหยาดหยดอย่างหิวกระหาย เรียกร้องให้เรียวลิ้นเล็กๆ ที่หดหนีเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี ต้องแตะเร้ากับเรียวลิ้นหนา เกี่ยวกระหวัดรูดรัดจนหัวสมองเธอหมุนติ้วๆ เป็นลูกข่าง
สิงหนาทจูบอย่างที่ไม่เคยอยากจูบใครมากขนาดนี้มาก่อน อยากสัมผัสเธอไปทั่วร่าง อยากครอบครองเธอจนใจกลางร่างปวดหนึบ ร่างบางถูกช้อนขึ้นไปวางบนโซฟาตัวใหญ่ แต่ริมฝีปากทั้งคู่ยังคงประทับจูบกันอย่างดูดดื่ม
‘โอย...ใจนังหงส์จะขาดอยู่แล้วนะคุณว่าที่สามี อยากเปลี่ยนจากว่าที่สามี มาเป็นคุณสามีมากขนาดนี้เลยเหรอ’
มือใหญ่ลูบไปตามรอยผ่าข้างของกระโปรงตัวฟิต เลื่อนขึ้นไปสูงจนหงส์นรีรู้สึกหวาดเสียว แต่ที่เสียวกว่านั้นก็คือมือหนาที่วกเข้าหาความนุ่มกลางลำตัวของเธอน่ะสิ
‘ไม่ได้การแล้ว ทำแบบนี้นังหงส์คงต้องเป็นฝ่ายยามให้ราชสีห์เขมือบแน่ แต่หงส์ยังไม่พร้อมนี่’
หงส์นรีอาศัยจังหวะที่สิงหนาทกำลังเผลอไผล ผลักอกกว้างเต็มแรงจนร่างสูงแทบหงายหลัง
“อย่าค่ะพี่สิงห์”
“อะไรนะ เธอรู้จักชื่อเล่นฉันตั้งแต่วันแรกเลยเหรอ”
ว้าย...หงส์นรีอยากเข็งกะโหลกตัวเองเสียจริงๆ ความเกือบแตกแล้วมั้ยล่ะ
“อ๋อ...หนูได้ยินพี่ๆ ข้างล่างคุยกันน่ะค่ะ”
หงส์นรีรีบแก้ตัว ก่อนตวัดแข้งขาสั่นๆ ที่อยู่บนโซฟาลงและผุดลุกขึ้นยืน
“หนูขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว”
ร่างบางที่ซอยเท้าไปถึงหน้าประตูชะงัก
“เข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำฉันก่อน ถ้าเธอไม่อยากได้อายล่ะก็”
จริงสิ ป่านนี้หัวหูเธอคงยุ่งเหยิงไปหมด ก็เมื่อกี้เผลอสะบัดหน้าไปหลายครั้ง ชิ...เพราะเขานั่นแหละที่ทำให้เธอเกือบได้อาย หญิงสาวแอบบ่นในใจ และเดินไปในห้องเล็กๆ ที่มีฉากกั้นด้านหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่
หงส์นรีมองเงาสะท้อนในกระจกก่อนออกจากคอนโด เธอก็ดูสวยน่ารักดูดีทุกอย่าง แต่ตอนนี้สิ ลิปสติกสีนู๊ดที่เธอเคลือบริมฝีปากนั้นดูเลอะเทอะไปหมดแล้ว ร้ายไม่เบาเลยนะคุณว่าที่สามี เห็นแรกๆ ดูว่าเงียบๆ หยิ่งจองหองตามสไตล์ของคนมีอันจะกิน แต่เข้าใกล้เป็นไม่ได้ลูกหื่นวิ่งมาจุกคอหอยขึ้นมาเชียว มุมปากอิ่มแย้มยิ้มแตะปลายนิ้วลงบนกลีบปาก มาเห่อบวมเพราะฤทธิ์จูบจากเขา และมันก็แดงปลั่งโดยไม่ต้องพึ่งลิปสติกอีกต่อไป
หญิงสาวถอนใจรู้สึกแปลกใจครามครัน ว่าเมื่อก่อนเธอเองก็ไม่เคยบ้าผู้ชายแบบนี้ ถึงจะมีแต่หนุ่มๆ วนเวียนมาแจกขนมจีบให้ทุกเมื่อเชื่อวัน ตอนเรียนมหาลัยก็เป็นดาวของคณะมีเหล่าเดือนรายล้อมไม่เคยห่าง แต่เธอไม่เคยถูกใจใครเลยสักคนเดียว อาจเป็นเพราะไม่มีใครหล่อเหลาและน่าค้นหาแบบคนนี้
เสียงโทรศัพท์จากภายนอกทำให้หงส์นรีสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะรีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ใช้กระดาษทิชชู่จัดการกับรอยลิปสติกที่เลอะออกไปจากขอบปาก พร้อมกลัดกระดุมเสื้อให้ดูเรียบร้อยที่สุด หงส์นรีเปิดประตูห้องน้ำออกไป โดยลืมดูที่ต้นคอระหงว่ามีรอยคิสมาร์กแต้มอยู่
“อุ๊ย! ปล่อยหนูเถอะค่ะ หนูไม่ใช่ดอกไม้ริมทาง หรือขนมหวานที่ท่านประธานจะเคี้ยวเล่น ถ้าท่านยังทำแบบนี้ หนูคงทำงานที่นี่ต่อไปไม่ได้อีก”
หญิงสาวพร่ำบอกอย่างทำเป็นเหนียมอาย เมื่อเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ร่างของเธอก็ถูกเบียดจนต้องถอยหลังไปชิดฝาห้อง
“ทำไม ไม่อยากสบายเหรอ”
“อยากน่ะมันก็อยากอยู่หรอกค่ะ แต่...อย่าดีกว่าค่ะ ปล่อยหนูเถอะนะคะ”
สิงหนาทกดจูบหนักที่พวงแก้มนุ่ม และถอยห่างไปนั่งประจำที่ หงส์นรีจึงเดินออกไปเงียบๆ ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าประตู และหันกลับมามองใบหน้าราชสีห์หนุ่มที่กำลังติดกับนางหงส์ตัวน้อยๆ อย่างเธอ ได้สบตาคมอยู่ชั่วครู่ก็ปิดประตูกั้นเธอกับเขาให้ห่างจากกัน
“อ้าว...พี่ก็ว่าเธอไปไหน เห็นพี่ใจบอกว่าเธอเอาแฟ้มงานมาให้พี่นี่นา”
ไพลินทักเมื่อเห็นหญิงสาวเดินออกมาจากห้องทำงานของท่านประธานใหญ่
“คุณไพลิน”
เสียงอินเตอร์คอมดึงความสนใจจากไพลินกลับไป
“คะท่านประธาน”
“เข้ามาเอาแฟ้มคุณคืนไป เมื่อกี้ผมเอามาเปิดดูคร่าวๆ ยังมีที่คุณต้องทำอีกไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะท่านประธาน”
ไพลินยิ้มให้หงส์นรีก่อนเดินเข้าห้องประธานไปเอาแฟ้มดังกล่าว หญิงสาวอีกคนต้องถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก อดนึกขอบคุณสิงหนาทไม่ได้ ที่เป็นระฆังช่วยเธอได้ทันเวลา
หงส์นรีกลับมาทำงานของตนต่อ งานแบบนี้ไม่ค่อยถูกใจเธอนัก เพราะเธอไม่ได้เรียนการบริหารแต่เรียนด้านศิลปะ แต่เพื่อแผนการที่เธอเตรียมไว้จะบรรลุผล เธอต้องทำให้ได้ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเมื่อนายจักรวาลเดินเข้ามาหา หญิงสาวพนมมือไหว้ด้วยท่าทีอ่อนน้อม การมาของท่านประธานคนเก่าทำให้ทุกคนในที่นั้นเข้าใจว่าหงส์นรีเป็นเด็กเส้น ก็จริงนั่นแหละ ถ้าไม่มีเส้นก๋วยจั๊บแบบนี้ เธอคงไม่มีทางได้มานั่งทำงานที่ไม่ได้เรียนมาหรอก
“หนูหงส์เดี๋ยวเข้าไปหาลุงที่ห้องหน่อยนะ”
“ได้ค่ะ คุณลุง”
เธอกระซิบเพราะกลัวคนอื่นได้ยินสรรพนามที่ใช้เรียกนายจักรวาล หลังจากรอให้นายจักรวาลเดินทิ้งระยะห่างไปชั่วครู่แล้ว หงส์นรีก็ลุกขึ้นและขออนุญาตสกาวใจไปห้องท่านที่ปรึกษาของประธานบริษัท
สกาวใจและทุกคนในแผนกต่างมองตามร่างบางไปจนลับตา ต่างคนก็คิดกันไปต่างๆ นานา แต่ใครจะคิดยังไงนั้นหงส์นรีและจักรวาลไม่สน ทั้งคู่สนใจแต่ร่างสูงของท่านประธานเค.เค.พี.เท่านั้น
“เป็นไงบ้าง เห็นพี่สิงห์หรือยังลูก”
“เห็นแล้วค่ะคุณลุง”
จักรวาลยิ้มกว้าง ลูกชายของเขาหล่อเหลาขนาดนั้น สาวๆ ที่ไหนก็ไม่เคยมองข้าม มีแต่จะทิ้งสายตาหรือไม่ก็ทิ้งเบอร์โทรให้เสมอ และเขาไม่คิดว่าสาวน้อยคนสวยน่ารักสมชื่อจะมองข้ามสิงหนาทไปได้ง่ายๆ เช่นกัน
“พี่เขาเป็นยังไงบ้างล่ะลูก หนูหงส์คิดยังไงกับตาสิงห์”
หงส์นรียิ้ม จะให้คิดยังไงล่ะ ก็พอใจน่ะสิ
“พี่สิงห์ก็หล่อดีค่ะ”
“แสดงว่าหนูชอบใช่มั้ย ถ้าใช่ลุงจะได้จัดงานแต่งงานเสียเลย”
“แล้วพี่สิงห์จะยอมแต่งงานกับหงส์หรือคะ”
“ยอมสิ อ้อ...ลุงยังไม่ได้บอกหนู คืออย่างนี้ ลุงหลอกตาสิงห์ว่าจะให้เขาแต่งงานกับหนู เพราะต้องการทายาทสืบทอดตระกูลฤทธิ์ทองคำและเกริกเกียรติไพศาล เวลาหนึ่งปีตาสิงห์ต้องมีลูกกับหนูให้ได้ จากนั้นก็ทางใครทางมัน แต่ถ้าไม่มีลูกก็ต้องอยู่ด้วยกันจนชั่วชีวิต”
“ห๊า...ทำไมข้อนี้คุณพ่อไม่บอกหนูก่อน แบบนี้หงส์ก็เป็นฝ่ายเสียหายฟรีๆ สิคะ”
หงส์นรีโวยวาย เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เธอไม่คิดจะผูกมัดเขาไว้แค่ปีเดียว ที่ทำไปทั้งหมดเพราะเธอชอบเขาจริงๆ แต่ถ้าอยู่ด้วยกันหนึ่งปีแล้วเธอมีลูก เขาและเธอก็ต้องทางใครทางมันงั้นเหรอ ไม่แฟร์กับนังหงส์เลยสักนิด
“เอ่อ...ไม่ใช่แบบนั้น คือลุงไม่คิดว่าตาสิงห์จะเลิกกับหนูหงส์หรอก”
“คุณลุงจักรรู้ได้ไงคะ ถ้าพี่สิงห์ไม่รักหงส์ ทำยังไงก็ไม่มีวันรัก แล้วแบบนี้พี่สิงห์จะไม่เลิกกับหงส์ได้ยังไง”
หงส์นรีกอดอกพรึ่บ ใบหน้างอง้ำอย่างคนที่เอาแต่ใจมาเคยตัว
“หนูหงส์สวยน่ารักขนาดนี้ ตาสิงห์ต้องรักหนูได้แน่ๆ เชื่อลุงเถอะนะ ลุงรู้จักลูกชายของลุงดีพอ แต่ถ้าหนูเป็นฝ่ายขอเลิกกับตาสิงห์ก่อน หนี้สินระหว่างสองตระกูลก็จบกัน”
เห็นหน้าคุณลุงจักรวาลของเธอแล้ว ก็อดสงสารไม่ได้ ใจของเธอเองก็เอนเอียงให้สิงหนาทไปตั้งแต่แรกเห็นแล้ว ถ้าไม่ช่วยตระกูลเกริกเกียรติไพศาลก็คงแย่ ผู้ชายที่เกือบปล้ำเธอเมื่อครู่ใหญ่ก็ต้องแย่ไปด้วย แต่ถ้าเธอยอมมอบใจถวายตัวให้แล้ว เขาไม่รักเธอล่ะจะทำยังไงถ้าเธอขอเลิกก่อน ฤทธิ์ทองคำก็ต้องยอมยกหนี้สินทั้งหมดให้
‘นังหงส์ เธอก็ทำให้ราชสีห์หลงรักสิ ไม่เห็นจะยากเลย ยอมๆ เข้าหน่อย เดี๋ยวเขาก็หลงเธอจนหัวหมุน เหมือนที่เขาทำให้เธอหัวหมุนไงล่ะ ไม่มีอะไรที่หงส์นรีต้องการและไม่ได้ไม่ใช่เหรอ’
“ลุงเชื่อว่าเสน่ห์ของหนูหงส์ จะต้องทำให้ตาสิงห์หลงรักได้แน่”
จักรวาลกล่าวเสริม และนั่นก็ทำให้หญิงสาวยอมพยักหน้าแต่โดยดี
“ตกลงค่ะ คุณลุงเตรียมจัดงานแต่งงานได้เลย”
“ขอบใจหนูมากๆ นะ ที่ช่วยเหลือลุง บอกตรงๆ ลุงไม่อยากได้สะใภ้อื่นที่ไม่ใช่หนู ผู้หญิงของตาสิงห์แต่ละคน ลุงไม่เคยชอบเลยสักคน”
“คุณลุงวางใจเถอะค่ะ ต่อไปนี้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนได้เข้าใกล้พี่สิงห์แน่”
หงส์นรีบอก ดวงตากลมเป็นประกายเจิดจรัส อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าสิงหนาทรู้ว่าเธอเป็นใครแล้ว เขาจะทำยังไงต่อไป
