บทที่ 18 นางคงไม่ให้อภัย
ฝ่ายฮ่องเต้หลังจากกลับจากตำหนักขององค์ชายน้อยก็คิดอย่างกลัดกลุ้มใจ ระหว่างเดินกลับมายังห้องพระอักษรเพื่อตรวจฎีกาต่อ พระองค์ตัดสินใจในท้ายที่สุดให้หยุนซีไปส่งข่าวให้กับชินอ๋องเพื่อตามเขากลับมา
พระองค์ปรารถนาจะสู้กับน้องชายซึ่งๆ หน้าอย่างยุติธรรม หากฟ่านเยว่ซินเลือกรักพระองค์ในครั้งนี้ พระองค์ก็พร้อมจะทำทุกวิถีทางให้นางหย่ากับชินอ๋องให้จงได้
ฮ่องเต้ทราบดีว่าฟ่านเยว่ซินเจ็บปวดเพียงใดกับการรับชายารองเข้าตำหนักของชินอ๋อง ในครั้งนั้นพระองค์เองก็มีส่วนในการผลักดัน เพื่อบ้านเมือง เพื่อราชบัลลังก์ เพื่อราชวงศ์เฉิง มีหลายสาเหตุที่ไม่มีใครรู้
ตามจริงแล้วเป็นเรื่องธรรมดาของวังหลวงที่ฮ่องเต้ อ๋อง หรือองค์ชายจะรับสนมหรือนางในกี่คนก็ได้ แต่เยว่ซินไม่เหมือนหญิงสาวคนอื่น นางมีปณิธานแน่วแน่ตั้งแต่ยังเด็กว่าสามีควรมีภรรยาเพียงคนเดียว นางไม่ปรารถนาได้ยศตำแหน่งเหนือผู้ใด ขอเพียงเป็นหนึ่งเดียวของคนเพียงคนเดียว
พระองค์ยังจำได้ดี เมื่อครั้งยังอยู่ในตำแหน่งองค์รัชทายาท (ไท่จื่อ)
วันที่อดีตฮ่องเต้มีสมรสพระราชทานให้แก่ชินอ๋องที่ในเวลานั้นยังรั้งตำแหน่งองค์ชายรองและฟางเซียน บุตรสาวของอัครเสนาบดีประจำราชสำนัก เยว่ซินมาฟ้องพระองค์ทั้งน้ำตา
"เสด็จพี่ ได้โปรดช่วยกราบทูลฝ่าบาท โปรดถอนรับสั่งสมรสพระราชทานด้วยเพคะ ฮึก" น้ำตานองหน้าร่างบาง มือทั้งสองข้างเขย่าข้อมือหนาอย่างวิงวอน
"ซินเอ๋อร์ ฝ่าบาททรงมีรับสั่งไปแล้วจะถอนคำคืนได้อย่างไร ไม่ต้องห่วง อย่างไรองค์ชายรองยังคงรักและเชิดชูเจ้าเป็นชายาเอก ฟางเซียนแม้ได้สมรสพระราชทานก็เป็นเพียงแต่ชายารองเท่านั้น" ไท่จื่อเห็นแล้วปวดใจยิ่งนัก
"ไม่ เสด็จพี่ ฮือ..หม่อมฉันไม่ต้องการเป็นชายาเอก หม่อมฉันต้องการเป็นชายาเพียงคนเดียว มีแต่เสด็จพี่ที่จะทรงช่วยหม่อมฉันไม่ให้ฝ่าบาททรงบีบบังคับท่านพี่ของหม่อมฉัน อึก"
"ซินเอ๋อร์ เจ้าฟังพี่ ไม่ใช่พี่ไม่อยากช่วยเจ้า แต่สมรสพระราชทานในครั้งนี้...เป็นความต้องการของตัวเจ้ารองเอง" ไท่จื่อกลืนน้ำลายบอกความจริงแก่เจ้าตัว
"ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง ท่านพี่ไม่มีทางทรยศความรักของหม่อมฉัน เสด็จพี่โกหก! หม่อมฉันไม่เชื่อ!!" ฟ่านเยว่ซินพูดจบก็วิ่งหนีกลับไปยังตำหนักของตนเอง
วันต่อมา ไท่จื่อรู้สึกเป็นห่วงฟ่านเยว่ซินจึงให้ทหารไปตามให้มาเข้าเฝ้าพระองค์ เมื่อมาถึงพระองค์ก็ต้องตกใจกับสภาพของหญิงสาว นางมาพร้อมกับตาที่บวมเป่ง สายตาเหม่อลอยราวกับหมดอาลัยในชีวิต พระองค์ดึงนางเข้าไปโอบกอดแล้วลูบศีรษะนางอย่างอ่อนโยน เพียงเท่านั้นนางก็ร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจ พระองค์จึงได้รับรู้ว่านางไปถามกับองค์ชายรองซึ่งสามียอมรับกับนางว่าเป็นคนไปขอสมรสพระราชทานและขอให้นางเข้าใจ เรื่องราวที่ได้รับรู้เสมือนถูกคนนำของมีคมมาฟันลงที่หัวใจนางซ้ำๆ จนเป็นแผลเหวอะหวะ
นางได้แต่พึมพำในอ้อมกอดของไท่จื่อซ้ำไปซ้ำมาวนเวียนอยู่ไม่กี่คำ "คนใจร้าย คนโกหก คนหลอกลวง"
นับแต่วันนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ห่างเหินกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะวันอภิเษกระหว่างองค์ชายรองและชายารอง เยว่ซินได้อันตรธานหายตัวไป เดือดร้อนไปทั้งตำหนักเมื่อองค์ชายรองสั่งค้นหานางทั่วทุกตำหนัก จนไปเจอนางหลบอยู่ในช่องเล็กที่ซ่อนเดียวของนาง
ทำให้การเข้าหอกับชายารองในครั้งนั้นล้มเหลวไม่เป็นท่าและไม่กี่เดือนต่อมากลับพบว่าเยว่ซินตั้งครรภ์ทั้งที่นางยังคงหมางเมินกับองค์ชายรองผู้เป็นสามี ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้เกินหนึ่งจั้ง ส่วนชายารองก็ตามเกาะติดองค์ชายรองไม่ขาด
จนวันนึงอดีตฮ่องเต้เรียกองค์ชายรองไปพบและมีคำสั่งให้เขากรีฑาทัพออกไปรบกับแคว้นชุ่น ทรงเปรยว่าอัครเสนาบดีมาร้องเรียนเรื่องการเข้าหอระหว่างองค์ชายรองกับชายารอง อดีตฮ่องเต้เอ่ยแกมบังคับให้จัดการเรื่องภายในตำหนักให้เรียบร้อย ซึ่งยามนั้นเขาก็นั่งฟังอยู่ด้วย
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฟ่านเยว่ซินก็เจ็บท้องคลอด โดยเป็นคืนเดียวกับที่องค์ชายรองเข้าหอกับชายารอง
คนที่เฝ้าอยู่นอกห้องทำคลอดมีเพียงเหวินหลงกับต้าหยางเท่านั้น
องค์ชายห้าต้าหยางเคยช่วยตรวจครรภ์ให้ฟ่านเยว่ซินและรู้ว่าเด็กตัวใหญ่เกินกว่าสรีระของนาง ซึ่งอันตรายมากหากในวันคลอดเด็กไม่ยอมกลับหัว โชคยังดีที่ต้าหยางเตรียมตัวยาให้หมอตำแยอย่างดี ทำให้คลอดอย่างปลอดภัย แต่วันนั้นก็เป็นวันที่ความเป็นสามีภรรยาของเจ้ารองกับเยว่ซินเป็นอันสิ้นสุดลง แม้แต่วันที่หลงซานไปออกรบเยว่ซินไม่แม้แต่มายืนส่งหรือบอกลา นางเอาแต่ทุ่มเทให้กับการดูแลบุตรชายตัวน้อยเท่านั้น
หกเดือนผ่านไป องค์ชายรองนำชัยชนะกลับมาจนได้รับความดีความชอบแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ในงานเลี้ยงพระชายาจำต้องมาร่วมงาน ซึ่งแยกกันมากับชินอ๋อง โดยมีชายารองเดินเคียงคู่กันเข้ามาในงาน คนข้างนอกยังสามารถรับรู้ได้ถึงความหมางเมินของพระชายาที่มีต่อชินอ๋อง แล้วในตำหนักจะขนาดไหน ไม่ว่าชินอ๋องจะเอาใจนางเพียงใดก็มีแต่ความเหินห่างถูกส่งกลับไป ไท่จื่อสังเกตได้ว่าฟ่านเยว่ซินแปรเปลี่ยนไปเป็นคนเงียบขรึม พูดน้อย หากไม่ถามนางจะไม่พูดแม้เพียงสักครึ่งคำ ต่างจากชายารองที่เอาใจคนรอบข้าง แสดงออกถึงความร่าเริงสดใส จนหลายคนชื่นชอบนางและเริ่มเข้าไปอยู่ฝ่ายชายารองมากขึ้น
ไม่นึกเลย งานเลี้ยงในวันนั้นเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมหลายอย่างที่ซัดสาดเข้ามาในกาลต่อมา...
เมื่อมานั่งย้อนคิดถึงเรื่องเก่าๆ ฮ่องเต้ก็ทรงถอนหายใจอย่างไม่สบายพระทัย ทรงทำถูกแล้วที่ตามชินอ๋องกลับมา คนที่ต้องแบกรับความเจ็บปวดจากการสูญเสียหาได้มีแต่พระองค์
หลังการสิ้นพระชนม์ของพระชายาแห่งชินอ๋อง มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้ทั้งหมด ชินอ๋องย้ายไปประจำอยู่ชายแดนและไม่หวนกลับมาอีกเลย ชายารองไม่ได้ตามไปยังคงอยู่ที่ตำหนักชินอ๋องเช่นเดิม ตลอดหลายปีนางทำเพียงมาคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องทั้งน้ำตาให้พระองค์เรียกชินอ๋องกลับมา มีบางครั้งที่เจ้ากรมวังมาเข้าเฝ้าด้วยตนเองเพื่อช่วยกราบทูลตามคำขอร้องของบุตรสาว แต่ฮ่องเต้ปัดตกคำร้องนั้นเสียทุกครั้ง โดยไม่สนพระทัยว่าเหล่าขุนนางจะช่วยกันกดดันพระองค์เพียงใด หากพูดมากไปก็จะเจอสายตาดุดันจากพระองค์เป็นการกล่าวเตือนกลายๆ
ฮ่องเต้ทรงถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกับเท้าแขนบนโต๊ะ ไม่มีสมาธิจะตรวจฎีกาอะไรทั้งนั้น อุ้ยกงกงยืนประกบด้านข้างเผื่อฮ่องเต้จะทรงเรียกใช้ ได้แต่มองสีหน้ากลัดกลุ้มของฮ่องเต้อย่างทุกข์ใจ อยากจะช่วยให้พระองค์คลายความกังวลแต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะคาดเดาได้ว่าทรงทุกข์ใจเรื่องใด
ยามนั้นอดีตฮ่องเต้ที่ประชวรมาพักใหญ่ก็สิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน พระองค์ที่เป็นไท่จื่อก็ถูกแต่งตั้งขึ้นครองราชย์แทนได้ไม่นาน มีปัญหารุมเร้ามากมายหลายด้าน ขุนนางต่างแบ่งกันเป็นฝักเป็นฝ่าย เมืองที่เคยสวามิภักดิ์ก็สบโอกาสแข็งข้อ ยังไม่นับวังหลังที่แก่งแย่งชิงดีไม่เว้นแต่ละวัน ฐานอำนาจของฮ่องเต้องค์ใหม่กระสับกระส่ายบีบบังคับพระองค์เสียทุกทาง ยิ่งพอมีเหตุการณ์นั้นพระองค์จำต้องตัดสินพระทัยทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดลงไป คงต้องโทษที่พระองค์ดันเกิดมาในราชวงศ์
'ซินเอ๋อร์ เจ้าจะรู้หรือไม่...วันที่ข้าต้องทนมองทุกฝีไม้ที่ฟาดไปยังแผ่นหลังของเจ้า ใจข้าเจ็บปวดร้าวรานเพียงใด ในที่สุดข้าก็เป็นอีกคนที่ทรยศความไว้ใจของเจ้า แต่การกลับมาของเจ้า ข้าจะไม่ให้มันผิดพลาดซ้ำสองเป็นแน่'
“ฝ่าบาท” อุ้ยกงกงปลุกฮ่องเต้ออกจากภวังค์ ตั้งแต่เมื่อวาน ฮ่องเต้ทรงเอาแต่เหม่อลอยอยู่บ่อยครั้ง
“กงกง เจ้าว่ามา”
“ทูลฝ่าบาท ทรงกลัดกลุ้มพระทัยเรื่องอะไรรึพ่ะย่ะค่ะ พอจะบอกให้ข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อยเช่นกระหม่อมทราบได้หรือไม่”
“หวนคิดเรื่องเก่าๆ หากข้าไม่เป็นฮ่องเต้ที่อ่อนแอ ข้าคงปกป้องทุกคนได้ ไม่มีใครต้องเจ็บปวด”
“ฝ่าบาท อย่าทรงกล่าวโทษองค์เองกับเหตุการณ์ที่กลับไปแก้ไขไม่ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ คิดเสียว่านี่เป็นโอกาสให้พระองค์ได้แก้ตัว”
“ข้าทำร้ายนางมากมายนัก นางคงยากที่จะให้อภัยข้า”
“ไม่เป็นเช่นนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะ แต่เดิมพระชายาทรงเป็นผู้มีปัญญาเลิศล้ำและไม่เหมือนหญิงใด รอวันที่ความจริงทุกอย่างถูกเปิดเผย นางจะเข้าใจในที่สุดว่าทรงรักและปรารถนาดีกับนางเพียงใด”
“ข้าก็หวังว่ามันจะเป็นดังเจ้าว่า แต่หากนางไม่ใช่ฟ่านเยว่ซินเล่าจะทำเช่นไร” ยอดดวงใจของพระองค์ ไม่ว่าแต่ก่อนหรือยามนี้ก็คือนางผู้เดียว
“หากนางไม่ใช่เท่ากับฟ้ามอบโอกาสให้พระองค์เริ่มต้นใหม่กับใครสักคนก็เป็นได้” อุ้ยกงกงกล่าวตามที่เขาคิด ไม่ว่านางจะใช่ตัวจริงหรือไม่ ย่อมมีโอกาสทั้งสิ้น
