บทที่ 20 แม่ทัพทมิฬ 2
ห้าวัน! ขนาดม้าเร็วยังใช้เวลาเกือบเจ็ดราตรี แล้วท่านแม่ทัพจะไปถึงเมืองหลวงให้ได้ภายในห้าวัน มีหวังคงเดินทางแบบไม่ต้องหลับต้องนอนเป็นแน่ต่างมองหน้ากันราวกับสื่อสารผ่านทางโทรจิต หรือข้าศึกบุกไปเมืองหลวง แต่ชายแดนช่วงนี้ก็สงบดีแล้วเกิดเหตุขึ้นได้อย่างไร ต่างคนก็ต่างคิดกันไปต่างๆ นานา
‘หลงซาน ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าเชื่อในปาฏิหาริย์หรือไม่ แต่ฟ่านเยว่ซินปรากฏตัวในวัง นางจะเป็นตัวจริงหรือไม่ เรื่องนี้ยังต้องพิสูจน์แต่หากนางเป็นตัวจริง ครั้งนี้ข้าจะขอให้เจ้าเสียสละนางให้แก่ข้า ข้าตัดสินใจเรียกเจ้ากลับมา เพื่อสร้างความยุติธรรมระหว่างเราพี่น้องและให้นางได้มีโอกาสเลือกอีกครั้ง หากเจ้าไม่คิดหวนคืนก็นับว่าน่ายินดี ขอให้เจ้าอวยพรให้กับเราสองคนได้เริ่มต้นใหม่ร่วมกัน จงเซ็นใบหย่าและส่งกลับมา
ลงพระนาม – ฮ่องเต้’
ข้อความเหล่านั้นเปรียบดั่งล่อเสือออกจากถ้ำ [1] ทำให้เขาแทบนั่งไม่ติดอยากเร่งวันเร่งคืนไปให้เห็นกับตา
นางหวนคืนกลับมา? เป็นไปได้อย่างไร เขาเป็นคนฝังศพนางเองกับมือ เขาจำได้ไม่มีวันลืม…
ยามนั้นหมอหลวงประกาศต่อหน้าเขา ขณะที่ในอ้อมแขนเขามีร่างน้อยซุกอยู่ในอก โดยมีเขาประคองไว้
"ขอทรงหักห้ามพระทัย พระชายาสิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ"
เขาจำได้เพียงแค่ร่างกายของเขาชาไปทั้งร่าง ทุกส่วนแน่นิ่งราวถูกสาปให้แข็ง เขาค่อยๆ เลื่อนนิ้วชี้ขึ้นไปแตะตรงปลายจมูกเพื่อสัมผัสถึงลมหายใจที่มันไม่มีเหลืออยู่แล้ว ดวงหน้าหวานหลับตานิ่ง เขาจำได้เพียงกอดกระชับให้แน่นขึ้นแล้วตะโกนเรียกชื่อนางอย่างบ้าคลั่ง
"เยว่ซิน!! ไม่!!! ไม่จริงงง!!!"
แม้ฮ่องเต้หรือเจ้าสามจะพยายามเข้ามายื้อแย่งร่างน้อยไปจากเขาเพียงใดก็ไม่อาจทำได้ เขากอดรัดร่างนางอย่างหวงแหน
คืนนั้นมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ราวกับปีศาจที่สิงสู่ในร่างออกมาอาละวาด เขาสลบไปด้วยฤทธิ์ยาซึ่งเดาได้ว่าเป็นฝีมือของต้าหยาง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็รุ่งเช้าของวันต่อมา ร่างของนางนอนนิ่งรอคอยเขาอยู่บนแท่นพิธีที่มีโลงแก้วครอบอยู่ ต่างจากยามปกติที่จะใส่ในโลงปิดทึบ คนทั้งวังต่างแต่งกายด้วยชุดขาวเป็นการอาลัยถึงผู้จากไป
ยังไม่ทันได้หวนคิดต่อ ซานจิงก็เข้ามารายงานเขาที่ด้านในกระโจมที่มีไว้สำหรับประชุมวางแผนการรบ
“เสบียงและม้าเตรียมไว้พร้อมแล้วขอรับ ส่วนทหารที่รั้งอยู่ทางนี้จะยังคงเดินเวรยามกวดขันเช่นเดิมและมีการจัดตั้งหัวหน้ากองกำลังชั่วคราวเพื่อรับคำสั่งออกปฏิบัติการทุกเมื่อหากจำเป็น ทุกคนพร้อมออกเดินทาง”
“ดี ออกเดินทางได้” ชินอ๋องหมายมาดจะต้องถึงให้เร็วที่สุดแต่ก็ยังไม่เร็วเท่ากับใจที่โบยบินไปถึงในวังแล้ว
ฝั่งฮ่องเต้
ผ่านไปสองวันนับตั้งแต่ทรงส่งนกพิราบสื่อสารบินไปแจ้งข่าวชินอ๋องเกี่ยวกับฟ่านเยว่ซิน ยามนี้เขาได้รับจดหมายตอบกลับผ่านนกพิราบสื่อสารว่าชินอ๋องกำลังเดินทางกลับมาอย่างเร่งรีบ คาดว่าอีกไม่เกินห้าราตรีคงมาถึงยังเมืองหลวง
ไม่เกินความคาดหมายของพระองค์เท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเร็วถึงเพียงนี้ ทางพระองค์ไม่ได้มีความคืบหน้าอะไรนัก ตั้งแต่วันที่พานางไปส่งยังตำหนักริมบัว ก็ยังไม่มีโอกาสได้พบนางอีกเลย นางกำนัลมารายงานว่านางเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ออกมาทานอาหารแล้วก็กลับเข้าไปในห้องตามเดิม
พระองค์เองก็ติดราชกิจสำคัญเร่งด่วนให้รีบสะสางเพื่อจะได้มีเวลาไปตามเอาใจสาวน้อยยังตำหนักริมบัว เพียงแค่คิดถึงดวงหน้าหวานก็ช่วยให้พระองค์กระปี้กระเป่ามีแรงสะสางราชกิจต่อให้เสร็จโดยเร็ว แต่ยังไม่ทันจะได้กลับมานั่งอ่านศาลฎีกาต่อ ก็มีเสียงทหารร้องบอกว่ามีคนมาขอเข้าเฝ้า
“ฝ่าบาท องค์ชายสามขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“เฮ้อ อีกหนึ่งมารผจญ” อุ้ยกงกงยืนฝนหมึกอยู่ด้านข้างโต๊ะของฮ่องเต้ แอบอมยิ้มขำ ดูท่าความรักของพระองค์จะมีคนรอขัดขวางอยู่มากทีเดียว
[1] การใช้กลอุบายหลอกล่อให้คนออกมา
