บทที่ 8
“สวัสดีจ้ะขวัญ พี่สบายดี แล้วขวัญล่ะจ๊ะ เป็นยังไงบ้าง” คนถามลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินตรงมาหา
“ขวัญสบายดีค่ะ พี่พริมนี่สวยขึ้นมากเลยนะคะเนี่ย สวยจนขวัญแทบจำไม่ได้เลย” เอ่ยปากชมเปาะจนคนถูกชมหัวเราะออกมาเบาๆ
“ยังไงก็สู้สาวน้อยอย่างขวัญกับพราวไม่ได้หรอกจ้ะ” พิมพ์นาราถ่อมตัว “สองสาวคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะลงไปช่วยคุณแม่เตรียมของว่าง แล้วก็เข้าห้องหนังสือไปค้นหาหนังสือที่น่าจะมีประโยชน์กับพราวมาให้ด้วย พี่ไม่อยากให้สนใจแต่วิธีการทำหรือขั้นตอนการทำ พี่อยากให้ศึกษาลึกลงไปถึงรากมันเลย ประมาณว่าจะได้มีความรู้จริงให้อ้างอิงได้อย่างถูกต้องน่ะจ้ะ” หญิงสาวคิดอย่างรอบคอบ ราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของนิสัยนักโบราณคดีที่สืบทอดมาจากบิดา
“ขอบคุณมากนะคะพี่พริม” คนเป็นพี่สาวพยักหน้ารับรู้คำขอบคุณนั้น ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทันทีที่ได้อยู่ตามลำพัง พิมพ์ประภัทรก็หันไปยิ้มเริงร่ากับขวัญชนก “ความฝันฉันกำลังเริ่มต้นแล้วขวัญ! เธอดูสิ ทุกอย่างในห้องนี้คุณพ่อคุณแม่เป็นคนจัดการให้ทั้งหมดเลยนะ”
“ยอดเยี่ยมมาก ฉันเคยบอกแล้วว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่ขัดข้องหรอก เธอน่ะมันชอบคิดมากไปเอง” ขวัญชนกเดินไปรอบห้อง มองสำรวจอุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต “มันเข้าท่าดีนะ บางทีฉันก็น่าจะเริ่มคิดถึงความฝันของตัวเองบ้างได้แล้ว แต่ยังก่อนดีกว่า ใช้เวลากับเธอให้หายคิดถึงก่อนสักปี” แล้วเธอก็หัวเราะร่วน ก่อนจะเดินวกกลับมากอดพิมพ์ประภัทรแน่นอีกครั้ง
“ยินดีเลย ฉันกำลังเริ่มต้นขั้นแรก ฉันไม่ขัดข้องหรอกนะถ้าจะมีผู้ช่วย แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าไม่มีค่าตอบแทนอะไรมากมาย อย่างมากคงให้ได้แค่น้ำหอมกลิ่นที่เหมาะกับเธอสักขวด” พูดแล้วก็ทำจมูกฟุดฟิด “เธอเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมไปเรื่อยเลยนะขวัญ กลิ่นแบบนี้ยังไม่เหมาะกับเธอนักหรอก เพราะมันให้ความรู้สึกสบายๆ อารมณ์ดี สำหรับสาวแซ่บอย่างเธอต้องใช้กลิ่นที่มันเย้ายวน หนักแน่น แล้วก็มีเสน่ห์ร้อนแรงอย่างร้ายกาจมากกว่า”
“โห นี่ขนาดเพิ่งเริ่มต้น เธอยังจมูกดียังกับ...มืออาชีพแน่ะ”
“เธอจะบอกว่าฉันจมูกดีเหมือนหมาใช่ไหมยะ!” พิมพ์ประภัทรแสร้งทำหน้าง้ำ แต่แล้วก็หลุดหัวเราะออกมา เมื่อขวัญชนกทำหน้าตลกขบขันเพื่อแก้ต่างให้ตัวเอง
“แบร่!”
“พอเลยนะขวัญ ทำหน้าตาตลกแบบนั้น ระวังจะไม่มีหนุ่มๆ มาจีบนะ ขึ้นคานไปจนแก่ไม่รู้ด้วย...จริงสิ มาดูอะไรนี่ดีกว่า” หญิงสาวเพิ่งนึกได้ว่ามีบางอย่างต้องอวด พูดแล้วก็รีบเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานออก หยิบขวดน้ำหอมคริสตัลทรงสูงที่มีน้ำสีชมพูใสบรรจุอยู่เต็มขวดขึ้นมา
“น้ำหอมนี่นา ดีไซน์น่ารักจัง”
“นี่เป็นน้ำหอมขวดแรกในชีวิตที่ฉันคิดค้นสูตรให้กับตัวเอง ลองทำมาได้ครึ่งปีแล้ว แต่เชื่อไหมว่าฉันยังไม่เคยใช้มันเลยสักครั้ง”
“อ้าว ทำไมเธอถึงยังไม่ใช้มันล่ะ น่ารักน่าใช้ออกจะตายไป อดใจไหวได้ยังไงกันฮึแม่คนสวย” ขวัญชนกถามขณะรับขวดน้ำหอมไปมองอย่างชื่นชม
“ไม่รู้สิ ฉันก็อยากใช้นะ อยากให้กลิ่นของมันมาวนเวียนอยู่รอบๆ ตัว แต่คิดไปคิดมา น้ำหอมขวดนี้มันความภาคภูมิใจของฉันน่ะ ฉันเลยอยากเก็บไว้ใช้ในโอกาสที่สำคัญจริงๆ ถ้าใช้ทุกวันมันก็ไม่มีอะไรที่แปลกใหม่น่ะสิ”
“จริงของเธอนะ ของพิเศษๆ แบบนี้ ก็ควรมีไว้ใช้ในโอกาสพิเศษๆ มากกว่า” เพื่อนสาวหันมาพยักหน้า ก่อนจะเปิดฝาขวดออกอย่างระมัดระวัง
ทันทีที่กลิ่นน้ำหอมโชยออกมา ขวัญชนกก็หลับตาพริ้มราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก กลิ่นที่รับรู้ได้ทำให้โสตประสาทตื่นตัว มันเป็นความหอมละมุนที่ให้ความรู้สึกวาบหวาม แต่แฝงไปด้วยความความซุกซนแบบสาวน้อยวัยใส
แม้เธอจะไม่ใช่กูรูด้านน้ำหอมเหมือนพิมพ์ประภัทร ทว่ายืนยันได้เลยว่ากลิ่นนี้ ช่างเหมาะสมกับคนคิดค้นเป็นอย่างมาก เหมือนว่าแค่ได้กลิ่นลอยเข้ามาในจมูก ก็เป็นอันต้องเห็นภาพใบหน้าสวยหวานของพิมพ์ประภัทรขึ้นมาในทันใด
“เป็นยังไงบ้างขวัญ มันโอเคไหม”
“มันยิ่งกว่าโอเคอีกนะพราว มันหอมแบบ...” ขวัญชนกแทบคิดหาคำพดมาบรรยายไม่ถูก “มันหอมแบบว่า...ให้ตายเถอะ! มันหอมหวาน มันนุ่มนวล มันยังไงดีล่ะ...เอาเป็นว่าขนาดฉันเป็นผู้หญิงแท้ๆ พอได้กลิ่นนี้ยังอยากจะกลายเป็นเลสเบี้ยนให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย มันเป็นความรู้สึกเหมือนการตกหลุมรัก รักใครสักคนที่น่ารักมากๆ อะไรทำนองนั้นเลยนะพราว”
“จริงเหรอ นี่เธอแกล้งยอฉันเล่นหรือเปล่า ฉันซีเรียสนะขวัญ” พิมพ์ประภัทรถามอย่างคลางแคลงใจ
“โธ่ เธอก็รู้ดีนี่ว่าฉันเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา เหมาะฉันก็ว่าเหมาะ ไม่เหมาะฉันก็บอกไปตามนั้น แต่นี่มันคือเพอร์ฟูมที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็กต์มากพราว ฉันเชื่อเลยนะว่าเธอต้องไปได้สวยกับงานนี้แน่ๆ ฉันขอสนับสนุนอย่างเป็นทางการเลย แต่มีข้อแม้อย่างเดียว คือเธอต้องคิดค้นกลิ่นน้ำหอมที่เหมาะกับฉันให้ด้วยนะ ฉันชอบการตีความของเธอ ขนาดน้ำหอมของตัวเองยังทำออกมาได้เลิศเลอขนาดนี้ ฉันมั่นใจว่าเธอจะต้องหากลิ่นที่เหมาะกับฉันได้แน่”
