บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

“ขอบใจมากนะจ้ะที่ชอบ ฉันสัญญาว่าฉันจะทำน้ำหอมให้เธอ แต่คงต้องรออีกสักระยะนะ เพราะตอนนี้ฉันต้องทำน้ำหอมให้กับผู้สนับสนุนสุดแสนใจดีอย่างคุณพ่อคุณแม่ก่อน แล้วก็ต้องคิดค้นกลิ่นน้ำหอมให้เป็นของขวัญในวันแต่งงานของพี่แพรวกับท่านชีคอีก”

“นี่พี่แพรวมีข่าวดีแล้วเหรอเนี่ย ตายจริง! ได้สามีเป็นถึงชีคครองเมืองเลย น่าอิจฉาชะมัด ฉันชอบผู้ชายแถบนั้นมากเลยนะพราว ดูเร้าใจดี รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าคมกระด้างหน่อยๆ ตาก็ทั้งโตทั้งคม ขนตานี่ยาวจนผู้หญิงชิดซ้ายเลย” ขวัญชนกทำท่าเพ้อฝันจนคนมองอดหมั่นไส้ไม่ได้

“แต่ฉันว่าชอบผู้ชายไทยดีกว่านะ อย่างน้อยก็เข้าใจกันง่ายดี”

“แหม ไม่แน่หรอก เธอไปงานแต่งของพี่พราวคนครั้งนี้ อาจจะได้หนุ่มหล่อๆ จากเมืองทะเลทรายติดไม้ติดมือกลับบ้านมาก็ได้ แบบไปเจอคนที่ใช่อะไรทำนองนั้นไง” ถ้อยคำนี้ทำให้ถูกมือบางของเพื่อนสาวฟาดเพี๊ยะเข้าให้ที่ต้นแขน ขวัญชนกยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองปอยๆ แล้วกลั้นยิ้มขบขัน

“พูดอะไรบ้าๆ น่า ฉันยังไม่คิดจะมีความรักตอนนี้หรอก การเรียนจบมันคือการเริ่มต้นชีวิต ไม่ใช่การหาคู่ชีวิต” พิมพ์ประภัทรให้เหตุผล “หลายคนอาจคิดว่าฉันแปลกนะ แต่ฉันคิดว่าฉันแค่เป็นตัวของตัวเอง ฉันไม่อยากนั่งอยู่บ้านแล้วคอยพึ่งพาบารมีหรือเงินทองของสามีเหมือนเพื่อนๆ หลายคน ฉันอยากมีอาชีพที่มั่นคงก่อน แล้วค่อยคิดเรื่องพวกนั้น”

“จ้า แม่คนเป็นตัวของตัวเอง แล้วนี่เธอต้องไปงานแต่งงานของพี่พราวเมื่อไรเนี่ย” สาวนักเรียนนอกส่ายหน้ายิ้มๆ แล้ว ก่อนจะถามถึงกำหนดการเดินทางสู่ดินแดนอันร้อนระอุของเพื่อนสาว

“สิ้นเดือนนี้จ้ะ เดินทางวันที่ยี่สิบเก้า ท่านชีคจองตั๋วไว้ให้เสร็จสรรพแล้ว”

“นี่มันก็วันที่สิบห้าแล้วนะ เธอจะทำน้ำหอมให้พี่พราวกับท่านชีคทันเหรอ ไหนจะของคุณพ่อคุณแม่ แล้วก็พี่พริมอีก” คำถามนี้ทำเอาคนที่ถูกถามต้องนิ่วหน้าด้วยความหนักใจ

การคิดค้นสูตรน้ำหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะขึ้นมานั้น ต้องลองผิดลองถูกบ่อยครั้ง จนกว่าจะเจอกลิ่นที่ใช่ แม้กระทั่งน้ำหอมของเธอเอง ยังต้องใช้เวลานานเกือบเดือน แต่นี่มีเวลาเพียงแค่สิบห้าวันกับน้ำหอมทั้งหมดสี่ห้ากลิ่น แค่คิดก็ไม่น่าจะทันเวลาเสียแล้ว

ยังไม่ทันได้ให้คำตอบกับขวัญชนก ศ.ดร.อนุสรณ์กับพิมพ์พรรณก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของพิมพ์ประภัทร พร้อมกับจานของว่างและน้ำหวานในมือ สองสามีภรรยาได้ยินสิ่งที่เพื่อนสนิทของลูกสาวเอ่ยถาม จึงพากันหัวเราะอย่างขบขัน ความจริงทางออกสำหรับเรื่องนี้มันไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลเลย

“คนเราจะคว้าทุกอย่างมาไว้ในมือพร้อมกันไม่ได้หรอกนะลูก” คนเป็นบิดาพูดจาแฝงให้ได้ใช้ความคิด “พ่อกับแม่ แล้วก็พี่พริมยังมีเวลาอยู่กับพราวอีกเยอะ แต่พี่แพรวกำลังจะแต่งงานแยกครอบครัวออกไปถาวร คงไม่ได้เจอกันบ่อยนัก เพราะฉะนั้นยังไม่ต้องมากังวลกับกลิ่นน้ำหอมของพวกเราหรอกลูก ในระยะเวลาเร่งด่วนแบบนี้ ทำให้กับคนที่สำคัญที่สุดก่อนก็พอ”

“ใช่จ้ะ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย เรื่องง่ายๆ เอง” มารดาเสริมอย่างเห็นด้วย

“แหม พราวก็กลัวว่าพ่อแม่กับพี่พริมจะน้อยใจนี่นา” พิมพ์ประภัทรยิ้มแหย ก่อนจะเดินเข้าไปหอมแก้มบุพการีทั้งสองตามความเคยชิน

“พราวนี่ชอบคิดมากอยู่เรื่อยเลย ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะเลิกนิสัยนี้ได้หรือเปล่า แต่พราวจะพยายามทำตัวให้สมกับเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นนะคะ สัญญาเลยค่ะ” รอยยิ้มน่ารักผุดขึ้นบนเรียวปากบางสวยพร้อมกับคำมั่นสัญญา

“พราวคิดมาก เพราะรักและแคร์พ่อกับแม่มาก มันไม่ผิดหรอกลูก” ศ.ดร.อนุสรณ์ยืนยัน

“ครอบครัวนี้น่ารักกันจังเลยนะคะ ขวัญอิจฉาจัง พ่อแม่ขวัญเสียไปหมดแล้ว ทุกวันนี้ก็อยู่กับคุณลุงที่วันๆ เอาแต่เมาเหล้า ตอนได้ทุนไปเรียนอยู่ที่สิงคโปร์ขวัญมีความสุขมากเลยค่ะ แต่พอกลับมาบ้านแล้วก็หนักใจทุกที” ขวัญชนกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด สีหน้าดูตึงเครียด ต่างจากตอนที่อยู่กับพิมพ์ประภัทรตามลำพังลิบลับ

“แม่ก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าชาติเอาแต่ดื่มเหล้าหนักขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ถ้าขวัญไม่รังเกียจอะไร มาอยู่กับเราที่นี่ก็ได้นะลูก ขวัญก็เป็นเหมือนลูกสาวอีกคนของพ่อกับแม่อยู่แล้ว แม่เห็นขวัญมาตั้งแต่ตอนขวัญเกิด แล้วพ่อแม่ของขวัญก็เป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา” พิมพ์พรรณเดินเข้าไปโอบไหล่หญิงสาวรุ่นลูกที่ยืนหน้าเศร้าอยู่ข้างหลังลูกสาว

“พ่อก็คิดแบบนั้นเหมือนกันนะขวัญ ถ้ามันอึดอัดหรือทุกข์ใจ ขวัญก็มาอยู่กับเราเถอะ บอกตามตรงนะว่าตอนนี้บ้านชาติศิลาเงียบเหงาทีเดียว พ่อกับแม่คงมีความสุขถ้ามีลูกสาวเพิ่มมาอีกคน” รอยยิ้มอบอุ่นของศ.ดร.อนุสรณ์ ทำเอาคนมองถึงกับน้ำตาคลอเต็มหน่วย

“ฉันก็จะดีใจมากเหมือนกันที่มีผู้ช่วยดีๆ มาอยู่ คอยช่วยฉันทำตามความฝันในระหว่างที่เธอยังหาความฝันของตัวเองไม่เจอ บ้านหลังนี้ต้อนรับเธอเสมอนะขวัญ” พิมพ์ประภัทรเห็นด้วยกับบุพการี “จะไปขนย้ายข้าวของกันเลยไหมล่ะ ฉันจะไปช่วยเดี๋ยวนี้เลย เอากิ๋งกับแหนม แล้วก็ลุงเหมี่ยวไปช่วยด้วย” พร้อมเสนอด้วยความเต็มใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel