บท
ตั้งค่า

บทที่ 19 แม่ทัพทมิฬ 1

แสงอาทิตย์สาดส่องลอดเข้ามาในกระโจมในค่ายทหารซึ่งตั้งอยู่ติดขอบชายแดนของแคว้นชิงหลงชื่อ เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่พึ่งได้เข้าสู่นิทราไม่กี่ชั่วยามค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้น มือข้างนึงยกขึ้นมากันแสงที่ลอดเข้ามารบกวนการนอนของตนเอง

เมื่อคืนเขาฝันเป็นฝันที่ต่างจากทุกคืน

ทุกคืนเขามักฝันเห็นฟ่านเยว่ซินนั่งอยู่ในศาลาข้างตำหนักเพื่อไปจิบน้ำชาทานของว่างอย่างที่นางมักชอบทำเป็นประจำ ส่วนเขาทำแค่ยืนมองนางอย่างเงียบๆ แม้นางจะจ้องมองมาทางเขาด้วยแววตาเศร้าสร้อยแต่เขากลับไม่เอ่ยสิ่งใด ทำเพียงนั่งเคียงข้างนางปล่อยเวลาทิ้งไปเรื่อยๆ

เขาเคยชินกับการแสดงออกต่อผู้คนด้วยความเย็นชาและเมินเฉยกับทุกสิ่ง แม่สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่รักมากแค่ไหน สมกับที่ผู้คนตั้งฉายาให้ว่าแม่ทัพทมิฬซึ่งหาได้หมายถึงกองทัพหรือเสื้อเกราะแต่เป็นใจของชินอ๋องเฉิงหลงซานผู้นี้

แต่เมื่อคืนเขากลับไม่ฝันอย่างที่แล้วมา ในฝันเขาเห็นนางในเครื่องแต่งกายประหลาดอย่างที่ไม่เคยเห็น แววตาอ่อนโยนเศร้าซึมที่เขาเคยเห็นจากดวงตาคู่สวยของนางแปรเปลี่ยนไป ดูเข้มแข็งและแข็งกร้าวขึ้นราวกับคนที่ผ่านโลกมาอย่างยาวนาน

“ท่านแม่ทัพขอรับ” นายทหารคนหนึ่งยืนตะโกนอยู่หน้ากระโจมทำให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิด

“เอ่อ..ขออภัยที่ข้าน้อยมารบกวนยามเช้าของท่านแม่ทัพ มีม้าเร็วมาส่งข่าวจากเมืองหลวง องค์ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ท่านรีบกลับเข้าเมืองหลวงโดยด่วนขอรับ”

ชินอ๋องใช้แขนข้างนึงเบี่ยงให้ประตูกระโจมเปิดออก เผยให้เห็นท่อนบนเปลือยเปล่าของกล้ามหน้าท้องเป็นลอนเรียงสวยแต่ก็มีร่องรอยของแผลเป็นที่เกิดจากคมมีด ไหล่กว้างกับอกแกร่งน่าอิงแอบแนบชิดจน ยังไม่นับกับใบหน้าคมดูดุดันน่าเกรงขาม

นายทหารหนุ่มไม่นึกแปลกใจ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็จะมีสาวน้อยใหญ่คอยชม้อยชม้ายชายตามอง บางคนตามมาถึงค่ายก็มี แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าสู่ด้านในก็ถูกแม่ทัพหิ้วโยนไปนอกค่ายบ้างหรือสั่งให้ทหารจับไปลงโทษ ข้อหาคิดยั่วยวนท่านแม่ทัพ ยิ่งถ้าใครรู้ถึงฐานันดรว่ามีตำแหน่งเป็นถึงชินอ๋องซึ่งเป็นพระอนุชาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ก็ยิ่งเพิ่มพูนความพยายามจะปีนเตียงท่านอยู่ร่ำไป

โดนท่านถีบตกเตียงแล้วโยนให้ไปเป็นนางบำเรอให้กับเหล่าทหารก็มีไม่น้อย แต่ก็ยังไม่เข็ดหลาบยังคงวนเวียนมายั่วยวนอย่างไม่เกรงกลัว

ขนาดเขาเป็นทหารชั้นผู้น้อยมีทำหน้าที่แค่เฝ้ากระโจม ยังรู้ว่าตลอดห้าปียังรู้ว่าท่านแม่ทัพของเขานั้นใจแข็งยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่เคยเห็นท่านยุ่งเกี่ยวกับหญิงใดสักคน เขาเคยได้ข่าวลือมาว่าเพราะท่านแม่ทัพสูญเสียชายาเอกไปอย่างกะทันหัน ถึงจะมีชายารองแต่ไม่มีใครเคยเห็นตามมาที่นี่สักครั้ง อาจเพราะความเป็นอยู่ไม่สบายเทียบเท่าอยู่ในวังหลวง จนเขาสงสัยว่าเหตุใดไม่รับอนุไว้คอยปรนนิบัติในค่ายสักคนสองคน ระดับท่านแม่ทัพจะรับนางบำเรอไว้คอยปรนนิบัติบนเตียงหลายๆ คนก็ย่อมได้

เรื่องนี้เป็นบทสนทนาในวงเหล้าของเหล่าทหารที่อยากนินทาผู้บังคับบัญชา เคยว่ากันว่ามีทหารกล้าเคยเอ่ยถามท่านซานจิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ถูกลงโทษให้ไปหาบน้ำตลอดทั้งคืน จนไม่มีใครกล้าถามอีก

ในกองทัพใครๆ ก็รู้ว่าท่านซานจิงเป็นองครักษ์ข้างกายแม่ทัพมาแต่เยาว์วัย อีกทั้งยังควบตำแหน่งรองแม่ทัพ ทุกเรื่องของท่านแม่ทัพมีหรือท่านซานจิงจะไม่รู้

ในคราแรกที่ชินอ๋องนำพากองทัพของพระองค์มาร่วมกับกองทัพชายแดนก็มีนายกองบางคนไม่ยอมรับ เนื่องจากไม่เคยร่วมรบกับพระองค์จึงมีคนที่แคลงใจในความสามารถของชินอ๋อง หลายคนคิดว่าท่านแม่ทัพเป็นถึงองค์ชายที่ใช้ชีวิตสุขสบายในวังหลวงมาตลอดจะมาทนความลำบากนอนกลางดินกินกลางทรายตามชายแดนได้อย่างไร

แต่เวลาผ่านไปชินอ๋องที่คนคาดว่าน่าจะถือตัวกลับมีคำสั่งว่าให้ทหารทุกนายปฏิบัติกับเขาในฐานะแม่ทัพคนนึงของกองกำลังรักษาชายแดน ไม่ใช่ในฐานะชินอ๋อง หากใครฝ่าฝืนถือว่าทำผิดจะถูกลงโทษและหากเขาทำผิดก็จะถูกลงโทษตามกฎอาญาศึกเช่นกัน ววันเวลาผ่านไปเหล่านายกองชื่นชมในน้ำใจ ความยุติธรรมและความเด็ดขาดของท่านแม่ทัพจนยอมรับในที่สุด

ในยามปกติท่านแม่ทัพสีหน้าเย็นชาไม่ยินดียินร้าย จะเปลี่ยนสีหน้าแค่ยามโกรธจัดและมันผู้นั้นจะไม่มีสิทธิ์แม้แต่ร้องขอความตาย ความดุร้ายโหดเหี้ยมและจริงจังเป็นที่เล่าขานอย่างหนาหู หากมีคนที่อยากท้าทาย ไม่นานคนเหล่านั้นก็จะได้พิสูจน์จนประจักษ์แก่สายตา

“ข้าเคยปฏิเสธกลับไปนับไม่ถ้วน หากพระองค์ประสงค์จะถอดยศข้าก็สามารถทำได้ทุกเมื่อ อย่ารั้งรอ เพราะไม่ว่าเหตุผลอะไร ข้าก็ไม่คิดกลับเข้าเมืองหลวง นอกเสียจากมีรับสั่งให้นำข้าไปตัดหัวเสีย” ชินอ๋องเอ่ยเสียงเรียบ ใครฟังก็รู้สึกขนลุก เขาปลายตามองทหารที่คุกเข่าข้างนึงอยู่บนพื้นเคียงข้างกับนายทหารที่เดิมมีหน้าที่เฝ้าหน้ากระโจมของเขา

“ฝ..ฝ่า..บาท ทรงทราบดีว่าท่านแม่ทัพ..ไม่มีประสงค์กลับเมืองหลวงขอรับ” นายทหารผู้มาทำหน้าที่รายงานกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

“หากทรงทราบ เหตุใดจึงยังดื้อดึงให้เจ้ามาเรียกตัวข้ากลับไปอีก”

“เอ่อ..ทรง…ทรงให้ข้าน้อยมาแจ้งแก่ท่านแม่ทัพว่า หากได้รับจดหมายฉบับนึงที่ทรงฝากข้าน้อยมาแจ้งแก่ท่าน แล้วท่านยังคงตัดสินใจแน่วแน่ไม่คิดหวนกลับ ฝ่าบาทก็จะไม่เรียกร้องต่อท่านอีกต่อไปขอรับ” จดหมายนี้ใช้ทั้งเหยี่ยว ทั้งนกพิราบ ทั้งม้าเร็ว ส่งมาอย่างเร่งด่วน ภายในคืนเดียวก็มาถึงมือชินอ๋อง

“ข้อความว่าอย่างไร พี่ข้าคิดจะเล่นตุกติกสิ่งใดอีก”

“ข้าน้อยขออนุญาตมอบจดหมายที่ฝ่าบาทฝากข้าน้อยมาให้ท่านแม่ทัพ”

ทหารผู้นั้นล้วงเข้าไปหยิบจดหมายม้วนเล็กที่สอดอยู่ด้านในเสื้อออกมา สองมือถือม้วนกระดาษยื่นไปยังด้านหน้าของชินอ๋อง เขารับกระดาษนั้นมาก่อนจะค่อยคลี่กระดาษเปิดอ่านข้อความข้างใน

ยิ่งอ่านสีหน้าของชินอ๋องก็ดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศยามเช้าอันแสนสดใส ค่อยมืดครึ้มราวกับมีเมฆฝนขนาดใหญ่มาบดบังความจ้าของพระอาทิตย์

ชินอ๋องกำกระดาษแน่นจนกระดาษแทบฉีดขาด

“บัดซบ!” นายทหารทั้งสองต่างสะดุ้งพร้อมกันกับเสียงสบถของชินอ๋อง แม้แต่ซานจิงยังได้ยินจนเร่งฝีเท้ามาหยุดอยู่ด้านหน้าชินอ๋องด้วยความระคนสงสัย ก่อนจะกุมมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อทำความเคารพก่อนไต่ถาม

“ท่านแม่ทัพ มีเรื่องอะไรหรือขอรับ”

ชินอ๋องไม่กล่าวอะไร เขาส่งกระดาษที่ยับยู่ยี่นั่นให้กับซานจิงก่อนจะเดินหายเข้าไปด้านในกระโจม

ซานจิงคลี่กระดาษแผ่นนั้นอ่าน พออ่านจบเขาก็ถอนหายใจแล้วบอกให้นายทหารทั้งสองลุกขึ้นยืนรอเพื่อรอฟังคำสั่งต่อไป เขาเองก็ยากจะคาดเดาอารมณ์ ณ ขณะนี้ของผู้เป็นนาย สำหรับชินอ๋องในยามนี้ ข้อความไม่กี่ประโยคเหล่านั้นมันช่างน่ากลัวกว่าหอกดาบในสนามรบเสียอีก

ชินอ๋องหายไปไม่นานก็เดินออกมาสั่งการเหล่าทหาร

“ข้าจะกลับเมืองหลวงให้เร็วที่สุด จงเร่งขนของเตรียมเสบียงให้เพียงพอสำหรับการเดินทาง หากมันผู้ใดรั้งรอทำให้การเดินทางล่าช้า ข้าจะไม่ปราณี ไม่ว่าอย่างไรเราต้องเดินทางถึงเมืองหลวงภายในห้าวัน! เราจะเปลี่ยนม้าทุกเมืองที่หยุดพักเพื่อใช้เดินทางต่อตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน”

“ขอรับ!!!” ทหารทุกนายต่างรับคำสั่งแม่ทัพของพวกเขากันอย่างขึงขังแต่ก็แอบคิดในใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel