บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 ภาระของราชสีห์

ตอนที่ 1 ภาระของราชสีห์

สิงหนาท เกริกเกียรติไพศาล นั่งแท่นเป็นประธานบริหารบริษัท เค.เค.พี. อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการอะไหล่รถยนต์ ในวัยเพียง 33 ปี ชายหนุ่มไม่พูดหรือบ่นเลยสักคำในตอนที่นายจักรวาลผู้เป็นบิดา โยนภาระหน้าที่อันหนักอึ้งนี้มาให้ ด้วยความเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล เขาจะต้องสานต่อเจตนารมณ์ของพ่อให้ดีที่สุด

แต่...สิงหนาทไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เห็นตัวเลขติดลบจำนวนเก้าหลักเช่นนี้ ในช่วงระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา พ่อไม่เคยปริปากบอกเลยสักนิดว่า เค.เค.พี.เป็นหนี้มากขนาดนี้ ทำไม? เกิดอะไรขึ้นกับ เค.เค.พี. ที่เขาอยู่ในฐานะกรรมการผู้บริหาร ตัวเลขที่พ่อนำเข้ามาในที่ประชุมทุกครั้งไม่ใช่ตัวเลขนี้ สามปีที่ผ่านมาค่ารวมการติดลบนั้นมันเปรียบไม่ได้ กับตัวเลขที่พ่อเอาเข้าที่ประชุมเลย นี่พ่อกำลังปิดบังอะไรเขาอยู่กันแน่

ร่างสูงในชุดสูทสีเทาดำเดินถือแฟ้มที่ทำให้สมองเขางุนงงเข้าไปหาบิดาในห้อง นายจักรวาลกำลังนั่งพิงพนักเก้าอี้หลับตาลงอย่างสบาย

“คุณพ่อครับ”

“ว่าไงสิงห์ มีเรื่องไม่เข้าใจเยอะเลยสินะ”

“ครับ พ่อช่วยอธิบายทุกอย่างให้ผมฟังหน่อยได้มั้ย ว่าทำไมตอนนี้ เค.เค.พี.ถึงได้อยู่ในสภาวะโงนเงนแบบนี้”

“สิงห์จำสินค้าของเราที่ขนส่งมาทางเรือได้ไหม บนเรือขนสินค้าลำนั้นมีสินค้าของเราอยู่เต็มลำเรือ มูลค่าของมันหลายร้อยล้าน สิงห์จะทำยังไงถ้าเรือลำนั้นอับปาง”

“อะไรนะครับ ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยเหรอครับ นอกจากคุณพ่อ”

“มีพ่อ แม่ และอาดำเกิงเพื่อนพ่อเท่านั้นที่รู้”

“ทำไมล่ะครับ คุณพ่อจะปิดบังเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไว้ทำไม”

สิงหนาทไม่เข้าใจบิดาเลยจริงๆ ทั้งที่ควรจะบอกเรื่องนี้ให้ทุกฝ่ายรู้ แต่กลับปิดบังเอาไว้ ชายหนุ่มคิดว่าถ้าทุกฝ่ายได้รู้ บางทีเค.เค.พี.อาจมีทางออกที่ดี และไม่เป็นหนี้มากขนาดนี้

“สิงห์...พ่อสร้างเค.เค.พี.มากับมือ และเติบโตรุ่งเรืองมาถึงทุกวันนี้ก็หลายสิบปีแล้ว การกระจ่ายข่าวคราวความเสียหายของบริษัท ให้แพร่สพัดไปไกลไม่ใช่ผลดีนะ ไหนจะคู่แข่ง ไหนจะคู่ค้า และไหนจะพนักงานตาดำๆ อีกหลายร้อยชีวิตล่ะ ถ้าพวกเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเค.เค.พี. แกคิดว่ามันจะส่งผลกระทบกับเรามากแค่ไหน”

ในความคิดของนายจักรวาลล้วนแล้วแต่ทำเพื่อทุกคน บิดาของเขาน้ำใจประเสริฐมากขนาดไหน สิงหนาทอยากหัวเราะพอๆ กับอยากร้องไห้ ถ้าบิดาเปลี่ยนกลยุทธการบริหารใหม่ ลดโบนัส ลดเงินเดือน เค.เค.พี.ก็คงไม่โงนเงนมากขนาดนี้ แต่นี่...นายจักรวาลกลับช่วยเหลือทุกชีวิตในบริษัท พนักงานอยู่ดีกินดีนอนหลับสบาย แต่ท่านประธานกลับต้องนอนผวา และคงหลับไม่สนิททุกวัน

“แล้วถ้าพ่อจะให้ผมบริหารงานแทนทุกอย่าง พ่อต้องเคารพในการตัดสินใจของผมด้วย ผมจะทำให้เค.เค.พี.อยู่รอด รวมถึงทุกชีวิตต้องอยู่รอด ตกลงไหมครับ”

นายจักรวาลถอนใจ มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ไม่งั้นเขาคงไม่ปล่อยให้ลูกชายขึ้นแท่นประธานบริหารในเวลาอันรวดเร็วขนาดนี้

“ตามใจแก ในเมื่อพ่อวางทุกอย่างไว้ในมือแกแล้ว พ่อก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของแก ขออย่างเดียว อย่าไล่พนักงานของเราออกแม้แต่คนเดียว”

นั่นเหมือนคำบัญชาของบิดาเลยก็ว่าได้ และสิงหนาทก็ต้องทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น

สิงหนาททำงานหามรุ่งหามค่ำมาตลอดหนึ่งปี เขาแก้ปัญหาได้เกือบหมด หนี้สินสำหรับเจ้าหนี้รายย่อยถูกแบ่งชำระไปครบหมดแล้ว จากการจำหน่ายหุ้นออกไปบางส่วน แต่หุ้นใหญ่ยังคงเป็นของตระกูลเกริกเกียติไพศาลเช่นเดิม เหลือก็เพียงเจ้าหนี้รายใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าหนี้หลายร้อยล้าน สิงหนาทกุมขมับตรองไม่ตกกับปัญหานี้ มีหนทางเดียวที่คิดได้ในตอนนี้ก็คือเอาบ้านไปจำนอง คงจะได้เงินมาพอชำระหนี้อยู่ แต่...เขาไม่คิดเลยว่าจะต้องไปขอเครดิตจากธนาคาร ด้วยการเอาคฤหาสน์หลังงามไปติดจำนอง การทำแบบนั้นถือเป็นการลดศักดิ์ศรีของตระกูลเกริกเกียรติไพศาลลงด้วย

“คุณพ่อครับ นายดำเกิง ฤทธิ์ทองคำ เป็นใครกันครับ มีทางไหนที่พอจะทำให้เราปลดหนี้ได้บ้าง”

“เขาเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของพ่อเอง หนทางที่เราจะปลดหนี้ได้น่ะมี แต่พ่อไม่คิดว่าสิงห์จะพอใจ”

นายจักรวาลหลุบตาปิดบังแววตาของตนไม่ให้ลูกชายที่แสนฉลาดเห็น วิธีการปลดหนี้ก้อนโตโดยโยนภาระให้ลูกชายจัดการทั้งหมดนั้น เป็นวิธีที่นายจักรวาลและนายดำเกิงร่วมกันคิด พูดให้ถูกต้องก็คือทั้งสองเพื่อนซี้วางแผนเอาไว้หมดแล้ว รอเวลาว่าหมากตัวที่นั่งหน้าตูมอยู่นี่จะเดินหน้าตามเกมเมื่อไหร่เท่านั้น

นายดำเกิงชื่นชอบสิงหนาทเงียบๆ มานาน แม้คนในตระกูลฤทธิ์ทองคำจะไม่ย่างกรายมาแสดงตัวให้สิงหนาทได้พบปะเลย แต่นายดำเกิงก็รู้จักลูกชายของเพื่อนรักคนนี้ดี จากการโทรมาคุยสารทุกข์สุขดิบและจบลงที่การพูดถึงลูกชายและลูกสาวของแต่ละฝ่ายเสมอ แต่เรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้นอกจากสองเกลอเท่านั้น

“ผมจะต้องทำยังไงหรือครับ แล้วถ้าเราขอแบ่งชำระล่ะครับ”

“ไม่ได้!”

นายจักรวาลลืมตัวปฏิเสธเสียงดัง แต่พอรู้ตัวว่ากำลังจะทำให้ไก่ตื่น ก็ลดเสียงเบาลง

“คือว่า อาดำเกิงเขาไม่ยอมน่ะลูก พ่อกับเขาตกลงกันตั้งแต่ต้นแล้ว ว่าจะชำระให้ทีเดียวเป็นก้อน”

“แล้วเขาจะรออีกสักปีสองปีไม่ได้เหรอครับ”

เงินจำนวนมากขนาดนี้ ถ้าอยากได้ทีเดียวก้อนใหญ่ ก็ต้องให้เวลากันมั่งสิ

“เขาก็ไม่ได้เร่งรัดอะไรเราหรอก แต่ว่าอาดำเกิงน่ะ เขาจะทบต้นทบดอกเราเลยนะ เผลอๆ กว่าเราจะหาเงินไปให้เขา จากหลายร้อยล้านคงกลายเป็นพันล้านไปแล้วมั้ง”

คนพูดเบือนหน้าหนีทำเหมือนหงุดหงิด แต่ประกายตานั้นวาววับอย่างเจ้าเล่ห์

“เฮ้อ...นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ดี อาดำเกิงเพื่อนพ่อนี่เขี้ยวลากดินไม่ใช่เล่น ตกลงผมจะต้องทำยังไงครับ”

นายจักรวาลเกือบหลุดหัวเราะกับคำว่าเขี้ยวลากดิน เพราะมันไม่เป็นความจริงเลยสักนิด ถ้าเพื่อนของเขาเป็นอย่างที่ลูกชายว่าจริงๆ คงไม่ปล่อยเวลาผ่านมา 3-4 ปีแบบนี้ และข้อนี้สิงหนาทก็ลืมคิดไปสนิท ความเป็นหนุ่มไฟแรงของเขาอยากแต่เพียงช่วยให้เค.เค.พี.ตั้งมั่นได้เช่นเดิม ฉะนั้นยิ่งปลดปล่อยภาระหนี้สินเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นผลดีต่อเค.เค.พี.เท่านั้น

“เดี๋ยวให้พ่อคุยกับอาดำเกิงก่อนแล้วกัน ได้เรื่องยังไง พ่อจะมาบอกอีกที”

“ให้ผมคุยกับอาดำเกิงเองก็ได้นะครับ”

“อย่าดีกว่า พ่อเป็นเพื่อน พ่อต้องคุยดีกว่าสิงห์”

คนเป็นพ่อรีบปัดไปโดยเร็ว ขืนให้สิงหนาทคุยกับดำเกิงเอง บางทีแผนการที่ได้วางเอาไว้อาจจะเปิดเผย และเมื่อนั้นความหวังของสองตระกูลคงดับวูบเลยก็เป็นได้

“ก็ได้ครับ”

ในที่สุดคนเป็นลูกก็ต้องตกปากรับคำ

นายจักรวาลเดินออกไปจากห้องทำงานของลูกชายในคฤหาสน์หลังใหญ่ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เห็นทีเขาต้องรีบโทรไปบอกเพื่อนรักว่าหมากตัวแรกเดินหน้าไปหนึ่งก้าวแล้ว

“ว่าไงนะไอ้จักร เจ้าสิงห์มันกำลังรอฟังคำตอบจากข้างั้นรึ”

“เออสิวะ ข้าว่าเราต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้ว”

“เออๆ ข้ายังไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้นังหงส์ฟังเลย ไม่รู้ว่ามันจะคิดยังไง ลูกสาวข้ายิ่งขี้โวยวายอยู่ด้วย”

“แต่นี่มันเป็นแผนที่แกเริ่มเองนะไอ้เกิง แกบอกว่าจะยกหนี้ให้ข้าฟรีๆ ถ้าลูกชายข้าตกลงแต่งงานกับลูกสาวแก”

“ข้าจำได้ ก็ข้าอยากได้เจ้าสิงห์มาเป็นลูกเขยจนตัวสั่น แต่บางทีข้าก็คิดนะเว้ย ว่านังหงส์มันจะชีช้ำหรือเปล่าถ้าต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักไม่ได้ชอบอย่างเจ้าสิงห์”

“แกก็เอารูปเจ้าสิงห์ไปให้หนูหงส์ดูก่อนสิวะ ถ้าไม่ชอบใจยังไง เราค่อยมาว่ากันใหม่”

“อืม...ดีเหมือนกันว่ะ แกส่งรูปถ่ายเจ้าสิงห์มาให้ข้าหน่อยนะเว้ย ข้าจะได้เอาไปให้นังหงส์มันดู”

“โอเค ได้เลยเพื่อน เดี๋ยวข้าจัดให้ชุดใหญ่เลย”

“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”

สองเพื่อนเกลอหัวเราะใส่กระบอกโทรศัพท์กันอย่างครื้นเครง หวังว่าสาวน้อยหงส์นรีคงจะพอใจสิงหนาทบ้าง เพราะชายหนุ่มรูปงามอย่างหาตัวจับได้ยาก ผู้หญิงซ่าเปรี้ยวจี๊ดและก๋ากั่นอย่างหงส์นรีไม่น่าจะไม่พอใจ ส่วนเธอจะเป็นที่พอใจของสิงหนาทหรือไม่ นั่นคือแผนต่อไป

อีกสองวันต่อมา

ร่างบอบบางผิวสีน้ำผึ้งในชุดกางเกงยีนส์ขาสั้นอวดขาเรียวสวย เสื้อเชิ้ตไม่ติดกระดุมหน้าทั้งแถบ แต่ภายในยังมีเสื้อกล้ามเอวลอยสีขาวปัดบังความอวบอิ่มของวัยสาว ผมหยักศกเป็นลอนสวยที่เจ้าตัวมัดเป็นแกละสองข้างสะบัดไปมา ในยามที่เจ้าของวิ่งตาม ‘ไอ้เปีย’ เด็กหนุ่มคนงานในสวนยางและเป็นเหมือนสมุนมือขวาของเธอ

“ไอ้เปียหยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกว่าให้หยุดไงเล่า”

“ไม่หยุด ถ้าหยุดก็โดนพี่หงส์บิดหูน่ะสิ เจ็บจะตายชัก”

“หนอย...แค่นี้ทำเป็นบ่น แล้วแกมาทำภาพวาดของฉันขาดทำไมวะ ฮึ”

คนถูกวิ่งตามก็เหนื่อยหอบ คนวิ่งไล่ก็เหนื่อยจนแทบหายใจไม่ทัน แต่หงส์นรีไม่ละความพยายามจะดึงหูไอ้เปียมาดีด ก็มันดันทะเล่อทะล่าทำภาพวาดที่หญิงสาววาดทั้งคืนขาด มันน่านัก

“ผมไม่ได้ตั้งใจนะพี่หงส์ ไม่คิดว่ามัน...จะ...จะขาดง่ายแบบนี้ โอ๊ย!”

แล้วในที่สุดหูของไอ้เปียก็ถูกบิดจนมันหน้าหงิกหน้างอ เสียงโอดครวญของมันไม่ทำให้หงส์นรีสงสาร เธอสู้อุตส่าห์วาดภาพตามที่ได้ร่ำเรียนมาทั้งคืน เพราะอยากจะเอามาอวดพ่อกับแม่ว่าเธอเก่งแค่ไหน แต่ไอ้เปียดันทำน้ำหกใส่และใช้ผ้าเช็ดกระดาษเปียกๆ ก็เลยยุ่ยจนขาดเละไม่มีชิ้นดี

“นี่แน่ะ ทีหลังแกอย่ามาเข้าใกล้ภาพวาดของฉันอีก เข้าใจมั้ยไอ้เปีย”

“เข้าใจจ้ะ เข้าใจแล้ว หูไอ้เปียจะหลุดอยู่แล้วพี่หงส์”

หงส์นรีทำเสียงฮึดฮัดในลำคอและปล่อยมือจากหูไอ้เปีย เด็กหนุ่มกระโดดถอยห่างไปเสียหลายก้าว มือลูบหูแดงก่ำนั้นป้อยๆ ไม่น่าเลยไอ้เปีย เอ็งไม่น่าไปกระตุกขนนางหงส์เลย เจ็บชะมัด

“ทำอะไรกันอยู่ตรงนี้”

กายสิทธิ์ บุญมีเสียง ชายหนุ่มเจ้าของสวนยางพาราที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกันร้องทัก ดวงตาเล็กยาวรีมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่ประกอบไปด้วยเครื่องหน้าคมหวานของหงส์นรี ริมฝีปากหนาแต้มยิ้มส่งให้หญิงสาวที่เขาหลงรักเธอเพียงข้างเดียว

“อ้าว...พี่สิทธิ์ มาหาพ่อเหรอคะ”

“ถ้าพี่บอกว่ามาหาหงส์ล่ะ”

“อู้ว์...หวานเฟ้ย หวาน”เปียยั่วหยอก

“ไปไกลๆ บาทาข้าเลยไป ไอ้เปีย เดี๋ยวเหอะ”

“อย่าเขินไปหน่อยเลยน่าพี่หงส์ พี่สิทธิ์อุตส่าห์มาหาทั้งที”

“ไอ้เปีย! เดี๋ยวเหอะ”เธอชี้หน้าเด็กหนุ่มอย่างหัวเสีย

“แหะๆ ไปก็ได้ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอใครบางคน”

ร่างไอเปียเผ่นแน่บก่อนที่เท้าบางๆ ในรองเท้าผ้าใบจะสะบัดมาใส่ ไม่วายจะหันมาหัวเราะให้ลูกพี่สาวจนเห็นฟันทั้ง 32 ซี่

หงส์นรีส่ายหน้าให้กับความกวนบาทาของไอ้เปีย แล้วหันกลับมาส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มอีกคน

“พี่สิทธิ์อย่าไปถือสามันเลยนะคะ ไอ้เปียมันปากเสียแบบนี้ประจำ”

“ไม่หรอกจ้ะ พี่ชอบซะอีก”

สาวน้อยหมุนตัวเดินไปอีกทาง เธอรู้ว่ากายสิทธิ์มีใจให้เพราะเขาแสดงให้เธอเห็นจนออกนอกหน้า แต่เธอไม่เคยคิดจะชอบเขาเลยสักนิด ผู้ชายอย่างกายสิทธิ์ไม่ใช่สเป็คของหงส์นรี แม้เขาจะจัดว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง ฐานะของกายสิทธิ์ก็อยู่ในขั้นดี นิสัยใจคอของเขาก็เป็นคนน่าคบหาคนหนึ่ง แต่เธอก็ไม่คิดกับเขามากกว่าฐานะพี่ชายร่วมโลก

กายสิทธิ์เดินตามสาวน้อยไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หงส์นรีจะยกฐานะของเขาให้ข้ามขั้นเสียที แต่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนเขาก็จะไม่ละความพยายาม สาวน้อยน่ารักคนนี้เป็นเหมือนรักแรกพบของกายสิทธิ์เลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นเขาจะไม่มีวันถอยจะเดินหน้าจนกว่าเธอจะยอมใจอ่อนรับรักจากเขา

“วันนี้หงส์สวยจัง”

หงส์นรีหันไปมองคนที่เอ่ยชมเธอ แล้วก้มลงมองตัวเอง ทุกวันเธอก็แต่งตัวแบบนี้นี่นา ไม่เห็นจะมีอะไรสวยงามกว่าวันอื่น

“พี่สิทธิ์อย่าทำเป็นชมหงส์เลยค่ะ”

“พี่พูดจริงนะหงส์ สำหรับพี่หงส์สวยขึ้นทุกวันเลย”

หญิงสาวเกือบยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะขำ น้ำเน่าไม่เบาเลยพี่สิทธิ์ของเธอ

“พี่สิทธิ์คะ หงส์รู้นะคะว่าพี่สิทธิ์รู้สึกยังไงกับหงส์ ตัดใจเถอะค่ะ เราเป็นพี่น้องกันดีกว่านะคะ ความสัมพันธ์แบบพี่น้องยั่งยืนยาวนานกว่าเยอะ”

กายสิทธิ์คอตกกับคำปฏิเสธตรงๆ นั้น เขามองดวงตากลมโตใต้แพขนตายาวงอนหนาเช้ง แอบดีใจที่ไม่เห็นแววตารังเกียจเดียดฉันท์ ไม่เป็นไร วันนี้ถูกปฏิเสธก็ใช่ว่าวันหน้าจะไม่มีสิทธิ์นี่นา สักวันจะต้องทำให้เธอหันมามองเขาให้ได้

“ได้จ้ะ ตอนนี้พี่จะเป็นพี่ชายของหงส์ แต่วันข้างหน้า หงส์ก็อย่าลืมว่าพี่รักหงส์เสมอ และรอให้หงส์รับรักพี่”

หงส์นรีลอบถอนหายใจออกมาหนักหน่วง อยากบอกว่าไม่มีวันนั้นหรอก ไม่มีวันที่เธอจะเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อผู้ชายตรงหน้า แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือการถอนใจเท่านั้น

“พี่หงส์ ลุงเกิงให้มาตาม”

ไอ้เปียวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกหงส์นรี เป็นเหมือนระฆังบอกเวลานอก เปิดโอกาสให้เธอขอตัวจากกายสิทธิ์เพื่อไปพบพ่อ

“หงส์ขอตัวก่อนนะคะพี่สิทธิ์”

“ครับ แล้ววันหลังพี่จะมาเยี่ยม”

หงส์นรีขมวดคิ้วมุ่น เธอไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย เขาจะมาเยี่ยมเธอทำไม แต่หญิงสาวไม่กล้าจะทำร้ายน้ำใจของกายสิทธิ์ได้ จึงได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก

“พ่อเรียกหาหงส์หรือคะ”บุตรสาวถาม เมื่อเข้ามาพบกับบิดา

“ใช่จ้ะ นั่งก่อนสิลูก”

หงส์นรีนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามบิดา เรียวขางามสีน้ำผึ้งตวัดฉับไขว่ห้างตามความเคยชิน

“หงส์มีคนรักรึยังลูก”

นายดำเกิงถามตรงๆ เรียกใบหน้าคมหวานแสดงความสงสัยขึ้นมาทันที

“หงส์ยังไม่คิดจะรักใครหรอกค่ะ พ่อถามทำไมเหรอคะ”

บิดาผลักอัลบั้มรูปที่วางอยู่บนโต๊ะกลางโซฟามาให้ลูกสาว

“อัลบั้มรูปอะไรเหรอคะพ่อ”

“ลูกชายของเพื่อนพ่อเอง หงส์ลองดูรูปพี่เขาสิลูก”

“ดูทำไมคะ ลูกชายของเพื่อนพ่อมาเกี่ยวอะไรกับหงส์ด้วย”

หญิงสาวบอกแต่หยิบยกอัลบั้มนั้นขึ้นมาเปิดดู ดวงตากลมมองผู้ชายใบหน้าคมเข้มเครื่องหน้าคมจัด ดวงตาคมดุ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเป็นกระจับราวกับริมฝีปากของผู้หญิง สีเข้มแต่น่าจูบนักในสายตาของหงส์นรี รวมๆ แล้วผู้ชายในรูปนี่ก็หล่อเหลามากเลยทีเดียว

“พี่เขาชื่อสิงหนาทหรือพี่สิงห์ เกริกเกียรติไพศาล เจ้าของเค.เค.พี.อินดัสทรีส์ ตระกูลเกริกเกียรติไพศาลเป็นหนี้เราหลายร้อยล้านบาท นี่ยังไม่รวมกับดอกเบี้ยอีกนะ”

“แล้วพ่อบอกหงส์ทำไมคะ”

“งั้นพ่อขอพูดตรงๆ เลยนะลูก พ่ออยากได้ตาสิงห์เป็นลูกเขย เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่มีเงินมาใช้หนี้เราได้อยู่แล้ว”

หงส์นรีมีท่าทีตกใจแสดงออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สีหน้าของเธอไม่ยินดียินร้ายราวกับไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เธอได้พบเจออยู่ทุกวัน

“หงส์จะว่ายังไงลูก เอ่อ...พ่อรู้ว่าลูกต้องคิดหนัก พ่อถึงได้ให้หนูดูรูปของพี่เขาก่อนตัดสินใจ ตาสิงห์เป็นคนดี เก่งกาจในด้านธุรกิจ เขาใช้เวลาปีเดียวปลดหนี้รายย่อยหมด เหลือแต่เจ้าหนี้รายใหญ่อย่างเรา หงส์ก็เห็นว่าพี่เขาหน้าตาดีขนาดไหน ถ้าหนูยังไม่มีคนรักก็น่าจะพิจารณาพี่เขาหน่อยนะลูก”

นายดำเกิงตะล่อมๆ ลูกสาว เห็นท่าทีของหงส์นรีแล้วเขาเดาใจไม่ถูกจริงๆ แต่ที่แน่ๆ คิดว่าลูกสาวคงไม่รังเกียจสิงหนาทแน่นอน เพราะคนอย่างหงส์นรีถ้าไม่พอใจอะไรแล้ว เธอไม่นั่งพิจารณานานขนาดนี้ ใจของดำเกิงตุ้มๆ ต่อมๆ รอลุ้นว่าลูกสาวจะตัดสินใจยังไง

“หล่อดีค่ะ หงส์ชอบ”

นายดำเกิงแทบกระโดดตัวลอย เมื่อได้ยินสิ่งที่รอคอยจากเรียวปากสีระเรื่อของหงส์นรี เขารู้ดีว่าลูกสาวเป็นสาวมั่นขนาดไหน แถมยังเปรี้ยว ซ่า ก๋ากั่น ครบรสอีกด้วย คำตอบของลูกสาวที่ตรงเผงแม้จะสะดุดหูอยู่บ้าง แต่ก็ดีใจที่ได้ยิน

“แสดงว่าหงส์ไม่ปฏิเสธใช่มั้ยลูก”

“หงส์ขอเจอตัวเป็นๆ ก่อนได้มั้ยคะพ่อ แล้วหงส์จะบอกพ่ออีกที”

“อ้อ...ได้สิ เดี๋ยวพ่อจะติดต่อลุงจักรวาลให้ เขาจะได้พาหนูไปพบตาสิงห์”

“หงส์อยากไปแบบไม่ให้เขารู้ค่ะ ถ้าพ่ออยากให้หงส์แต่งงานกับเขาจริงๆ พ่อต้องทำตามที่หงส์ต้องการ ถ้าไม่คำตอบก็คือเซย์โน แต่ถ้าตกลงแล้วพอหงส์ได้เจอจะบอกอีกทีว่าคราวนี้จะเซย์เยสหรือเซย์โน”

“ได้ลูก พ่อรับปาก”

หงส์นรียิ้มที่มุมปาก ยกรูปในมือขึ้นดู ผู้ชายแบบนี้แหละสเป็คของเธอ ดูหน้าหล่อๆ นั่นก็จองหองดี ลำคอเชิดตรงบ่งบอกถึงความถือดีในตัว ราวกับไม่เคยยอมให้ใครมาก่อน แต่ตอนนี้เขากำลังจะต้องยอมลงให้เธอในฐานะลูกหนี้ ฮึ...มันน่าท้าทายกว่าคนที่วิ่งไล่ตามอย่างกายสิทธิ์เป็นไหนๆ คนอย่างหงส์นรีชอบเป็นผู้ไล่ล่ามากกว่าเป็นผู้ถูกล่า

‘แล้วเราจะได้เจอกันนะคะ พี่สิงห์’

“สิงห์ อาดำเกิงเขายื่นข้อเสนอมาแล้วนะลูก”

จักรวาลบอกลูกชายซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะ สิงหนาทเงยหน้าขึ้นมองบิดาและรีรอให้พ่อพูดต่อ แต่จนแล้วจนรอดพ่อก็ไม่ยอมพูดออกมาเสียที

“ว่ายังไงครับ”

สิงหนาทจำเป็นต้องถามย้ำ แอบเห็นมุมปากของพ่อกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม เหมือนกำลังดีใจกับอะไรบางอย่าง

“สิงห์ต้องแต่งงานกับลูกสาวอาดำเกิง”

“อะไรนะครับพ่อ ทำไมผมต้องทำอะไรอย่างนั้นด้วย ไม่ล่ะครับ บอกไปเลยว่าผมปฏิเสธ”

ชายหนุ่มลุกขึ้นพรวดเดินไปหยุดมองออกไปนอกผนังห้องซึ่งเป็นกระจกใส นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่ ข้อเสนออะไรบ้าๆ เอาลูกสาวมายัดเยียดให้แบบนี้ ผู้หญิงคนนั้นคงจะมีหน้าตารูปร่างที่ดูไม่จืดกระมัง ถึงได้ไม่มีคนมาชายตาแลมอง จนคนเป็นพ่อต้องนำมายัดเยียดให้ลูกหนี้แบบเขา แล้วเรื่องอะไรเขาจะต้องรับข้อเสนอนี้ด้วยล่ะ

“ปฏิเสธก็ได้ แต่สิงห์มีเงินไปให้อาดำเกิงไหมล่ะ”

“ผู้หญิงคนนั้นคงหน้าตาดูไม่ได้ ถึงต้องเอามายัดเยียดให้ผมแบบนี้”

“เรื่องนั้นพ่อก็ตอบไม่ได้ แต่อาดำเกิงบอกพ่อมาอีกอย่างว่า ถ้าสิงห์ไม่ยินดีรับข้อเสนอ สิงห์ก็ต้องมีหลานให้เขาในเวลาหนึ่งปี ถ้าไม่มีเราก็ต้องหาเงินไปใช้หนี้เขา แต่ถ้ามีหนี้สินทั้งหมดจะถูกยกเลิกทันที”

“หึ...ไม่เห็นต่างกันตรงไหน”

“ต่างสิ เลือกเอาระหว่างต้องแต่งงานอยู่กินกันชั่วชีวิต กับทำหลานให้อาดำเกิงให้ได้ภายในระยะเวลาหนึ่งปี หลังจากนั้นก็ทางใครทางมัน”

นายจักรวาลเก็บงำความลับไว้อย่างหนึ่ง ความลับที่ว่าถ้าหงส์นรีเป็นฝ่ายขอเลิกก่อน หนี้สินระหว่างสองตระกูลเป็นอันยกเลิก เพราะเขาต้องการหงส์นรีมาเป็นลูกสะใภ้จริงๆ

สิงหนาทส่ายศีรษะไปมา ไม่ว่าจะให้ทำแบบไหน เขาก็ไม่คิดจะทำทั้งนั้น ผู้หญิงอะไรคิดจะจับผู้ชายคลุมถุงชน ไม่มียางอายบ้างเลยรึไงนะ

“ไม่ ผมไม่แต่ง ยังไงผมก็ไม่แต่ง ไม่มีวันด้วย”

“งั้นแกก็เตรียมขายหุ้นของเราทั้งหมด เค.เค.พี.จะถูกเปลี่ยนมือ หรือไม่ก็ขายบ้าน ไม่พอก็ขายที่ทางให้หมด เหลือแค่ตัวเปล่าๆ ไม่ต่างอะไรกับบุคคลล้มละลาย”

คนเป็นพ่อวางระเบิดลูกเบ้อเริ่มไว้ตรงหน้าลูกชาย รอเวลาที่สิงหนาทจะลงมือกดระเบิดด้วยตัวเอง แต่จักรวาลก็ยังไม่หมดหวัง เขาเชื่อว่าถ้าลูกชายได้เห็นหน้าหงส์นรี ลูกชายตัวดีจะต้องเปลี่ยนใจเด็กหญิงตัวน้อยลูกสาวของเพื่อนรักในวันนี้งดงามเกินกว่าที่ใครๆ จะมองข้าม คนที่มองข้ามเธอได้นั้นถือว่าโง่เต็มที และไม่คิดว่าคนฉลาดๆ อย่างสิงหนาทจะโง่มองข้ามหญิงสาวไปได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel