ตอนที่ 10 ไปกรีดยางกันเถอะ
ตอนที่ 10 ไปกรีดยางกันเถอะ
หงส์นรีรู้สึกผิดคาดที่คิดว่ามัตสึโมโตะ ฮายาชิ จะอายุมากขนาดวัยกลางคน เพราะชายหนุ่มร่างสูงโปร่งซึ่งสวมสูทสีดำผิวขาวจั๊วะคนนี้กลับยังหนุ่มฟ้อ คาดคะเนอายุไม่น่าจะเกิน 35 ปีด้วยซ้ำ
สิงหนาทแนะนำฮายาชิให้รู้จักกับหงส์นรี สายตาของหนุ่มญี่ปุ่นที่มองภรรยาของราชสีห์นั้นเป็นเหมือนกับมือที่กระตุกหนวดเจ้าป่า ผู้ชายด้วยกันมองปราดเดียวก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่ และตั้งแต่รู้จักฮายาชิมา สิงหนาทรู้ว่าหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้เจ้าชู้ขนาดไหน ฉะนั้นเขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะแนะนำให้ฮายาชิรู้ว่า หงส์นรีเป็นภรรยาของเขา
“ภรรยาคุณสวยมาก ผู้หญิงไทยผิวสวย น่าอิจฉาคุณจัง”
“ขอบคุณครับ ผมเองก็ทราบดีว่าได้เมียสวย”
ประธานหนุ่มโอบบ่าภรรยาคนสวยแน่น แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเต็มที่ และฉายชัดถึงความหวงแหนภรรยาสาวออกหน้าออกตา
“ยินดีที่ได้รู้จักคนสวยๆ อย่างคุณหงส์นรีนะครับ เสียดายจังที่หัวใจของคุณมีเจ้าของแล้ว”
“คุณมัตสึโมโตะพูดภาษาไทยคล่องจังเลยนะคะ คงจะมาเมืองไทยบ่อยมาก”
“ใช่ครับ เมืองไทยเป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของผม”
สิงหนาทรู้สึกหมั่นไส้ฮายาชิขึ้นมา แหม...พูดมาได้เมืองไทยเป็นบ้านหลังที่สอง ถ้าคิดแบบนั้นก็ไปเที่ยวเองได้นี่
“คุณฮายาชิจะมาเที่ยว มีโปรแกรมหรือยังครับว่าจะไปเที่ยวที่ไหน”
ประธานหนุ่มไม่อาจพูดได้อย่างใจคิด เพราะติดที่เป็นลูกค้าคนสำคัญถ้าเลี่ยงได้ก็คือเลี่ยง
“ไม่มีครับ แล้วแต่ว่าเจ้าของบ้านจะพาไปไหน”
“ถ้างั้นไปเที่ยวสวนยางพารานะคะ อยู่ไม่ไกลจากชายทะเลด้วย จะได้เที่ยวสองที่เลย”
“โอ๊ะ ยินดีครับ บอกแล้วไงครับ ว่าแล้วแต่เจ้าของบ้านจะพาไปไหน ผมไปได้หมด”
ดวงตาเล็กเรียวของฮายาชิแทบปิด เพราะยิ้มกว้างจนตาหยีให้หญิงสาว สร้างความไม่พอใจกับสิงหนาทเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มรั้งเอวบางให้ชิดร่างแกร่งจนแทบจะเป็นคนๆ เดียวกันแล้ว แถมยังก้มลงจูบเส้นผมสลวยเบาๆ โชว์หนุ่มญี่ปุ่นเสียเลย
“ถ้างั้นเชิญคุณฮายาชิดีกว่าครับ เพราะที่ที่เราจะไปต้องเดินทางไกล เราคงต้องขึ้นเครื่องเพราะมีเวลาไม่มาก”
สิงหนาทเกี่ยวเอวภรรยาสาวเดินนำฮายาชิไปซื้อตั๋วเครื่องบิน ภาวนาให้ความคิดของเขาเป็นเพียงความกังวลไม่ใช่ความจริง เพราะถึงจะไม่ได้รักกัน แต่ในระหว่างที่เป็นสามีภรรยากันก็ไม่อยากมีมือที่สาม อย่างที่เขากำจัดผู้หญิงที่เคยควงไปไหนมาไหนด้วยถึงสองคนแล้ว อะไรที่ทำให้คิดจะกำจัดพวกเธอทิ้งเขาก็อธิบายไม่ได้ รู้แต่ว่ามีหงส์นรีอยู่ในอ้อมกอดแล้วไม่อยากกอดใครซ้ำรอยเธออีก
สวนยางพาราฤทธิ์ทองคำ
นี่เป็นครั้งแรกที่สิงหนาทได้มาเห็นความยิ่งใหญ่ของตระกูลฤทธิ์ทองคำ เขาถึงกับอึ้งเมื่อได้เห็นสวนยางพาราที่มีเนื้อที่เป็นพันๆ ไร่ มองไปทางไหนก็มีแต่สวนยางพาราสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศร่มรื่นที่ประกอบด้วยต้นยางพาราเป็นล้านๆ ต้นเลยก็ว่าได้ เรียกให้ชายหนุ่มผู้เป็นลูกเขยของตระกูลต้องสูดโอโซนบริสุทธิ์เข้าปอดหลายต่อหลายครั้ง พร้อมทั้งรู้สึกอิจฉาหงส์นรีขึ้นมาตะหงิดๆ ที่เธอเกิดและโตในที่แบบนี้ ไม่มีความวุ่นวาย มีแต่ความเงียบสงบ บรรยากาศแสนสบายจนต้องหลับตาทั้งยืน
หงส์นรีหันมาเห็นก็ยิ้มกว้าง รู้ได้ทันทีว่าสามีของเธอติดใจที่นี่เข้าให้แล้ว
“ใหญ่มาก อากาศดีมากทีเดียวครับ”ฮายาชิเอ่ยชื่นชมอย่างจริงใจ
“ค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ”
หงส์นรีนำสองหนุ่มไปหาบิดามารดาของเธอ นายดำเกิงและนางพุดซ้อนดีใจมากที่ได้เห็นลูกสาวมาพร้อมกับลูกเขย ยิ่งเห็นร่างสูงของสิงหนาทก็ยิ่งรู้สึกภูมิใจที่มีลูกเขยเก่ง ภายในเวลาหนึ่งปีชายหนุ่มปลดหนี้รายย่อยได้หมด ถือว่าเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก พิสูจน์ตนเองว่าบริหารงานได้เก่งขนาดไหน ดูสีหน้าสดใสของลูกสาวและลูกเขยในตอนนี้ แอบหวังลึกๆ ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คงเป็นไปด้วยดี
“สวัสดีค่ะ คุณพ่อคุณแม่ หงส์คิดถึงที่ซู๊ดเลย”
ร่างบางโถมเข้ากอดพ่อและแม่ของเธอแน่น การได้กลับมาบ้านทำให้หงส์นรีรู้สึกมั่นใจในตัวเองขึ้นกว่าตอนที่อยู่กรุงเทพฯ
“พ่อกับแม่ก็คิดถึงหงส์”
“สวัสดีครับอาดำเกิง น้าพุดซ้อน”ลูกเขยสุดหล่อไหว้พ่อตาแม่ยาย
“อะไรกัน ทำไมยังไม่เรียกพ่อกับแม่อีกล่ะพ่อ”
พุดซ้อนถามอย่างเอ็นดู
“ครับ คุณพ่อคุณแม่”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ดีๆ เรียกแบบนี้ค่อยสนิทใจกันหน่อย ว่าแต่พ่อหนุ่มนั่นล่ะ ใคร?”
“อ๋อ...คุณมัตสึโมโตะ ฮายาชิ เป็นลูกค้าของเค.เค.พี.ค่ะ หงส์ก็เลยพาเขามาเที่ยวบ้านเรา”
ฮายาชิได้ยินหญิงสาวแนะนำ เขาก็ยกมือขึ้นไหว้ผู้สูงวัยกว่าตามประเพณีของคนไทย แต่นั่นมันเหมือนการทำประจบเรียกคะแนนในสายตาของสิงหนาท ชายหนุ่มรู้สึกขวางทุกท่าทางของฮายาชิ หากแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนิ่งเงียบทำเป็นไม่เห็นเสีย
“อ้อ...คงจะเป็นลูกค้าคนสำคัญสินะ หน้าตาดีเสียด้วย”
คำชมนั้นสร้างความไม่พอใจให้ลูกเขยจนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ เขาตวัดแขนรั้งเอวบางให้ชิดร่างแกร่งมากขึ้น อยากประกาศให้ทุกคนเห็นว่าไม่มีใครคู่ควรกับหงส์นรีเท่าเขาอีกแล้ว
“ใช่ครับ ต้องรบกวนคุณพ่อคุณแม่สักสองวันนะครับ”สิงหนาทบอก
“ไม่เป็นไรหรอกตาสิงห์ ถือว่ามาฮันนีมูนเสียด้วยเลยสิ”
“คงไม่ได้หรอกครับ เพราะการมาฮันนีมูนต้องมากันสองคน”
ฮายาชิรู้สึกเหมือนสำลักน้ำลายตัวเองขึ้นมา ในขณะที่หงส์นรีทำหน้าปั้นยาก เพราะไม่รู้ว่าความจริงในใจของสิงหนาทคิดยังไง เธอไม่อยากประเมินท่าทีของเขาต่ำอย่างรู้ดีว่าสามีของเธอร้ายลึกขนาดไหน ท่าทางที่แสดงออกกับความคิดของเขามักจะสวนทางกันเสมอในความคิดของเธอ
“พ่อคะ แม่คะ ให้เด็กจัดห้องให้คุณมัตสึโมโตะด้วยนะคะ”
“เรียกผมว่าฮายาชิดีกว่านะครับ ดูเป็นกันเองดี”
“ไม่ยักรู้ว่าคุณฮายาชิ ให้ความเป็นกันเองกับใครง่ายแบบนี้”
สิงหนาทแขวะฮายาชิอย่างอดใจไม่ไหว
“ผมจะรู้สึกเป็นกันเองแบบนี้กับทุกคนที่ดีกับผมครับ คนไทยใจดี ยิ้มง่าย เป็นกันเองทุกเรื่องอยู่แล้ว ไม่มีประโยชน์ที่เราจะเย่อหยิ่งหรือไว้ตัว”
“ก็ดีครับ ผมดีใจที่คุณฮายาชิรู้สึกแบบนั้น”
“เอ่อ...เดี๋ยวเชิญคุณฮายาชิตามม่อนไปห้องพักเลยนะคะ”
หงส์นรีบอกเมื่อเด็กม่อนมาบอกว่าห้องจัดเตรียมพร้อมแล้ว ที่จริงไม่ต้องจัดอะไรมากเพราะได้รับการทำความสะอาดอยู่ทุกวันแล้ว แขกไปใครมาก็เข้าพักได้ทันทีเลย หนุ่มญี่ปุ่นพยักหน้าและเดินตามเด็กม่อนไปยังห้องพัก
“หงส์กับพ่อสิงห์ก็นอนห้องเดิมนะลูก เด็กมันเข้าไปทำความสะอาดอยู่ทุกวัน รับรองว่าสะอาดเอี่ยม”
“ถึงจะไม่สะอาดเอี่ยมหงส์ก็อยู่ได้ค่ะ ใครอยู่ไม่ได้ก็ให้เขาไปพักที่อื่น”
หญิงสาวขว้างค้อนให้ร่างสูงที่ยังกอดประคองเธอไม่ยอมปล่อย มือบางแกะมือหนาออกจากเอวแล้วเบี่ยงตัวหนีไปยืนใกล้พ่อกับแม่ของเธอ
“เพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน จะให้ผัวไปนอนที่ไหนเหรอจ๊ะทูนหัว เมียอยู่ไหน ผัวก็ต้องอยู่ที่นั่นสิ ห่างกันเหงาตาย จริงมั้ยครับคุณพ่อคุณแม่”
“ฮ่ะ ฮ่ะ น่ารักน่าเอ็นดูจัง แม่เห็นลูกมีความสุขแบบนี้ แม่ก็สุขด้วย”
หงส์นรีอยากตะโกนบอกว่า “สุขตายนักแหละ” แต่พอเห็นสีหน้าของพ่อกับแม่ที่ราวกับมีความสุขจนล้นปรี่แล้ว เธอก็ค้านไม่ลง ยอมกลืนทุกสิ่งทุกอย่างที่วิ่งขึ้นมาจุกอกให้หายไป แล้วส่งยิ้มหวานให้ท่านทั้งสอง
“พี่หงส์ คิดถึงจังเลยครับ”
ไอ้เปียวิ่งหน้าตาตื่นมาหาหงส์นรี แถมยังคว้าหมับที่มือนุ่มแล้วเขย่าอย่างดีใจที่ได้เจอ เรียกให้หัวคิ้วเข้มผูกกันเป็นโบว์มุ่น
‘หนอย...ไอ้เด็กนี่ ริอาจจับมือเมียฉันหรือวะ เดี๋ยวเถอะ พ่อจะเตะสักป้าบสองป้าบให้หายอยาก’
“ไอ้เปีย ฉันก็คิดถึงแกว่ะ เป็นไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า”
“สบายดี พี่หงส์ล่ะ แต่งงานกะทันหันสบายดีหรือเปล่า”
“เออ ฉันสบายดี”
“พี่หงส์สวยขึ้นมากเลยนะ ไม่เหมือนตอนอยู่ที่นี่เลย ที่เขาว่ากรุงเทพฯ ทำให้ผู้หญิงเปลี่ยนไปคงจะจริง”
หงส์นรีก้มลงมองที่เอวเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างสะกิดยิกๆ สิ่งที่เห็นก็คือปลายนิ้วชี้ของสิงหนาท หญิงสาวเหลือบตาขึ้นมองเป็นเชิงถามว่าเขาสะกิดเธอทำไม
“ไม่แนะนำให้รู้จักบ้างเหรอ”
หญิงสาวถึงบางอ้อ ที่แท้ก็อยากให้ตัวเองเป็นที่รู้จักของคนที่นี่นั่นเอง
“พี่สิงห์คะ นี่เปียเป็นลูกคนงานที่นี่ และเป็นเพื่อนคนหนึ่งของหงส์ค่ะ”
สิงหนาทเพียงแค่พยักหน้ารับ สีหน้าไม่ยินดียินร้ายของเขาทำให้หญิงสาวสงสัยว่า ถ้าเขาไม่อยากรู้แล้วจะถามทำไม
“อ๋อ...นี่เหรอผัว เอ๊ย...สามีพี่หงส์ สวัสดีครับ หล่อจังครับ”
เปียพนมมือขึ้นไหว้แถมยังส่งยิ้มบานแฉ่งให้ชายหนุ่ม คำทักทายและเอ่ยชมของเด็กหนุ่มนั้นสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาได้ทันที ไม่มีใครไม่รู้สึกภูมิใจที่ได้ยินคำชมหรอก แม้คนอย่างสิงหนาทจะได้ยินมานักต่อนัก แต่ส่วนใหญ่ก็มาจากบรรดาสาวๆ ที่ต่างชม้ายชายตาส่งมาให้ไม่หยุดหย่อน น้อยครั้งจะได้ยินจากปากผู้ชายด้วยกัน แล้วยังได้เห็นรอยยิ้มจริงใจที่ส่งมาให้ก็ยิ่งทำให้เขาภูมิใจเป็นเท่าทวีคูณ
“สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
หงส์นรีต้องอึ้งเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำทักทายจากเรียวปากได้รูป ไม่ยักรู้ว่าคนเย่อหยิ่งอย่างสิงหนาทจะทักทายลูกคนงานด้วย เขาน่าจะเป็นคนถือเนื้อถือตัวเหมือนพวกผู้ดีทั้งหลายที่มักจะแยกแยะชนชั้นวรรณะ แต่แปลกที่เขาไม่เป็นอย่างนั้น ทำไม? สัญชาตญาณของหงส์นรีไม่เคยผิดนี่นา
“พี่หงส์ พาคุณสิงห์ไปดูสวนยางพาราของเราสิ”
“แต่...คุณฮายาชิ...”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คุณฮายาชิอาจอยากพักผ่อนเพราะเดินทางมาเหนื่อย หงส์พาพี่ไปเดินเที่ยวชมสวนก็ดีเหมือนกันนะ”
“ใช่ๆ ถ้าแขกของพี่หงส์ตื่น ไอ้เปียคนนี้จะต้อนรับแทนเอง พี่หงส์ไปฮันนีมูน เอ๊ย...ไปเดินเที่ยวเล่นเถอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”
หงส์นรีมองหน้าเปียสลับกับหน้าคมของสามี แล้วต้องถอนใจออกมาแรงๆ ถึงยังไงเธอก็หนีสิงหนาทไม่พ้นอยู่ดี จนกว่า...เธอจะมีทายาทให้ เมื่อนั้นทางเดินของเขาและเธอก็จะกลายเป็นเส้นขนาน ดวงตากลมโตสลดวูบเมื่อคิดไปถึงวันข้างหน้าที่จะไม่มีเขาอยู่ข้างกาย ถึงแม้เวลาที่อยู่ด้วยกันจะเกิดความระหองระแหงมาตลอด แต่ก็ยังได้อยู่ด้วยกัน และถ้า...ต่างคนต่างเดินล่ะ
“พี่หงส์ เป็นอะไรไปพี่ ยืนนิ่งเชียว”
“เอ่อ...ปะ...เปล่า”
หญิงสาวตอบเสียงสั่น ร่างบางเดินเข้าไปในสวนยางพารากว้างใหญ่ มือบางไขว้หลังเดินไปตลอดทาง ท่าทางใช้ความคิดหรือจมอยู่กับตัวเองของหงส์นรี ทำให้สิงหนาทอยากแกล้ง ก็บอกแล้วว่าเขาไม่ชอบเห็นเธอเงียบ
“ว้าย! พี่สิงห์ปล่อยค่ะ”
สิงหนาทกวาดตามองหาที่มุมลับตาคน ก่อนรั้งร่างบางหลุบหายเข้าไปหลังพุ่มหญ้า หงส์นรียันอกกว้างไว้แน่นไม่ยอมให้เขาได้ทำตามอำเภอใจ ถึงยังไงเธอก็ไม่ลืมความเจ็บใจที่เกิดขึ้นในห้องประชุม
“ปล่อยค่ะ หงส์ไม่ชอบให้ทำแบบนี้”
“แบบนี้น่ะแบบไหน”
“กะ...ก็ที่พี่สิงห์กำลังทำอยู่นี่ไง”
“หงส์เคยยั่วยวนพี่ยังไง จำไม่ได้แล้วเหรอ แล้วจะบอกว่าไม่ชอบได้ไง” ชายหนุ่มแกล้งกระเซ้า
ใบหน้านวลสวยเนียนใสแดงก่ำ เธอไม่มีวันลืมหรอกว่าเคยทำอะไรเขาไว้บ้าง แต่นั่นก็ในห้องหับมิดชิดไม่ใช่ที่โล่งแจ้งแบบนี้ ขนาดในที่ประชุมเธอยังทำใจไม่ได้ แล้วที่แบบนี้ล่ะเธอจะทำใจได้ยังไง จะให้อาบลมห่มฟ้าต่อหน้าต้นหญ้าซึ่งสูงเกือบท่วมหัวแบบนี้ เธอคงต้องปฏิเสธ
“นั่นมัน...ในห้องนอนนี่คะ ไม่ใช่...”
“ตื่นเต้นดีนะ อีกอย่างนี่ก็เย็นแล้ว อีกไม่นานรอบๆ ก็คงมืด บรรยากาศกำลังเป็นใจเลย”
หงส์นรีนึกอยากสั่งให้ใครก็ได้ตัดหญ้าที่สูงท่วมหัวนี้ที เพราะสามีของเธอมองเห็นมันเป็นที่เหมาะได้เสมอถ้าต้องการเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่หญิงสาวต้องสำนึกเอาไว้ เมื่อใดที่สิงหนาทต้องการเขาต้องได้ โดยไม่คำนึงถึงสถานที่และความเหมาะสม
“พี่สิงห์รออีกนิดไม่ได้เหรอคะ อีกไม่นานที่นี่ก็มืดแล้ว ทีนี้อยากทำอะไรหงส์ไม่ห้ามเลย”
เธอหาเรื่องมายืดเวลา อย่างน้อยในที่รโหฐานก็ยังดีกว่าแบบนี้
“แน่นะ”
“แน่ค่ะ”
สิงหนาทยิ้มเย็นจนคนมองต้องหลบตา ก็ดวงตาของเขามันส่อแววประหลาดจนเธอไม่กล้าสบตานาน กลัวจะใจอ่อนยอมทำตามที่เขาขอ
“ก็ได้ แล้วอย่าหาว่าพี่ใจร้ายก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มพูดทิ้งท้าย ก่อนดึงมือบางให้ออกเดินไปด้วยกัน
“พาพี่ไปเดินเล่นหน่อยสิ ได้ยินว่าไม่ไกลจากนี้เป็นชายทะเลไม่ใช่เหรอ พาไปชมความงามของทะเลเมืองตรังหน่อยเป็นไง”
“ได้สิคะ ถ้าพี่สิงห์อยากไปจริงๆ เชิญค่ะ”
ร่างบางตั้งท่าจะเลี้ยวไปอีกทาง หากไม่มีมือใหญ่รั้งต้นแขนบางเอาไว้เสียก่อน หญิงสาวหันมามองอย่างสงสัย แต่แล้วก็ตาพร่ามัวเมื่อใบหน้าคมเข้มนั้นก้มต่ำลงมาหาอย่างรวดเร็ว กลีบปากได้รูปประกบกลีบปากนุ่มแนบสนิท ก่อนจะถอนออกเพียงเล็กน้อย แล้วไล้ปลายลิ้นไปตามรอยแยกของกลีบปากจนเรียกปากอิ่มเผยอออก สิงหนาทไล้ปลายลิ้นไปตามไรฟันขาวก่อนส่งเข้าไปพัวพันปลายลิ้นนุ่ม ดูดดื่มความหวานดั่งน้ำหวานจากรวงผึ้ง
หงส์นรีรู้สึกว่าตัวเองขาสั่นจนต้องเหนี่ยวต้นคอของชายหนุ่มไว้เป็นหลัก ปลายเท้าเขย่งขึ้นรับจูบดูดดื่มเร่าร้อนจนทรวงอกสาวสะท้อนขึ้นลงหนักหน่วง หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนีเมื่อรู้สึกว่าตนกำลังจะหายใจไม่ทัน ชายหนุ่มจึงกดริมฝีปากลงบนแก้มนุ่ม ดูดมุมปากอิ่มแรงๆ มือหนาเคลื่อนประคองทรวงสล้างอวบใหญ่ รับรู้ถึงแรงหายใจและจังหวะการเต้นของหัวใจดวงน้อย ถ้าเป็นไปได้อยากหยุดเวลานี้เอาไว้ ไม่อยากรับรู้ว่าต้องแต่งงานกันด้วยเหตุผลอะไร คำว่าเจ้าหนี้และลูกหนี้มันค้ำคอให้สิงหนาทต้องฝืนความรู้สึก เก็บกดอารมณ์บางอย่างที่พุ่งขึ้นเกินกว่าปกติให้หยุดนิ่ง ใช้กำลังใจที่มีเพียงน้อยนิดสกัดกั้นหัวใจไม่ให้โลดแล่นไปตามอารมณ์ที่หมุนวนราวกับพายุทอร์นาโด ปล่อยให้ร่างกายทำปฏิกิริยากับความต้องการโดยไม่มีหัวใจเป็นเครื่องกำหนด
ทั้งคู่พรอดรักกันกลางสวนยางพารา โดยหารู้ไม่ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาให้กับคนสองคน นั่นก็คือนายดำเกิงและนางพุดซ้อน ซึ่งตั้งใจจะมาตามไปทานข้าวเย็น เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจปล่อยให้ทั้งสองตกอยู่ในห้วงภวังค์ความรักโดยไม่รู้ตัว
“พี่เกิง พี่ว่าเราจะได้หลานในเร็วๆ นี้รึเปล่า”
“พี่ว่าน่าจะได้นะ ก็หลักฐานมันชัดคาตาขนาดนี้ ถึงเห็นแค่กริ่มๆ แต่พี่ว่าหลานเราคงจะมาเกิดไม่นานนี้หรอก”
“ฉันก็ว่างั้น เห็นแบบนี้ค่อยเบาใจหน่อย นึกว่าจะเอาแต่ทะเลาะกันอย่างที่พี่จักรบอก”
“พี่จักรคงรู้อยู่หรอกน่ะ ว่าอะไรเป็นอะไร ไอ้ที่ว่าทะเลาะๆ มีลูกหัวปีท้ายปีมานักต่อนักแล้วนะพุด”
“จริงด้วย ฉันว่าเรากลับกันเถอะ ดูอากาศแบบนี้เห็นทีว่าฝนจะตั้งเค้ามาแล้ว”
“เราไม่เรียกลูกกลับบ้านเรอะ ฝนจะตกแบบนี้น่ะ”
“โอ๊ย...จะเรียกทำไมล่ะพี่ ก็เห็นอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร ฝนตกน่ะสิดี โรแมนติกจนบอกไม่ถูกเชียว เผลอๆ คู่กัดจะกลายเป็นคู่รักกันก็ได้นะพี่”
“เออ...จริงด้วย งั้นเราปล่อยให้สองหนุ่มสาวข้าวใหม่ปลามันไว้แบบนี้แล้วกัน ถ้าฝนตกไม่ไกลจากที่นี่มากนัก มีกระท่อมร้างอยู่ พวกเขาคงไปหลบฝนในกระท่อม จากนั้นก็...”
“ฮิ ฮิ...จากนั้นก็ทำหลาน”
นายดำเกิงและนางพุดซ้อนปิดปากหัวเราะร่วน ก่อนค่อยๆ ย่องกลับบ้าน เปิดโอกาสให้ฟ้าฝนเป็นใจสร้างบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกให้ลูกสาวและลูกเขย หวังว่าฝนตกคราวนี้จะทำให้หลานตัวน้อยๆ มาเกิดในท้องของหงส์นรี โซ่ทองคล้องใจคนทั้งคู่ให้เดินมาบรรจบกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่
เมื่อจูบจนพอใจ สิงหนาทก็ถอนริมฝีปากออก เห็นพวงแก้มนุ่มแดงระเรื่ออย่างน่ามอง นานวันภรรยาของเขาก็ดูสวยขึ้นทุกวันแล้วแบบนี้เขาจะทำใจให้เกลียดเธอได้ลงเชียวเหรอ
“เอ่อ...หงส์ว่า...เรากลับบ้านกันดีกว่าค่ะ ฝนตั้งเค้ามาโน่นแล้วอีกไม่นานคงตก”
“ครื่นๆ เปรี้ยง”
หงส์นรียังพูดไม่ขาดคำ เสียงฟ้าก็คำรามติดๆ กันก่อนสายฟ้าจะฟาดเปรี้ยงลงมา จนท้องฟ้าที่มืดครึ้มสว่างจ้าขึ้นมาฉับพลัน
“กรี๊ด”
หญิงสาวหวีดร้องและผวาเข้ากอดร่างหนาแน่น สิ่งเดียวที่สาวมั่นอย่างหงส์นรีกลัวนั่นก็คือเสียงฟ้าผ่า สิงหนาทโอบร่างน้อยแน่นรู้สึกได้ถึงความสั่นยะเยือกอย่างหวาดกลัว ดวงตาคมมองหาที่หลบฝนเพราะดูท่าแล้วถ้ากลับบ้านคงไปไม่ถึง แต่ชายหนุ่มก็เพียงได้แต่คิด เพราะเพียงอึดใจห่าฝนก็เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
“หงส์ แถวนี้มีที่หลบฝนไหม”
ชายหนุ่มตะโกนถามคนในอ้อมกอดแข่งกับเสียงฝนที่เทกระหน่ำ
“โน่นค่ะ ตรงโน้นมีกระท่อมร้าง”
หญิงสาวชี้ไปทางซ้ายมือทำให้ชายหนุ่มมองตาม และเห็นว่ามีกระท่อมอย่างที่เธอบอก เขาจูงมือน้อยให้ออกวิ่งฝ่าสายฝนไปยังกระท่อมนั้นทันที
กระท่อมนี้เป็นกระท่อมมุงจาก มีแคร่อยู่ในนั้นนอกนั้นก็ว่างเปล่า คงจะเป็นกระท่อมร้างอย่างที่หงส์นรีว่าจริงๆ ทั้งคู่เข้ามาหลบฝนในกระท่อมนี้แม้จะกันสายฝนได้แต่กันความเย็นไม่ได้เลย ร่างที่เปียกมะล่อกมะแล่กจึงสั่นสะท้านราวเป็นไข้ สิงหนาทกอดร่างบางถ่ายทอดความอบอุ่นจากกายหนาสู่กายบาง
“หนาวเหรอ”
“ค่ะ สงสัยไม่ได้อยู่บ้านนานไปหน่อย ร่างกายเลยปรับสภาพไม่ทัน เมื่อก่อนหงส์จะทนกับสภาพอากาศที่มีเพียงร้อนกับฝนแบบนี้ได้ หงส์จะชอบออกมาเล่นน้ำฝนแต่ต้องไม่มีฟ้าร้องฟ้าผ่าแบบนี้นะคะ”
“ฝนตกก็ต้องมีฟ้าร้องฟ้าผ่าอยู่แล้ว จะห้ามมันได้ยังไง”
“นั่นสิคะ เราจะห้ามฟ้าฝนได้ยังไง เฮ้อ...กว่าจะหยุดคงอีกนานเลย”
สิงหนาทหลุบตาลงมองคนที่กระซิบชิดอกกว้าง เสียงฟ้าผ่ายังดังอยู่เป็นระยะๆ และร่างบางก็สะท้านเป็นระยะด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มกระตุกมุมปากกลั้นยิ้มพอใจ ผู้หญิงอย่างหงส์นรีในเวลาแบบนี้ก็น่ารักไม่ใช่หยอก สาวมั่น ใจกล้า ก๋ากั่นก็มีมุมเล็กๆ ที่น่ารักซ่อนอยู่ อ้อมแขนรั้งเอวคอดให้แนบชิดมากขึ้น มือใหญ่ลูบไปมาตั้งแต่ศีรษะจนถึงแผ่นหลัง ราวกับปลอบใจคนตัวเล็กให้หายกลัว ธรรมชาติบางครั้งอาจจะมองดูน่ากลัว แต่ความจริงมันแทบไม่มีพิษไม่มีภัย สู้ภัยจากมนุษย์ด้วยกันเองไม่ได้ แต่ถ้าเป็นภัยจากน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก หรือแม้แต่ภัยแล้ง ล้วนแล้วมีต้นเหตุมาจากมนุษย์ทั้งนั้น เวลาทำไม่คิด เวลาที่ธรรมชาติเอาคืนบ้างกลับนั่งเสียใจ หากจะย้อนกลับไปมองดูตัวเองสักนิด คงรู้ว่าสาเหตุภัยพิบัติต่างๆ มาจากน้ำมือของมนุษย์แทบทั้งสิ้น
